หมู-หมาเที่ยวลาว พักหนาว พักใจ ตอนที่ 6 : ขึ้นพระทาดพูสี

24.12.2008 ณ หลวงพะบาง ปะเทดลาว

หมาน้อยสังเกตได้ว่า ทุกๆ ที่ที่เราไป จะพบร้านขายของที่ระลึกเรียงรายประกอบฉากอยู่ด้วยเสมอ นักท่องเที่ยวทั้งหลายก็ช้อปกันไปบ้าง ดูของกันเพลินๆ บ้างไปตามประสา นั่งรถสกายแล็ปไปกันต่อ

ลงจากรถปุ๊บ เราก็ไปถ่ายรูปกันที่บันไดวิเศษ…

เป็นบันไดที่ สอนวิ่งลงไปขึ้นเรือระหว่างตามหาไกด์น้อย ในเรื่อง “สะบายดี หลวงพระบาง” ที่เห็นเบื้องล่างนั้น ก็คือ น้ำของ นั่นเอง

เวลา 15.40 น.

ขึ้นจากบันไดมา ก็มาถึงอีกวัดแล้ว “วัดเชียงทอง ราชวระวิหาร” วัดสำคัญและวัดสวยอีกวัดของลาว ด้วยสถาปัตยกรรมที่เน้นสีดำและสีทอง ช่างตัดกันจนทำให้ดูโดดเด่นสะดุดตา เป็นวัดประจำเมืองหลวงพระบาง

ถ่ายรูปกันจนเมื่อยมือ ก็ได้เวลาเดินทางกันต่อ

เวลา 16.23 น.

นั่งสกายแล็ปออกมาไม่นาน ก็ถึงอีกจุดหมายหนึ่ง คราวนี้ พลพรรครักลาวต้องใช้กำลังขากันนิดนึง เพราะเรากำลังจะขึ้นไปเที่ยวชมทิวทัศน์บน “พระทาดพูสี” (ถ้าเขียนให้อ่านเป็นไทยๆ ก็ได้เป็น พระธาตุภูศรี) ทางขึ้นนั้นตรงข้ามกับทางเข้าของวังเจ้ามหาชีวิตนั่นเอง แถมถนนที่คั่นระหว่างกลาง ก็คือถนนที่ใช้เป็นถนนคนเดินในยามเย็นและค่ำคืนนั่นไง

ถึงตรงนี้ หมาน้อยรู้สึกตัวเองว่า กำลังอ่านภาษาลาวได้เก่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังพบว่า ยังมีบางอักขระที่อ่านยากอยู่ บางทีไปช่วงเขาอ่านเซียมซี ยังมีมึนๆ ในบางคำ เสียหน้าไปนิดหน่อย อุตส่าห์ปรีดาว่าข้าอ่านลาวเก่งกว่าเพื่อนแล้วเชียวนะนี่

พระทาดพูสี คือพระธาตุที่ตั้งอยู่บนดอย เหมือนพระธาตุดอยสุเทพ ผู้ที่จะขึ้นไปนมัสการต้องเดินขึ้นบันไดจำนวน 328 ขั้น แต่ความจริงแล้ว พระทาดพูสีสูง 100 เมตร มีทางขึ้นสองทาง แต่เราึขึ้นทางนี้อาจมันชันน้อยกว่า

แสงเริ่มน้อยลงทุกที เริ่มจะถ่ายรูปยากขึ้นแล้ว เห็นหลายคนเริ่มหอบ แต่เรายังไหว ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงพระทาดจนได้ ทีนี้ก็ถ่ายรูปกันสนุกสนานทีเดียว

ที่นี่ มองลงไป เห็นลำน้ำคานได้อย่างชัดเจน และเห็นเมืองหลวงพะบางได้ทั้งเมืองเลยทีเดียว

นึกถึงมุขที่ไกด์ยุ้ยเล่นไว้ได้ ไกด์บอกแม่น้ำนี้ไหลช้า เพราะมันชื่อ “คลาน” ไป มันเลยไหลไม่เร็ว …ซะงั้น

ที่เหลือเรารอเวลาพระอาทิตย์ตก พร้อมๆ กับนักท่องเที่ยวจากหลากชาติหลากภาษาที่มารอด้วยจุดประสงค์อันเดียวกัน

เวลา 17.28 น.

