รีวิวหนัง World War Z | อภิมหาสงคราม Z ‘ซอมบี้’

และแล้ว ก็ได้ชมหนังซอมบี้ที่รอคอย หลังปูพรมโปรโมตเรื่อยมาจนได้เวลาเข้าฉายในโรงหนังบ้านเรากันแล้ว ‘World War Z’ หรือ ‘เวิลด์วอร์ ซี มหาวิบัติสงคราม ซี’ ด้วยพล็อตที่พยายามฉีกกฎของซอมบี้ จากผีคนตายเดินได้อย่างกระย่องกระแย่ง กลายเป็นผีดิบที่เคลื่อนไหวว่องไว และทำงานกันเป็นทีม(แม้โดยไม่ตั้งใจ)เสียจนมองไม่เห็นหนทางจะต่อสู้

โลกเรานี้ยิ่งอยู่ยิ่งพบว่าอยู่ยากขึ้นทุกวัน โรคภัยจากไวรัสชนิดต่างๆ ถูกค้นพบไม่ขาดสาย แถมยังหนักข้อขึ้นทุกวัน จนหนังและซีรี่ส์ของฝรั่งหลายๆ เรื่อง เลือกจะหยิบมาเล่าในแง่มุมของ “ซอมบี้” ว่าโลกอนาคตที่เกิดโรคระบาด มีการตายและฟื้นคืนมาใหม่ในสภาพของคนตายที่เดินได้ พร้อมทั้งวิ่งบุกตะลุยเข้าใสฝูงชน กัดเพื่อแพร่กระจายตัวเองอย่างรวดเร็วเสียด้วย!

เมื่อพ่ออย่าง เจอร์รี่ เลน (Brad Pitt จาก ‘Allied’, ‘The Big Short’ และ ‘The Curious Case of Benjamin Button’) เลิกที่จะทำงานเสี่ยงตายและไม่ได้เห็นหน้าครอบครัว หันมาอยู่กับบ้าน ได้เจอหน้าภรรยาและลูกสาวสุดที่รักทั้งสองทุกวัน ดูจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีไม่น้อยสำหรับเขา แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนถนนในนิวยอร์กนี่สิ ที่กำลังพลิกผันชีวิตที่น่าจะสุขสงบของเขาไปอย่างหน้ามือเป็นหลังเท้า เพราะมาตรการกวาดล้างเหล่าซอมบี้เคลื่อนที่เร็วที่ดูจะไม่ได้เรื่อง ส่งผลให้พวกเขาต้องหนีตายกันอลหม่าน เมื่อพบกับกองทัพซอมบี้ที่วิ่งกระโดดกัดอย่างเอาเป็นเอาตาย

ภาพของการลุกขึ้นมาอีกครั้งของร่างมนุษย์ หากแต่ไร้ชีวิต กลายเป็นซอมบี้ในชั่วไม่กี่นาที ทำให้พ่ออย่างเขาถูกเรียกตัวไปช่วยกอบกู้สถานการณ์อย่างด่วนๆ

รีวิวหนัง ‘World War Z’

เหตุการณ์ครั้งนี้ ดูเหมือนจะส่งผลดีต่อครอบครัว แต่ก็หาเป็นไปอย่างที่คิดไม่ ครอบครัวได้มาอยู่ในที่ปลอดภัยด้วยเงื่อนไขแลกเปลี่ยน คือ ต้องการความสามารถและประสบการณ์ของเจอร์รี่ ไปช่วยคุ้มกันแพทย์หนุ่มที่ต้องไปค้นหาวิธีแก้ไขวิกฤตการณ์ซอมบี้ระบาดทั่วโลกนั่นเอง

แม้ไม่อยากพลัดพรากแต่จำต้องไป เพื่อครอบครัวโดยแท้!

