เที่ยวเกาะช้าง (2) อิ่มหรู ดูหิ่งห้อย

ด้วยความที่นักท่องเที่ยวในช่วงนี้น้อยมาก คนขับรถตู้ขาวเลยเล่นอัพราคา แค่หาดทรายขาวก็ปาเข้าไป 100 บาทแล้ว เช่นเดียวกับหาดคลองพร้าว ส่วนใครจะไปหาดไก่แบ้นั้น จะถูกโก่งไปเป็น 150 บาททีเดียว เคราะห์ยังดี ที่มีคนที่อยู่ในพื้นที่อยู่ในกลุ่มผู้โดยสารด้วย เธอแจ้งไปยังผู้ใหญ่ในวินรถตู้ เมื่อพี่เขามาดูแล พวกเราจึงได้ขึ้นรถอีกคัน และจ่ายในราคาคนละ 60 บาทสำหรับการไปหาดคลองพร้าว ค่อยยังชั่วหน่อย มาถึงก็จะโดนขูดรีดเสียแล้ว

ใครจะไปเที่ยวเกาะช้างช่วงไม่มีคนและไปกันเอง ก็ระวังจะเจอแบบนี้เข้าก็แล้วกัน

แล้วเราก็เดินทางไปยัง “หาดคลองพร้าว” ที่ตั้งของ AANA Resort & Spa จนได้ ผมว่า รถตู้ก็เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจท่องเที่ยวเหมือนกันนะ ถ้านักท่องเที่ยวต้องเดินทางบนเกาะด้วยรถตู้ แม้จะเข้าใจว่า ลูกค้าน้อย แต่พวกเขาจะประทับใจกับทริปนี้ได้งั้นหรือ

AANA Resort & Spa

AANA Resort & Spa ไม่ได้ติดกับถนน แต่ต้องเข้าแยกทางด้านขวาไม่ไกลเท่าไหร่ รีสอร์ตนี้เต็มไปด้วยสีขาวของส่วนที่เป็นปูน สีน้ำตาลของส่วนที่เป็นไม้ไม่ทาสี และส่วนสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าที่ปลูกเต็มพื้นที่ บรรยากาศของรีสอร์ตเหมือนเดินเข้าไปอยู่ในป่า ล้อมรอบด้วยกลิ่นไอแบบสปาๆ

ด้วยความที่เป็นช่วง low season นักท่องเที่ยวที่มาพักจึงน้อยตามไปด้วย แต่สิ่งที่ได้มากลับคือ ความเป็นส่วนตัว มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นดินแดนส่วนตัว เงียบสงบ ไม่มีใครรบกวน

ในส่วนของห้องพัก ผมเลือกแบบ Deluxe Room ที่แม้จะราคาต่ำสุด แต่ก็พบว่าห้องสวยงาม อุปกรณ์ต่างๆ ครบครันกว่าที่ผมเคยไปใช้บริการ ทั้ง

ขวดกระเบื้องในห้องน้ำ สวยน่าใช้จัง

ด้วยความสวยของห้อง ผมไล่ถ่ายรูปไว้เพียบทีเดียว แล้วผมก็หลับใหลด้วยความง่วงงุน เพราะหลับมาเพียง 2 ชั่วโมงและไม่ได้หลับบนรถทัวร์เลย ก่อนจะตื่นขึ้นมาช่วงเย็น อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยออกไปเดินเล่นในรีสอร์ต ผ่านทางเดินไม้ที่พาลัดเลาะผ่านร้านกิฟต์ช็อปที่ขายของที่ระลึก โดยเฉพาะของที่มีอยู่ในห้องพักนี่ เขาทำดีไซน์สวยๆ ก็เพื่อจะขายของด้วยอะแหละ แต่ก็ไม่ได้แอ้มตังค์เราสักบาท เหอๆ

เดินผ่านมาถึง CinnAmon Restaurant ภัตตาคารริมคลองพร้าว บรรยากาศสุดโรแมนติก อยากจะนั่งเรือคายัคและพายเที่ยวคลองพร้าวจัง แต่ใจไม่กล้า เพราะไม่ชำนาญการพายเรือเท่าไหร่ แม้จะอยู่บ้านนอกมาแต่เกิดก็ตาม ไม่เคยพายเรือคายัค เลยไม่มั่นใจในการควบคุมทิศทาง แถมยังว่ายน้ำไม่เป็นอีก จนแล้วจนรอดถึงวันกลับ ก็ยังไม่เคยพายเล่นสักที แม้ว่าเขาจะมีเสื้อชูชีพให้ แถมใช้บริการได้ฟรีก็ตาม