ได้เวลาแล้วสินะ เดินไปจับจองพื้นที่ที่เหลือน้อย เพื่อเล็งถ่ายภาพพระอาทิตย์กำลังจะลับเข้าหลังทิวเขายามเย็น

เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นลง ก็ได้เวลาเดินลงไปเบื้องล่าง เดินเที่ยวถนนคนเดินกันอีกหน โดยมุ่งหน้าไปที่ “ไปสะนี” (La Poste) จุดนัดพบเพื่อขึ้นสกายแล็ป ระหว่างรอๆ กันอยู่ เลยแว้บไปซื้อซีดีเพลงลาวมาแผ่นหนึ่งกับคนขายที่ดูไม่ค่อยคุ้นชินกับภาษาไทยมากนัก น่าเสียดายที่ไม่ได้แลกเงินไป ทำให้ใช้เวลากันอยู่นานกว่าจะเสร็จธุระกลับมาที่จุดนัดพบได้

เวลา 18.23 น.

หมูกะหมากะน้องๆ นั่งสกายแล็ปไปยัง “โรงแรมวังทอง” เพื่อทานอาหารค่ำ คืนนี้ เราจะทานหรูในโรงแรมกันเสียที ก่อนจะทานอะไรกัน พวกเราก็ได้เข้าพิธีบายศรีสูขวัญกันก่อน

ที่นี่ เหมือนเราได้กลายเป็น “สอน” ที่ได้รับการต้อนรับกลับบ้านจากชาวลาว ทั้งผู้สาวและผู้เถ้า ที่มาผูกข้อมือให้เรา แต่ด้วยความที่คนมันเยอะเกิน ความสับสนอลหม่านจึงเกิดขึ้นเล็กๆ ปิดท้ายด้วยการกินขนมและผลไม้บายศรี ก่อนจะเดินกันไปยังอีกห้องหนึ่ง ห้องอาหารของพวกเรามื้อนี้…

ระหว่างทานอาหารกันไป พวกเราก็ได้รับการต้อนรับด้วยโชว์รำต่างๆ ตามแบบลาว

ไม่ได้อิ่มกันนัก เพราะต้องกินไปดูไป แต่มื้อนี่ก็เป็นอีกมื้อที่อาหารอร่อยถูกปากเช่นเคย

ได้เวลากลับโรงแรมกันแล้ว เรานอนกันที่โรงแรมวิลลาดาวเหนือเป็นคืนที่สอง ก่อนที่พรุ่งนี้ เราต้องเตรียมตัวเช็คเอาต์กันแต่เช้า แต่ก่อนหน้านั้น เราต้องตื่นที่เช้ามืดกันอีกครั้ง เพื่อเตรียมตัวไปตักบาตรข้าวเหนียว อันเป็นประเพณีที่ทำสืบทอดต่อมายาวนานของคนหลวงพะบาง

หมูกะหมาพักอยู่ชั้น 1 ชั้นล่างสุด พบว่าโรงแรมนี้ ยังไม่มีระบบที่ครบครันพอเท่าไหร่ โทรศัพท์ยังไม่มีใช้ ตู้เย็นมีให้แต่ลูกค้าต้องเสียบปลั๊กเอาเอง ห้องน้ำก็มีน้ำหยดรั่วจากห้องข้างบนเล็กน้อย แต่มีทีวีให้ดูหลายช่องมากมาย โดยเฉพาะ True Vision จากประเทศไทย วันนี้ หลายคนไปกรุ๊ปจะไปเดินเที่ยวกลางคืน หลายคนไปเที่ยวเธค ไปดูการเต้น “บัดสะลบ” แต่หลังจากรากงอกกับทีวีตรงหน้า ก็เลยตัดใจ ไม่ไปไหนดีกว่า

คืนนี้ต้องรีบนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีกแล้ว…

[แล้วมาต่อตอนหน้านะ]
Exit mobile version