หาเรื่องเที่ยวเขาใหญ่ Part 1 | นีระ นารา รีสอร์ท ที่พักที่เราเลือก

เที่ยวเขาใหญ่แบบปุบปับ จองที่พักแถวปากช่องเอาไว้ นีระ นารา รีสอร์ท

คิดขึ้นมาสักพักแล้วว่า จะหาเวลาสักวันสองวันออกเดินทางขับรถไปหาที่สักที่เพื่อหยุดพักจากทุกสิ่งแล้วเหลือเพียงแค่เราสองคน แล้ววันนั้นก็มาถึงเสียที กับการวางแผนแบบไม่เป็นรูปเป็นร่าง ใช้เวลาไม่กี่วัน แต่แทบไม่ได้มีเวลาให้แพลนอะไร ไปๆ มาๆ ก็มีเพียงแค่เวลาจองที่พัก แล้วก็ผ่านไปถึงคืนก่อนเดินทางกันเลย วางแพลนแบบคร่าวๆ เก็บของที่ยังไม่เสร็จแล้วก็นอนหลับ

ตื่นสายในเช้าวันต่อมา… เพื่อจะเตรียมตัวให้เสร็จแล้วออกเดินทาง

เสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2559 เวลาราวกว่า 9 โมง

ครั้งนี้ ดูเหมือนจะเตรียมตัวไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่เอาเถอะ เพราะความที่ไม่มีเวลามาก ได้เท่านี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว หลังตระเตรียมข้าวของเรียบร้อยก็ออกเดินทางในเวลาราว 10 โมงกว่าๆ สู่ “นีระ นารา รีสอร์ท” กันเสียที

“นี่เรียกว่าเช้าแล้วใช่มั้ย”

การเดินทางในวันหยุดยาวนั้นก็แค่เลือกเส้นทางที่จะเจอมวลมหาประชารถให้น้อยที่สุด ทางด่วนศรีรัชและอุดรรัถยาคือเส้นทางที่เราเลือก ลงทางออก 2-16 ผ่านเส้นทางหมายเลข 9 แล้วต่อด้วยเส้นทางปกติ ถ.พหลโยธิน (เส้นทางหมายเลข 1) ผ่านสระบุรี เข้าสู่ ถ.มิตรภาพ (เส้นทางหมายเลข 2) ผ่านแยกที่ตัดกับ ถ.ธนะรัชต์

มองทางซ้ายจะเห็นปั๊ม NGV ของ PTT ไปอีกไม่ไกลจะเจอเส้นทางเล็กๆ ทางซ้าย มีป้ายของรีสอร์ทที่พักของเราซึ่งนับว่าหาได้ยากมาก เพราะมันเป็นป้ายสีเขียวเล็กๆ แทรกตัวอยู่ท่ามกลางป้ายสีฟ้าที่ใหญ่กว่า

ใช้ Google Maps คงจะง่ายกว่าที่ผมบอกเยอะเลยเชียว

หลังจากขับรถคดเคี้ยวไปตามเส้นทางสายเล็กๆ ที่มีหลุมบ่อเป็นระยะๆ จนเลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางคอนกรีตที่เล็กกว่าเดิม ค่อยๆ ขับผ่านบ้านผู้คนจนแทบจะไม่คิดว่าในนี้จะมีรีสอร์ทตั้งอยู่ ก็มาเจอกับป้ายและโลโก้ที่จำได้ขึ้นใจจึงหักเลี้ยวเข้าในซอยเล็กๆ และพบเจอกับเจ้ารถสามล้อสีแดงรอต้อนรับเราอยู่ที่หน้า “Nera Nara Resort”

ในที่สุด เราก็มาถึงสินะ…

ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมงในวันหยุดยาวเช่นนี้ แต่ถ้าเป็นช่วงอื่นก็น่าจะใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมง

รีสอร์ทนี้ตั้งอยู่ใน อ.ปากช่อง มีทางในหมู่บ้านที่ซอกแซกจนไปบรรจบกับ ถนนเพชรเกษม และถนนเข้าเมืองปากช่อง หลังจากจอดรถที่ลานด้านหน้า พบกับเรือนไม้รูปทรงที่ให้กลิ่นความเป็นบาหลีและพี่ผู้จัดการที่รอต้อนรับเราอยู่หน้าล็อบบี้

ห้องที่เราเลือกไว้เป็นห้อง 303 ภายนอกเป็นสีเหลืองสไตล์โมร็อกโค ข้างในเป็นสีฟ้า มีระเบียงหน้าบ้านที่เอาไว้พักนั่งเล่นนอนเล่นสัมผัสกับบรรยากาศของคลองสายเล็กๆ น้ำใสไหลเย็นเห็นพืชพันธุ์ในน้ำพลิ้วไหว

ขนาด 1 ห้องนอนเตียงคู่ กับ 1 ห้องน้ำขนาดใหญ่ ดูท่าที่จะเน้นห้องน้ำมากๆ เพราะมีพื้นที่มากกว่าห้องนอนเสียอีก ห้องน้ำที่นี่แบ่งเอาไว้เป็นสัดเป็นส่วน ทั้งส่วนอ่างล้างหน้า ส่วนอาบน้ำภายในตัวอาคาร และส่วนอาบน้ำแบบเอาต์ดอร์หลังคาเปิดโล่ง

