รีวิวหนัง Suicide Squad ทีมพลีชีพมหาวายร้าย | ในชั่วมีดี ในดีมีชั่ว

พักหลังนี่รู้สึกได้ถนัดว่า โลกของเรามีซูเปอร์ฮีโร่เดินกันเพ่นพ่านเต็มไปหมด จนแทบจะมีหนังซูเปอร์ฮีโร่ให้ดูกันทั้งปี อย่างว่า อะไรที่มันมากไปมันก็อาจจะมีบ้างที่จะเริ่มเบื่อเริ่มเฝือไปบ้าง แล้ว DC Comics ก็จัดให้ ‘Suicide Squad ทีมพลีชีพมหาวายร้าย’ งัดเอาเหล่าวายร้ายมารวมกันอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน แถมผันให้พวกเขาได้เป็นพระเอกไปซะเลย

ผลงานเรื่องใหม่จากฝีมือการเขียนบทและกำกับฯ ของ David Ayer เจ้าของผลงานกำกับฯ อย่าง ‘Fury’, ‘End of Watch’ และเคยเขียนบท ‘Training Day’ มาถึงวันนี้ เขาได้โอกาสทำหนังสไตล์แอนตี้ฮีโร่กับเขาบ้าง เมื่อตัวร้ายถูกปล่อยออกจากคุกมารวมพลังกันสร้างสรรค์สิ่งดี

ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นแนวที่เวิร์ก หรือจะล่มไม่เป็นท่า… ก็ไม่รู้

เรื่องย่อหนัง ‘ทีมพลีชีพมหาวายร้าย’

เหตุการณ์ผ่านมา หลังเกิดเหตุใหญ่เมื่อซูเปอร์ฮีโร่บางตัวในภาคก่อนอ่อนกำลังจนไม่อาจรักษาเมืองไว้ได้ ส่งผลต่ออาชญากรรมที่เพิ่มทวีความรุนแรงขึ้น จนหน่วยงานบางหน่วยคิดจะใช้เหล่าวายร้ายที่ถูกขังไว้อยู่ในคุกได้ออกมาก่อการดีเพื่อปลดเปลื้องโทษให้กับตัวพวกเขาเอง เหล่าวายร้ายทั้งชายและหญิงจึงได้เวลาออกมาทำงาน

Deadshot (Will Smith) มือแม่นปืนชนิดพระเจ้ายังยอมยกธง, Harley Quinn (Margot Robbie) สาวเซ็กซี่ผู้บ้าทั้งจิตและทั้งบ้าเลือด, จูน มูน สาวนักผจญภัยที่ถูกแม่มดโบราณสิงสู่ครอบงำ (Cara Delevingne) นอกนั้นแล้วก็ยังมี Boomerang (Jai Courtney), Diablo (Jay Hernandez), Killer Croc (Adewale Akinnuoye-Agbaje)

..โดยมี Amanda Waller (Viola Davis) คนที่ก้าวเข้ามาเสนอแผนนี้ โดยความกร้าวของเธอก็คือการบังคับให้วายร้ายทุกตัวที่ถูกปล่อยออกมาต้องทำตามคำสั่งของ Rick Flag (Joel Kinnaman) หาไม่แล้วพวกมันก็ต้องพลีชีพจากระเบิดที่ฝังเอาไว้คอของตัวพวกมันเอง

หลายคนคงสงสัย ว่าแล้ว The Joker (Jared Leto) หายไปไหนจากวายร้ายกลุ่มนี้ ทั้งที่มีชื่ออยู่ในหนัง มันก็ต้องมีตัวร้ายบางตัวสิที่บ่อนทำลายภารกิจที่คนในหน่วยงานของรัฐตั้งหวัง

รีวิวหนัง ‘ทีมพลีชีพมหาวายร้าย’

หลังจากเสียหายไปหลายแสนกับ ‘Batman v Superman: Dawn of Justice’ ที่ได้รับทั้งเสียงวิจารณ์ค่อนข้างแย่กับรายได้ที่ไม่ค่อยวิ่งไปตามเป้า คราวนี้ ค่ายดีซีกลับมาพร้อมกับเรื่องราวที่หยิบกลุ่มตัวร้ายมารวมตัวกันมาสร้างเป็นหนังบ้าง โดยพยายามที่จะสร้างให้ ‘Suicide Squad’ เป็นหนังที่ดูง่าย ดูสนุก ผิดแผกจากที่แล้วๆ มา

