หมู-หมาเที่ยวลาว พักหนาว พักใจ ตอนที่ 9 : วันสุดท้าย…

26.12.2552
เวลา 07.50 น.

ได้เวลาตื่นแล้วสินะ ไม่อยากตื่นแต่จำใจต้องตื่นขึ้นมาในเช้าวันสุดท้ายบนฝั่งลาว วันนี้ดูท่าหมูกะหมาจะอ้อยอิ่งกันมากไปหน่อย กว่าจะลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว จนออกมาทานข้าวต้มก็ปาเข้าไป… แล้ว มาถึงร้านอาหารริมน้ำซองก็เกือบจะไม่เหลืออะไรให้รับประทานกัน ตักข้าวต้มที่มีใส่ถ้วยมากินประทังหิวไปก่อน ก่อนที่จะไปทำหน้าที่ตากล้องให้กับบรรดาแก๊ง “สะบายดี” ทั้งหลายต่อ

บรรยากาศยามเช้าที่วังเวียงดูสดใส วันนี้ คงเป็นวันที่อากาศเย็นที่สุดตั้งแต่เข้ามา “ปะเทดลาว” แต่ก็ไม่ถึงกับต้องเสื้อกันหนาวกันสักเท่าไหร่ แสงแดดช่วยให้อุ่นได้ เสื้อกันหนาวจึงเป็นได้แค่ผ้าผูกเอว

หมูกะหมาเดินกลับมาเก็บข้าวเก็บของใส่เป้ให้เรียบร้อย แล้วก็เดินออกมารวมตัวกันที่หน้าโรงแรมทะวีสุก ถ่ายรูปกันเป็นเที่ยวสุดท้ายก่อนขึ้นรถทัวร์ เดินทางกลับสู่เวียงจันทน์

ก่อนจะออกจากตัวเมืองวังเวียง เราได้ผ่านลานกว้างๆ แห่งหนึ่ง เลยได้รู้ว่าที่นี่เคยเป็นสนามบินมาก่อน แต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้ว เวลาผ่านมาหลายวัน หมาน้อยมันหลงลืมข้อมูลไปหลายแล้วล่ะ

ช่วงเวลาที่เหลือ แทบไม่มีอะไรมากมายไปกว่า การนั่งๆ นอนๆ ในรถที่พาคณะกลับสู่งเมืองหลวงของลาว

เวลา 12.44 น.

หลับๆ ตื่นๆ กันมาจนถึงเวียงจันทน์ รถจอดแวะให้เราพักทานอาหารมื้อเที่ยงกันที่ “ห้องอาหารแม่ของ” ห้องอาหารที่อยู่ติดริมแม่น้ำโขง (หรือ “น้ำของ” ของคนลาว) มื้อสุดท้ายบนแผ่นดินลาวแล้วสินะ น่าเสียดายที่อาหารไม่อร่อยเท่าไหร่ สู้หลายๆ มื้อก่อนหน้านี้ไม่ได้จริงๆ

จบจากมื้อนั้น ก็ถึงเวลาช้อปปิ้งกันอีกครั้ง ไกด์ลาวพาเรามาถึงบริเวณ “ตะหลาดเซ่า” (ตลาดเช้า) ที่ที่หลายคนมาเก็บตกซื้อของฝากบ้าง ของกินของใช้ของตัวเองบ้าง

ของที่นี่ มีหลากหลายแล้วแต่จะหาอะไรเจอ หลังจากเดินดูเสื้อยืดลาวอยู่สักพัก จนพบว่า เสื้อที่ลาวนี่ มีเนื้อผ้าต่างคุณภาพกันอยู่ ไซส์ S และ M ตัวจะเล็กมาก ขณะที่ L ตัวจะใหญ่ หาตรงกลางระหว่างเบอร์ M กับ L ไม่ได้ แต่ราคาถูกมาก 50-70 บาทเท่านั้น หนังสือก็มีขาย ใครอยากหัดอ่านภาษาลาว ควรจะซื้อมานั่งอ่านเล่นสัก 2-3 เล่ม เหลือบไปเห็น “โดลาเอมอน” ภาษาลาว ราคา 70 บาท …

เห็นมีคนซื้อหนังสือสอนภาษาลาวมาด้วย รู้สึกเสียดายที่มองไม่เห็น ไม่งั้นจะซื้อมาแล้ว

