ภาพยนตร์รีวิว

รีวิวหนัง Pandemic หยุดวิบัติไวรัสซอมบี้ | กึ่งแฮนด์เฮลด์ ซอมบี้แบบเรียลๆ

หนังซอมบี้ที่พยายามสร้างสรรค์แนวใหม่ด้วยนำเสนอมุมกล้องเหมือนดูหนังจากเกม

เข้าสู่สัปดาห์ใหม่ได้ไม่นาน หนังหลายๆ เรื่องก็เริ่มเดินหน้าโปรโมตให้ผู้คนได้รับรู้กันแล้วว่า ฉันจะเข้าแล้วนะ หลายเรื่องเล็กๆ ก็อาจจะต้องใช้ความพยายามมากหน่อย หนังเรื่องใหญ่ๆ มีแรงลงพื้นที่สื่อมากกว่าแถมคนยังสนใจใคร่รู้มากกว่า วันนี้ ผมเลยลองไปชมหนังเล็กๆ สักเรื่องหนึ่งที่มาในสไตล์ของหนังซอมบี้ แถมพกด้วยการถ่ายทำและเล่าเรื่องในแบบใหม่ๆ มานำเสนอ ‘Pandemic’ คือชื่อของหนังเรื่องนั้นครับ

ภาพจากหนัง 'หยุดวิบัติไวรัสซอมบี้'
ภาพจากหนัง ‘หยุดวิบัติไวรัสซอมบี้’

ชื่อฝรั่งนั้นอาจจะไม่ใช่คำที่คุ้นกันนัก ชื่อมันแปลกันตรงๆ ว่า “ซึ่งระบาดไปทั่ว” บ่งบอกถึงสิ่งที่ปรากฏในหนังได้ดี แต่ชื่อไทยดูจะเข้าใจได้ง่ายกว่า ‘หยุดวิบัติไวรัสซอมบี้’ บ่งบอกขึ้นมาอย่างชัดเจนเลยว่า นี่คือการหนังซอมบี้ที่มีที่มาจากไวรัสระบาด ซึ่งจะว่าไปมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากที่เราเคยๆ คุ้นๆ กันมาในหนังซอมบี้เรื่องอื่นเท่าไหร่นะ

แต่เรื่องราวและวิธีการเล่านี่สิที่ค่อยแตกต่างออกมาหน่อย


เรื่องย่อหนัง ‘หยุดวิบัติไวรัสซอมบี้’

เรื่องราวมันเริ่มต้นขึ้นที่แพทย์หญิงลอเรน เชส (Rachel Nichols/เรเชล นิโคลส์) เธอถูกเรียกตัวมาที่แอลเอเพื่อเข้าร่วมในหน่วย 314 ที่ได้รับภารกิจเข้าช่วยเหลือกลุ่มคนที่ยังเหลือรอดและซ่อนตัวอยู่เพื่อนำกลับมายังค่าย นอกค่ายคือพื้นที่ของการระบาดของไวรัสที่เราไม่ทราบแน่ชัดว่ามันคือสายพันธุ์อะไร แต่มันจะฟักตัวและสร้างความเจ็บป่วยแก่มนุษย์เป็น 5 ขั้นด้วย ซึ่งมีเพียงขั้นที่ 1 ที่ยังพอจะมีวัคซีนรักษา

สิ่งสำคัญก็คือหน่วย 313 ที่ออกไปก่อนหน้านั้นยังไม่ได้กลับมา

ตัวอย่างหนัง ‘หยุดวิบัติ ไวรัสซอมบี้’ [ซับไทย]

ลอเรน เชส กลายเป็นคนเดียวในหน่วยที่ไม่มีความสามารถและประสบการณ์ในการรับมือกับเหล่าซอมบี้ ภารกิจที่พวกเขาต้องออกไปพร้อมกัน นอกเหนือจากเรเชลแล้วก็ยังมี กันเนอร์ (Mekhi Phifer/เมคี่ ไฟเฟอร์), วีลเลอร์ (Alfie Allen/อัลฟี่ อัลเลน) และเดนิส (Missi Pyle/มิสซี่ ไพล์) ทั้งหมดแม้จะได้รับคำสั่งแต่เมื่ออยู่นอกค่าย ต่างคนก็ต่างมีแนวความคิดของตัวเอง รวมทั้งเชสที่มีบางสิ่งที่เธอต้องการจะทำในภารกิจครั้งนี้

ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะเหลือรอดกลับมาหรือไม่


รีวิวหนัง ‘Pandemic’

ถือเป็นหนังฟอร์มเล็กที่ได้แรงผลักดันและเครดิตจากทีมสร้างอย่างแท้จริง เพราะเมื่อได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้ว ก็ทำให้พบว่ามันเป็นหนังที่พยายามที่สุดแล้วที่จะเดินในทางของตัวเอง หากแต่ไม่อาจจะก้าวทะยานขึ้นมาสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้เท่าที่ควรจะเป็น

เล่าเรื่องซอมบี้ในแบบที่แปลกออกไป

หนังอย่าง ‘หยุดวิบัติไวรัสซอมบี้’ พยายามที่จะเล่าเรื่องมุมที่ไม่เหมือนหนังซอมบี้เรื่องอื่นๆ ด้วยการหยิบเอาแง่มุมของค่ายๆ หนึ่งที่ผุดขึ้นมากลางดงซอมบี้ในนคร และเลือกที่จะเล่าเรื่องผ่านมุมมองของหน่วยเล็กๆ ที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง พวกเขาสี่ห้าคนถูกส่งออกไปยังจุดที่ได้รับรายงานว่ามีผู้เหลือรอดซ่อนตัวอยู่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมทีมชุดก่อนถึงยังไม่กลับมา ทุกอย่างอยู่ในความเคลือบแคลง