เรื่องราวถูกเล่าไปอย่างมีขั้นมีตอน ดำเนินไปตามเส้นตรงแต่มีองก์ของตนเอง เริ่มต้นก็ลุ้นกันตัวโก่งเมื่อเขาเปิดตัวเหล่าซอมบี้กลางเมืองใหญ่ ความชุลมุนวุ่นวายหนีตายอลหม่านที่จัดเต็มตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้ช่วงต่อมาของหนังต้องสู้กับความคาดหวังในใจคนดู ดราม่าครอบครัวกลายเป็นพล็อตที่เสริมเข้ามาในระหว่างเรื่องราวการเดินทางข้ามโลกไปค้นหาคำตอบ ซึ่งกลายเป็นช่วงที่อลังการงานสร้างอย่างมากของหนัง เพราะเต็มไปด้วยฉากมุมกว้างที่เผยให้เห็นเหล่าซอมบี้ CG ที่วิ่งพล่านไปทั่ว กับการเอาตัวรอดของพระเอกและทีมงาน

ไปๆ มาๆ ครอบครัวกลายเป็นแค่ตัวประกอบไปเลย

เมื่อเจอกับองก์สาม หนังก็เปลี่ยนแนวกลายเป็นช่วงสยองขวัญ ที่สร้างบรรยากาศร่วมกับมุมกล้องและการตัดต่อที่ทำให้คนดูได้ลุ้นเยี่ยวเหนียวกันตลอดเวลา ใส่สไตล์ตุ้งแช่บ้าง อะไรบ้าง รวมทั้งซอมบี้แย่งซีนที่เล่นเอาฮาคิกคักสลับกับการลุ้นไป แต่ดูเหมือนเขาจะหลงลืมใครๆ หลายคนที่อุตส่าห์ปูมาเสียเยอะ มุขบางอย่างที่ดูเหมือนจะทิ้งแล้วไม่ตามมาเก็บ หรือจะเป็นการเล่นเกมเดาใจกับคนดูอยู่ก็ไม่รู้ได้

ด้านงานภาพ CG นับว่าไม่เลว แต่ 3D นั้นถูกนำมาเล่นเพียงบางจุด ส่วนใหญ่กลับไม่มีอะไรเอื้อให้จำเป็นต้องใช้ 3 มิติมากนัก เรียกได้ว่า ดูแบบ 3D ก็โอแต่ถ้าจะดู 2D ก็ไม่ได้น่าเสียดายอะไรไปมากนัก

อาจเป็นเพราะต้องการเรท PG-13 หนังจึงไม่ค่อยเปิดเผยให้เห็นเลือดสักเท่าไหร่ซึ่งทำให้ไม่สะใจมากพอ บทลงเอยยังไม่ถึงขั้นพีค ยิ่งใหญ่อลังการเพียงเฉพาะช่วงครึ่งแรก ก่อนจะเปลี่ยนแนวในช่วงหลัง ได้ข่าวว่ามีการเปลี่ยนบทในบางช่วงที่ทำให้ลดฉากแอ็คชั่นลง และกลับไปเน้นสไตล์หนังซอมบี้มากขึ้น เรื่องราวบางส่วนดูบังเอิญและรวบรัด บางทีก็ดูจงใจจนทำให้เกิดสถานการณ์บางอย่างขึ้น สำหรับผมแล้ว ดราม่าครอบครัวดูไม่ใช่เรื่องหลัก เป็นเพียงเหตุผลในการทุกกระทำของเจอร์รี่เพียงเท่านั้น

แต่ก็ยังเปิดให้มีพื้นที่มากพอที่จะสร้างภาคถัดๆ ไปได้อีกนะ หุหุ

ชื่อภาพยนตร์: World War Z / เวิลด์วอร์ ซี มหาวิบัติสงคราม ซี
ผู้กำกับภาพยนตร์: Marc Forster
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Matthew Michael Carnahan (screenplay), Drew Goddard (screenplay), Damon Lindelof (screenplay), Matthew Michael Carnahan (screen story), J. Michael Straczynski (screen story)
นักแสดงนำ: Brad Pitt, Mireille Enos, Daniella Kertesz
แนว/ประเภท: Action, Drama, Horror
เรท: ไทย/, USA/PG-13
ความยาว: 116 นาที
ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Plan B Entertainment, Apparatus Productions, GK Films, UIP
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 20 มิถุนายน 2556