นอนอยู่บนเตียงก็สามารถจะมองเห็นคนที่อาบอยู่ได้ด้วยนะเธอ

อุปกรณ์ที่นี่มีให้ค่อนข้างครบครัน มีน้ำเปล่า ชาและกาแฟให้ทานฟรี (แต่เราดันทานจากห้องอาหารเสียก่อนแล้ว) มีทีวีจอใหญ่กับเครื่องเล่น (ที่เราไม่ได้ใช้เพราะเราเอาโน้ตบุ๊กและสาย HDMI มาเสียบ) มีตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า ร่มขนาดใหญ่ ดวงไฟมีทั่วทุกมุมห้อง ปลั๊กไฟอย่างเพียบ (แต่เราดันลืมอแดปเตอร์สำหรับปลั๊กของโน้ตบุ๊กมาด้วยนี่สิ) แม้ไม่มีไดร์เป่าผมแต่เราก็เตรียมมาเอง

จะมีจุดที่ไม่ชอบอยู่บ้างก็ตรงเครื่องทำน้ำอุ่นที่ดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ ทีวีไม่ค่อยชัดกับมีไม่ครบทุกช่อง กลางคืนมียุงนิดหน่อย ขณะที่เน็ตไวไฟก็หลุดบ่อยมาก แต่ถ้ามาเอาบรรยากาศนี่ เงียบสงบ เป็นธรรมชาติ และเป็นส่วนตัวอย่างมากเลยนะ

อาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2559 เวลาเกือบๆ 9 โมง

จากในห้อง ที่นี้ เราลองมาดูด้านนอกกันดีกว่า ว่า “นีระ นารา รีสอร์ท” เขามีอะไรกันบ้าง

ที่นี่มีห้องอาหาร “ริมน้ำ” ที่เราจะได้นั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน ซึ่งจะจัดให้ทานกันตั้งแต่ 07.30 ไปจนถึง 10 โมง บรรยากาศยามเช้าเย็นสบาย มีลมเอื่อยๆ อากาศราว 25 องศาเซลเซียส กับอาหารเช้าสไตล์กึ่งบุฟเฟต์ มีทั้งข้าวต้มแสนอร่อย, ไข่ดาว, ฮ็อตดอก, สลัด, ขนมปังปิ้ง และปาท่องโก๋ทานกับนม ทานกันริมคลอง

อิ่มมื้อเช้าและเราก็ไปเดินเที่ยวต่อ

ที่นี่มีสระน้ำขนาดย่อมให้แหวกว่าย แต่ดูแล้วท่าจะไม่มีลูกค้ามาใช้บริการสักเท่าไหร่

ข้างๆ มีอาคารหลังย่อมๆ เป็นห้องคาราโอเกะ คาดว่าน่าจะใช้รับรองแขกที่มาเป็นองค์กรหรือหมู่คณะ มีบริการนวดสปา เดินลงมาก็มีลานหญ้ากว้างๆ ที่น่าจะใช้ทำกิจกรรมกลางแจ้งได้เช่นกัน

ห้องที่เปิดบริการ เท่าที่เดินดูน่าจะมีอยู่ 4 แบบ หนึ่งคือ เป็นบ้านแบบเดี่ยวๆ อย่างที่เราพักอยู่ซึ่งจะ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ สองคือ บ้านหลังใหญ่ที่มีทางเข้าตรงกลาง น่าจะใช้สำหรับครอบครัวใหญ่ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และ 1 ห้องนั่งเล่น สามคือ บ้านหลังใหญ่ที่มี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องนั่งเล่น เหมาะสำหรับครอบครัว

สุดท้ายคือ แบบที่เป็นอาคารติดๆ กัน แบ่งซอยเป็นห้องๆ มีห้องนอน ห้องน้ำ และแต่ละห้องก็จะมีระเบียงเล็กๆ ของตัวเอง โซนนี้ ด้านล่างจะมีทางเดินเลียบลำตะคอง เดินลงไปดูน้ำในคลองได้ด้วย เขาทำเป็นน้ำตกขนาดเล็กๆ ไว้ นอนฟังเสียงน้ำไหลก็เพลินดีไม่หยอกนะ

จุดขายของที่นี่น่าจะเป็นบรรยากาศที่เงียบสงบ บ้านพักที่มีต้นไม้ล้อมรอบ ทุกหลังติดกับลำคลอง โชคดีก็จะได้เจอบ้านที่มีตุ๊กแกร้องต้อนรับ (แต่ไม่ต้องกลัวนะ มันอยู่นอกบ้าน) ส่วนพี่ผู้จัดการอัธยาศัยดีมากๆ เขาพักอยู่ในรีสอร์ทเลย ขนาดไปหาอะไรทานข้างนอก กลับมาสามทุ่มเศษก็ยังเจอพี่เขาเดินตรวจตราอยู่เลย

นี่ยังคิดอยู่เลยว่า น่าจะอยู่ต่ออีกสักคืน

Exit mobile version