รวมกันเหล่าร้าย เพื่อก่อการดี

เริ่มต้นไว้ได้น่าสนใจ ด้วยการตั้งคำถามถึงการมีอยู่ของซูเปอร์ฮีโร่ในอีกแง่มุมหนึ่ง ถ้าหากว่าโลกนี้มีซูเปอร์แมนขึ้นมาอีกคน แต่ไม่ได้แค่ไร้เทียมทานยากที่ใครจะต่อกร แต่กลับเลวร้ายจนคนบนธรรมดาต้องเดือดร้อน โลกนี้จะไปต่อได้อย่างไร ในที่สุด คำถามนี้ก็ได้คำตอบมาเป็น การดึงเอาวายร้ายที่ถูกขังคุกไว้ออกมาใช้งาน ดูเป็นการตอบคำถามที่ไม่ตรงประเด็นสักเท่าไหร่

ถ้าฮีโร่คนเดิมไม่อยู่ แต่กลับเกิดฮีโร่คนใหม่ที่ไม่ใช่คนดีอย่างเก่า เราจะทำยังไง ก็เอาวายร้ายขึ้นมากำราบเสียไงล่ะ ดูงงๆ ดีนะ แต่สิ่งที่เป็นจริงมันก็คือ

ตัวร้ายในภาคนี้กลับกำเนิดขึ้นมาหลังจากการรวมกลุ่มวายร้ายเสียอีกแฮะ

หนังให้เวลาการแนะนำตัวละครพอสมควรเลย ค่อยๆ แนะนำไปทีละตัว เหมือนเปิดอ่านหนังสือที่เล่าประวัติตัวละคร ทำให้เราได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง ที่เหมือนจะดี เล่าข้อมูลได้เยอะแต่ทว่ามันกลับทำให้อินในตัวละครได้น้อยไปหน่อยน่ะ

‘Suicide Squad’ ทีมวายร้ายที่ก่อการดีไม่งั้นจะต้องพลีชีพนี้ หยิบเอาแง่มุมที่ว่า แม้ในคนที่เราคิดว่าเขาเลวร้ายที่สุด ก็อาจยังมีความดีซุกซ่อนอยู่ข้างใน วายร้ายบางตัวมีที่มาที่แสนขมขื่น แต่ก็ยังพร้อมจะเข้าใจคนอื่นและยินดีจะสู้ไปด้วยกัน ขณะที่บางคนเสียอีกที่ดูภายนอก ออกจะเหมือนเป็นคนดี แต่กลับมีจิตใจที่โหดเหี้ยมได้ไม่แพ้คนที่ได้ชื่อว่า “เลว”

ดูภายนอก เราอาจจะไม่รู้อะไรเลยก็เป็นได้

ในหนังตัวร้าย ก็ยังมีตัวดี

ใช่ว่าในหนังที่มีแต่ตัวร้ายๆ จะไม่พบพานตัวดีๆ ในหนังเลยก็หาไม่ ในหนังคุณจะได้เจอตัวละครที่แอบซ่อนอยู่ หรืออาจจะมีข้อมูลแพลมๆ มาให้คุณบ้างแล้วก็ได้ ว่าคุณจะได้พบกับ เดอะแฟลชคนใหม่ (Ezra Miller) รวมไปถึงแบทแมนคนใหม่ (Ben Affleck) อีกเช่นกันที่โผล่มาเหมือนแขกรับเชิญ ที่อาจจะช่วยเพิ่มความคิดถึงพวกเขาให้มากขึ้น เพื่อรอวันจะเจอะเจอในหนังภาคต่อไปอีกไม่นาน

ไม่ได้สปอยล์หรอกนะ ข้อมูลหนังใน IMDb ก็แปะให้เห็นอยู่

นอกจากนี้ หนังยังมีฉากแถมท้ายเครดิตมาให้ด้วย หนังจบแล้วก็อย่าเพิ่งลุกไปไหนกัน แม้จะปวดฉี่ก็ตามทีเถอะ ทนๆ เอาไว้ก่อน