บรรยากาศริมคลองพร้าว

เย็นนี้ ขอทานอาหารหรูๆ สักมื้อ เรากลายเป็นคู่เดียว ณ ที่นั้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง พนักงานเลยได้มาดูแลเราอยู่เพียง “โต๊ะเดียว” เหมือนแขกวีไอพียังไงยังงั้นเชียว แม้บรรยากาศดีๆ จะต้องแลกมาด้วยราคาที่ออกจะแพงอยู่สักหน่อยก็ตาม เราเลือกนั่งโต๊ะริมน้ำ ไม่มีหลังคาปกคลุม บนฟ้าเมฆเยอะแต่ฝนยังไม่ตก นั่งดูน้ำในคลอง ดูบ้านพักนักท่องเที่ยวที่ฝั่งตรงข้าม ดูครอบครัวต่างชาติพายเรือคายัคด้วยกัน เราถ่ายรูปไปและคุยกันไป จนอาหารมาถึง มันก็ถูกส่งลงท้องจนเรียบวุธ

หกร้อยบาทหมดไปในมื้อๆ เดียว…

มีแขกของรีสอร์ตมานั่งกินเบียร์อีกโต๊ะ และก็มีอีกคู่มานั่งรอที่ท่าน้ำ เราเองก็นั่งรออยู่ตรงนั้น ถามไถ่จากพนักงาน จึงรู้ว่า การจะดู “หิ่งห้อย” ต้องนั่งเรือที่รีสอร์ตเตรียมไว้ให้ ซึ่งจะมีตั้ง 1 ทุ่มยัน 3 ทุ่ม (ถ้าจำไม่ผิด) เอาล่ะ เดี๋ยวขอนั่งเรือไปดูหิ่งห้อยด้วยแล้วกัน คงเป็นกิจกรรมสุดท้ายของวันแรกแล้วล่ะ

ทุ่มเศษ ผมกับหมูน้อยก็ลงเรือลำใหญ่มุ่งไปบนสายน้ำ เข้าไปยังความมืดเบื้องหน้าของคลองพร้าว คลองน้ำเค็ม (หรือกร่อยนะ) ที่ทอดคดโค้งลงไปในผืนดิน บัดนี้ มีแต่ความเงียบและมืดรอบกาย แม้แต่พวกเรา 3 คู่ก็พูดคุยกันด้วยเสียงเบาๆ เหลือเพียงเสียงพายกระทบน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็น แถมไม่ได้สวมเสื้อชูชีพกันมาเลย หมูน้อยคงหวั่นๆ อยู่ไม่น้อย ขณะที่ผมเฉยๆ เพราะนั่งเรือพายมาตั้งแต่เด็ก

เมื่อเรือลอยลำเ้ข้ามาประมาณหนึ่ง เราก็เริ่มเห็นดวงไฟว้อบแว้บๆ ดวงเล็กๆ จากต้นไม้ต้นโน้นบ้างต้นนี้บ้าง พี่คนพายชะลอฝีพายทุกครั้งที่ใกล้ต้นที่มีหิ่งห้อยส่งแสงอยู่ แต่ขากลับ พี่เขาก็หยุดให้เราชื่นชมกับความงามของธรรมชาตินานขึ้นและใกล้ขึ้น

ในที่สุด เวลาของพวกเรากับหิ่งห้อยก็หมดลง เรือพาเรากลับมาสู่ท่าน้ำที่ CinnAmon Restaurant อีกครั้ง เอาล่ะ ได้เวลากลับห้องไปพักผ่อนนอนดูทีวีกันเสียที


คืนนั้น ด้วยความเหนื่อยอ่อน ผมหลับๆ ตื่นๆ ระหว่างถ่ายทอดฟุตบอลคู่ชิงชนะเลิศของยูโร 2008 ไม่มีความรู้สึกใดๆ ที่สเปนคว้าแชมป์เลยสักนิด

…รู้ผลแล้วก็ปิดทีวี แล้วหลับใหลเพื่อรอเช้าวันแรกใน AANA Resort & Spa

Link: จองโรงแรมที่เกาะช้าง Koh Chang Hotel/Resort Booking Online

Exit mobile version