รีวิวแอนิเมชัน

รีวิวแอนิเมชัน Appleseed Ex Machina | อะนิเมะ+จอห์น วู

หลังจากได้ชมอะนิเมะ ‘Appleseed’ ภาคแรก กับภาพเคลื่อนไหว 3 มิติ ที่สวยงามน่าตื่นตา ในที่สุด ผมก็ได้พบกับอะนิเมะภาคถัดมาของมัน ‘Appleseed Ex Machina’

คนจักรกลสงคราม ล้างพันธุ์อนาคต
ภาพจากหนังแอนิเมชัน ‘คนจักรกลสงคราม ล้างพันธุ์อนาคต’

การกลับมาอีกครั้งในปี 2007 พร้อมได้ผู้อำนวยการสร้างจากฮ่องกงอย่าง จอห์น วู มาร่วมสร้างตำนานที่ต่อเนื่องมาถึงปี 2133 ภาคนี้ไม่ได้กล่าวถึงปมขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับไบโอรอยด์อีกแล้ว ปมเรื่องเปลี่ยนไปเน้นที่กลุ่มหน่วยรบสังหารของ ES.W.A.T. ที่ทำหน้าที่ปกป้องโอลิมปัสและทำลายผู้ก่อความวินาศ ซึ่งในภาคนี้กลับเป็นหุ่นไซบอร์กจากดาวโพไซดอน ที่ไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อการร้ายแทน

เมื่อบริอาเรียส คู่หูที่เป็นไซบอร์กของดิวนันบาดเจ็บ เธอก็ได้ไบโอรอยด์อย่างเทอเรียส (Tereus) มาเป็นคู่หูคนใหม่โดยไม่ได้ตั้งใจ เขามีหน้าตาและนิสัยใกล้เคียงกับบริอาเรียสขณะยังมีร่างกายปกติ ซึ่งนั่นก็เพราะเทคโนโลยีในการผสมพันธุกรรมนั่นเอง แน่นอนว่า มันทำให้ดิวนันหวั่นไหวเอามากๆ จำใจต้องทำงานร่วมกับคู่หูคนใหม่ ขณะที่ฮิโตมิ ตัวละครเด่นในภาคที่แล้ว กลายเป็นเพียงตัวประกอบหนึ่งเท่านั้น เธอพาเราไปรู้จัก คอนเน็กซัส (Conexus) เทคโนโลยีการสื่อสารชนิดใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยม ซึ่งมันกลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการก่อการร้ายครั้งนี้ด้วย

เกิดความสงสัยเกี่ยวกับหุ่นไซบอร์กที่ก่อการร้าย ซึ่งเป็นหุ่นที่มาจากโพไซดอน หากทางโพไซดอนปฏิเสธความเกี่ยวข้องดังกล่าว ภารกิจที่พวกเขาต้องผ่านมันไปให้ได้ ไม่ได้มีเพียง 2 คนเหมือนเดิมอีกแล้ว หากเป็นสามประสานที่มีปมทางด้านความรักเข้ามามีเอี่ยวด้วย

ดูเหมือนในภาคนี้ โอลิมปัสจะเป็นผู้นำสำคัญของโลก อะธีน่าขอความร่วมมือจากนานาชาติเข้ามาประชุมกัน เพื่อเชื่อมโยงระบบดาวเทียมระหว่างกัน และสร้างเครือข่ายการป้องกันการก่อการร้าย ขณะที่โอลิมปัสกำลังเผชิญอยู่กับผู้ก่อการร้าย ที่แทรกซึมด้วยสัญญาณที่ปล่อยมาจากข้างบน เทคโนโลยีดาวเทียมกลายเป็นอาวุธในการก่อการร้าย จินตนาการใช้ได้ทีเดียว


คนจักรกลสงคราม ล้างพันธุ์อนาคต
ภาพจากหนังแอนิเมชัน ‘คนจักรกลสงคราม ล้างพันธุ์อนาคต’

Appleseed ภาคนี้ ยังกำกับโดยผู้กำกับคนเดิม แต่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากภาคก่อน ทั้งในด้านเนื้อเรื่องที่ภาคนี้เน้นเรื่องปมด้านจิตใจของมนุษย์น้อยกว่า เรื่องการควบคุมการสร้างความเคลื่อนไหวของมนุษย์ดูเป็นธรรมชาติขึ้นมาก ไม่ดูแข็งๆ เหมือนภาคก่อน แต่เรื่องของโทนสีผิวของร่างกายมนุษย์ยังดูด้อยกว่า จากที่ผมชื่นชมการออกแบบยานพาหนะใน Appleseed แต่ใน Ex Machina กลับเลือกออกแบบยานของ ES.W.A.T. ในคอนเซ็ปต์ของแมลงอย่างผึ้ง ดูแปลกตา แต่ผมชอบไอเดียที่จินตนาการล้ำๆ อย่างภาคแรกมากกว่า

แน่นอนว่า ทีมที่ทำนั้นคนละทีมกัน จินตนการก็ย่อมต่างกัน แต่สิ่งที่ทำได้ดีไม่แพ้กันก็คือ ฉากการต่อสู้ที่ทำได้สนุกและน่าตื่นตาตื่นใจไม่ต่างกัน ภาคล่าสุด กลับไปเน้นที่การร่วมมือกัน แม้จะเกิดมาแตกต่างกัน จะเป็นมนุษย์ หรือไบโอรอยด์ จะเป็น ‘ดั้งเดิม’ หรือ ‘ก็อปปี้’ ก็มีตัวตนและมีความสำคัญเท่าเทียมกัน

คนจักรกลสงคราม ล้างพันธุ์อนาคต
ภาพจากหนังแอนิเมชัน ‘คนจักรกลสงคราม ล้างพันธุ์อนาคต’

เมื่อวันใหม่มาถึงอีกครั้ง ทุกอย่างคลี่คลาย พร้อมๆ กับบทพูดสุดท้าย เหลือเพียงคำตอบของอะธีนา เรายังคงมีชีวิตอยู่ เราต้องสู้ต่อไป และเราจะต้องไม่หยุด ที่สำคัญ ต้องไม่สูญสิ้นความหวัง ดูเหมือนความหวังจะอยู่ในตอนจบของแอนิเมะหลายเรื่องเสียจริง แต่ผมยังไม่ลืมหรอกนะ บทพูดที่ใช้บ่อยในภาคนี้

“ฉันจะปกป้องเธอไปจนกว่า โลกจะล่มสลาย”

PatSonic

บล็อกเกอร์ผู้ชอบดูหนังหลากแนว ฟังเพลงหลายสไตล์ มีเวลาว่างก็จะออกไปท่องเที่ยว บางเวลาก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน หยิบซีรีส์ขึ้นมาดู แล้วก็จะหยิบมาเขียนให้ทุกคนได้อ่านกัน

3 คอมเมนต์

  1. กรี๊ดดดดดดดด น่าดูๆ ผมว่าภาคแรกการเคลื่อนไหวก็เนียนใช้ได้นะ

Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save

Adblock Detected

เนื่องจากบล็อกนี้อยู่ได้ด้วยความเอื้อเฟื้อผู้เยี่ยมชม รบกวนไม่ใช้ Ad Blocker เพื่อการเยี่ยมชมที่สมูธครับ