แต่ดูเหมือนหนังจะไม่ได้ดำเนินเรื่องเพื่อส่งเสริมความเคลือบแคลงนั้นเท่าไหร่

ภาพจากหนัง 'หยุดวิบัติไวรัสซอมบี้'
ภาพจากหนัง ‘หยุดวิบัติไวรัสซอมบี้’

เราได้รับการบอกเล่าแบบนิดๆ หน่อยๆ ถึงเบื้องหลังของครอบครัวของตัวนางเอกในช่วงแรกของหนัง ก่อนที่ผู้เขียนบทและผู้กำกับฯ จะนำมันมาใช้อีกครั้ง แทรกแง่มุมดราม่าเข้ามาเบาๆ เราอาจจะต้องอดทนอยู่บ้างเพื่อจะผ่านช่วงแรกๆ ของหนังไป ก็เริ่มสนุกกับหนังมากขึ้นกับช่วงเวลาที่ต้องพบเจอกับเหล่าซอมบี้แบบจะๆ ด้วยภาพที่ค่อนข้างรุนแรง ปล่อยให้เราลุ้นกับฆ่าและเอาตัวรอดจากฝูงซอมบี้ที่บ้าคลั่ง

ช่วงท้ายถือว่าลุ้นได้พอประมาณ ดีกว่าครึ่งแรกพอสมควร

ใช้มุมมองจากตัวละครหลักหลายๆ ตัว

ด้วยมุมกล้องที่ใช้เฉพาะสิ่งที่เห็นกล้องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นมุมมองจากกล้องมือถือ กล้องที่อยู่บนหมวกของชุดปฏิบัติการภาคสนาม หรือจะเป็นกล้องวงจรปิดเองก็ตาม ทำให้หนังอย่าง ‘หยุดวิบัติไวรัสซอมบี้’ ให้ความรู้สึกค่อนข้าง ‘เรียล’ และเล่าเรื่องจากมุมของสมาชิกหน่วย 314 โดยที่ไม่รู้ข้อมูลอย่างอื่นเลย เราอาจจะไม่รู้ที่มาที่ไปมากนัก ไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดที่อื่น เห็นเพียงแต่เรื่องราวที่ตัวละครเอกประสบอยู่เท่านั้น ในช่วงที่พวกเขาต้องต่อสู้กับฝูงซอมบี้ พวกเขาก็ต้องต่อสู้ในระยะประชิด เสียบแทงหรือยิงก็เห็นกันจะๆ ตรงหน้า และเมื่อตัวละครล้มลุกคลุกคลานหรือหันหน้าไปทางไหน มุมของกล้องก็จะโกลาหลหรือแพนไปแพนมา บางคนเรียกมันว่า A First-person Shooter Movie

นี่แหละคือมุมมองสไตล์เกมยิงเลยล่ะ

ภาพจากหนัง 'หยุดวิบัติไวรัสซอมบี้'
ภาพจากหนัง ‘หยุดวิบัติไวรัสซอมบี้’

แต่ด้วยการใช้รูปแบบมุมมองและการเล่าเรื่องแบบนี้ บางทีก็เพราะมันไม่มีเรื่องอะไรจะเล่ามากมาย แต่ต้องการจะนำเสนอมุมมองที่แปลกแตกต่างออกไปในหนังประเภทเดียวกัน แม้สุดท้าย โดยรวมแล้วหนังไม่ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจอะไรนัก มีแต่ฉากรุนแรงที่เพราะมุมกล้องทำให้เรารู้สึกเหมือนกับเป็นความจริง และแม้สุดท้าย..

หนังจะจบแบบต่างจากที่คาดไปประมาณนึงก็ตาม


ชื่อภาพยนตร์: Pandemic / หยุดวิบัติไวรัสซอมบี้
ผู้กำกับภาพยนตร์: John Suits
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Dustin T. Benson
นักแสดงนำ: Rachel Nichols, Alfie Allen, Missi Pyle, Mekhi Phifer, Paul Guilfoyle, Danielle Rose Russell, Pat Healy, Robert Lewis Stephenson
ความยาว: 91 นาที
แนว/ประเภท: Action, Sci-Fi, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 19 พฤษภาคม 2559
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: New Artists Alliance, Tadross Media Group, Parkside Pictures, Mongkol Major

หยุดวิบัติไวรัสซอมบี้

Pandemic - 5

5

Pandemic

ด้วยมุมกล้องที่ใช้เฉพาะสิ่งที่เห็นกล้องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นมุมมองจากกล้องมือถือ กล้องที่อยู่บนหมวกของชุดปฏิบัติการภาคสนาม หรือจะเป็นกล้องวงจรปิดเองก็ตาม ทำให้หนังอย่าง 'หยุดวิบัติไวรัสซอมบี้' ให้ความรู้สึกค่อนข้าง 'เรียล' และเล่าเรื่องจากมุมของสมาชิกหน่วย 314 โดยที่ไม่รู้ข้อมูลอย่างอื่นเลย

User Rating: Be the first one !

PatSonic

บล็อกเกอร์ผู้ชอบดูหนังหลากแนว ฟังเพลงหลายสไตล์ มีเวลาว่างก็จะออกไปท่องเที่ยว บางเวลาก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน หยิบซีรีส์ขึ้นมาดู แล้วก็จะหยิบมาเขียนให้ทุกคนได้อ่านกัน
Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save

Adblock Detected

เนื่องจากบล็อกนี้อยู่ได้ด้วยความเอื้อเฟื้อผู้เยี่ยมชม รบกวนไม่ใช้ Ad Blocker เพื่อการเยี่ยมชมที่สมูธครับ