เดินออกมาอีกโซนหนึ่ง เจอร้านขายซีดี ซึ่งขายราคาถูกกว่าที่หลวงพระบางอีก ไม่รู้ตอนนั้น คิดอะไรอยู่ ถึงไม่ควักเงินกีบที่เหลือจ่ายมันซะให้หมดก็ไม่รู้

หลังจากกลับมากันเกือบครบแล้ว มายืนรอออกันอยู่หน้าตลาด เพราะรถจอดไม่ได้ ต้องไปวนกลับมาอีกครั้ง ระหว่างนั้น ก็มีกลุ่มหนึ่ง เอา iPhone ของทำในจีนมาโชว์กัน ที่แท้มันคือ HiPhone ราคาเพียง 2900 บาท ถ่ายรูปได้ ฟังเพลงได้ แถมดูทีวีได้ด้วย ได้แต่ตัดใจ กลัวมันระเบิดหูเอา

เวลา 15.30 น.

รถพาเรามาถึงชายแดนอีกครั้ง ที่นี่ เราได้เวลาช้อปปิ้งครั้งสุดท้ายที่ร้านค้าปลอดภาษี ที่มีทั้งร้านใหญ่ร้านเล็ก ได้ของกันมาหลายชิ้น ในราคาที่ถูกทีเดียวในหลายรายการ ก่อนจะได้เวลากลับประเทศบ้านเกิดของแต่ละคนกันเสียที

และแล้ว เราก็พบหน้ากันอีกครั้ง เจ้ารถโค้ชกันโต 2 คันที่พาเรามาส่ง ตอนนี้ ได้เวลาที่มันจะมารับเรากลับไทยกันแล้ว…

คนขับรถพาเราข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว กลับมายังฝั่งไทย เข้าสู่จังหวัดหนองคาย และแล้ว เสียงเพลงจากเครื่องเล่นคาราโอเกะก็ดังขึ้น ชาวคณะต่างหมุนเวียนกันอย่างสนุกสนาน แหกปากร้องตะโกนด้วยสำเนียงที่เพราะบ้าง เพี้ยนบ้าง ลั่นคันรถไปตลอดทาง

เวลา 18.19 น.

แล้วเราก็มาถึง จ.อุดรธานี รถปล่อยเราลงที่ร้าน “VT แหนมเนียง” ร้านนี้ขายของกินของฝาก โดยเฉพาะแหนมเนืองที่แพ็กอย่างดี สามารถเก็บไว้ได้นานหลายวัน ดูจะเป็นร้านที่ขึ้นชื่ออยู่พอสมควร ด้วยเวลาที่น้อยนิด ทุกคนต่างใช้เวลากันอย่างคุ้มค่า เพียง 20 นาทีสมาชิกทุกคนขึ้นรถ เดินทางต่อ

จอดป้ายกันอีกหนที่ร้าน “ระเบียงพัชนี” ร้านนี้ อาหารอร่อยบรรยากาศดี อิ่มหนำกันไปด้วยเพราะหิวโซกันมาทุกคน ก่อนจะไปท่าอากาศยาน เพื่อไปส่งผู้สูงวัยที่เดินทางอย่างวีไอพีกลับทางเครื่องบิน ที่เรารีบกันมาทั้งหมดก็เพราะพวกท่านนี่แหละ

เวลาที่เหลือ ดูเหมือนจะหมดไปกับการแหกปากร้องเพลง หมูน้อยไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อย ส่วนหมาน้อยก็แหกปากร้องต่อไป ร้องจนเสียงแหบแห้ง แต่กลับเลิกร้องไม่ได้ เพราะมีสมาชิกเรียกร้องให้ช่วยร้องเป็นเพื่อนกันหน่อย เวลาผ่านไปถึงตีสองกว่าๆ กว่าทุกอย่างจะเงียบเสียงลง…

27.12.2552
เวลา 04.30 น.

ถึงจุดหมาย ณ สามย่าน ต่างฝ่ายต่างรวบรวมสัมภาระของตัวเอง แล้วจัดแจงหาทางกลับบ้านใครบ้านมัน เป็นอันว่า จบซีรี่ส์ “หมู-หมาเที่ยวลาว พักหนาว พักใจ” กัน ณ ตรงนี้…

———————————-

ต้องขอขอบคุณทุกท่านมาครับ ที่ตามอ่านกันมาจนถึงตอนนี้ ไม่คิดว่า จะเขียนได้ยาวถึง 9 ตอนเหมือนกันนะครับนั่น วันไหนได้ไปเที่ยวอีก ก็จะมาเขียนให้ได้อ่านกันอีกนะครับผม ไปล่ะ….

Exit mobile version