บทอาจยังไม่ค่อยดี แต่ดาราหลายคนแสดงได้โดดเด่นมาก

อาจจะเป็นความพยายามที่ดีในการเกลี่ยบทให้กับวายร้ายแต่ละตัวได้วาดลวดลายเท่าเทียมกัน แต่ก็ยังพบว่าวายร้ายบางตัวได้รับบทเด่นกว่าตัวอื่นอยู่ดี การแสดงของ Margot Robbie ในบทสาวเซ็กซี่จิตหลุดโลกอย่างฮาร์ลี ควินน์ กลายเป็นจุดเด่นสำคัญของหนัง เธอกลายเป็นตัวละครที่ผู้คนจดจำ ด้วยความยียวนกวนประสาทผสมกับความเซ็กซี่มีลูกเล่นเป็นเอกลักษณ์ ขณะที่ดาราบางคนกลับทำได้เพียงให้เรารู้สึกว่าเขาพยายาม ที่เห็นได้ชัดคือ Jared Leto เขากลายเป็นวายร้ายโจ๊กเกอร์ที่ไม่มีอะไรน่าจดจำ

หรืออาจเพราะเราติดภาพจากคนเก่าก็ไม่รู้

David Ayer พยายามจะใส่ภาพของวายร้ายที่มีเบื้องหลังเพื่อสร้างความลึกในตัวละคร ซึ่งก็ทำได้ค่อนข้างโอเค มีช่วงเวลาที่ทำให้เราพอจะได้อินไปกับวายร้ายที่เจ็บปวดกับเรื่องในอดีต หลายคนถึงกับน้ำตาซึม แต่ผมได้เพียงแค่เศร้าตามไปด้วยเท่านั้น

ความโดดเด่นของ ‘Suicide Squad’ ยังมีอยู่ในอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะงาน CG ที่สวยงาม ใส่สีสันมาได้ค่อนข้างดี สอดรับเข้ากับระบบเสียงแสนกระหึ่มของโรง IMAX ส่วนการรับชมในแบบ 3 มิติยังถือว่าไม่ได้มีอะไรโดดเด่นพอให้รับชมในรูปแบบนี้ เสียงเพลงประกอบที่ขนมาแต่เฉพาะเพลงดังๆ และโดนๆ แม้ว่าอาจจะมากไปนิดจนเกือบดูเหมือนมิวสิกวิดีโอ หากถ้ามองว่านี่คือหนังซูเปอร์ฮีโร่ของดีซีที่ให้ความบันเทิงกับคนดูแล้ว มันทำออกมาได้บันเทิงสุดแล้วเท่าที่คุณจะหาได้ในปฐพีนี้

แต่ถ้าจะมองไปถึงเนื้อเรื่องและการตัดต่อของหนังภาคนี้แล้ว ก็อาจจะต้องบอกว่า ค่อนข้างจะเป็นไปในทาง “ธรรมดามาก” ไม่มีอะไรน่าสนใจนอกเหนือไปกว่าการดึงเอาวายร้ายมาทำงานร่วมกัน บทหนังพยายามยื้อสุดชีวิตที่จะปิดบังเรื่องราวบางอย่างเอาไว้เพื่อรอเฉลย ซึ่งพอเฉลยออกมาก็กลับกลายเป็นว่าทำให้เราไม่เข้าใจในการกระทำของใครสักคนในนั้นเข้าไปใหญ่ ก่อนหนังจะพาไปสู่ช่วงไคลแมกซ์ที่เหมือนจะตื่นตา แต่ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นใจ นอกไปเสียจาก CG ที่แสนงดงาม และ Cara Delevingne ที่ดูงดงามกว่าที่เคย

การแสดงของหลายๆ คน ทั้ง Margot Robbie, Will Smith, Cara Delevingne ทั้ง Joel Kinnaman ที่ทำให้หนังสนุกขึ้นมาเยอะเลย ซึ่งหากจะดูเพื่อเอาความบันเทิง ถือว่าหนังจัดได้เพียงพอแล้ว แต่ถ้าจะดูเพื่อความสมบูรณ์ (อย่างเช่นความสมเหตุผล ความแปลกใหม่ หรือความน่าจดจำ)

…หนังยังให้ไม่พอในสิ่งนั้น

ชื่อภาพยนตร์: Suicide Squad / ทีมพลีชีพมหาวายร้าย
ผู้กำกับภาพยนตร์: David Ayer
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: David Ayer
นักแสดงนำ: Will Smith, Jared Leto, Margot Robbie, Viola Davis, Jai Courtney, Ezra Miller, Adewale Akinnuoye-Agbaje, Ben Affleck, Joel Kinnaman, Cara Delevingne
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Comedy, Crime, Sci-Fi, Thriller
ความยาว: 123 นาที
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/ , USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 4 สิงหาคม 2559
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Atlas Entertainment, DC Comics, DC Entertainment