ชวนเจาะลึก 2 ประเภทบริการเคลือบแก้วที่คนรักรถทุกคนต้องรู้จักให้ดี
ในความเป็นจริงแล้ว การจะพื้นผิวของรถยนต์ให้สวยเงางามได้นั้น จำเป็นที่ต้องเลือกประเภทบริการเคลือบแก้วให้เหมาะกับสารที่ใช้
ใครว่าการเคลือบแก้วเป็นการนำสารเคลือบมาฉีด ๆ พ่น ๆ เพื่อให้พื้นผิวเงาเหมือนกระจกเพียงอย่างเดียว เพราะ ในความเป็นจริงแล้ว การจะพื้นผิวของรถยนต์ให้สวยเงางามได้นั้น จำเป็นที่ต้องเลือกประเภทบริการเคลือบแก้วให้เหมาะกับสารที่ใช้ รวมถึงลักษณะของพื้นผิวรถยนต์อีกด้วย ซึ่งหากคนรักรถคนไหนกำลังชั่งใจว่าจะเลือกใช้บริการเคลือบแก้วให้กับรถยนต์คันโปรดหรือไม่ และไม่แน่ใจว่าจะเลือกการเคลือบแก้วแบบไหนถึงจะใช่กับรถยนต์มากที่สุด ในวันนี้เราจะขอพาทุกคนไปเจาะลึก 2 เทคนิคการเคลือบแก้วที่เจ้าของรถยนต์ทุกคนต้องรู้จัก ซึ่งหากใครไม่อยากเสียเงินเคลือบแก้วที่ไม่ได้คุณภาพไปฟรี ๆ มาเจาะรายละเอียดของเคลือบแก้วแต่ละประเภทไปพร้อมกันเลย
บริการเคลือบแก้วแบบทามือดีไหม?
หลาย ๆ คนเชื่อว่าของทำมือ หรือ ของแฮนเมดนั้นเป็นของที่ต้องใส่ใจรายละเอียด ดังนั้น หากเลือกวิธีเคลือบแก้วแบบทามือ หรือ แบบแฮนเมดนั้นคงจะได้งานที่เก็บทุกรายละเอียดเหมือนชื่อ ซึ่งแท้จริงแล้ว บริการเคลือบแก้วลักษณะนี้นั้นจะเป็นการนำสารประกอบซิลิกามาทาบนชั้นผิวสีรถยนต์ด้วยฟองน้ำ แน่นอนว่าการใช้มือทาแบบนี้ย่อมหมายถึงค่าใช้จ่ายที่อาจจะลดลงจากการใช้อุปกรณ์การเคลือบที่น้อย แต่อย่าลืมว่าหากช่างที่ให้บริการนั้นมีประสบการณ์ที่น้อย หรือไม่มีความละเอียดมากพอ การเคลือบแก้วด้วยวิธีนี้ก็อาจทำให้รถยนต์ได้รับการเคลือบที่ไม่ทั่วถึง เกิดคราบน้ำยา ซึ่งจะทำให้แก้ไขยากอีกด้วย
แล้วถ้าจะเคลือบแก้วแบบระบบพ่นจะได้งานสวยไหม?
นอกจากการเคลือบแก้วแบบทามือแล้ว การใช้ระบบพ่นก็เป็นอีกหนึ่งบริการเคลือบแก้วที่เป็นที่นิยมสำหรับคนรักรถ โดยการเคลือบแก้วระบบพ่น หรือ Quartz Glass Coating นั้นถือเป็นเทคนิคการเคลือบแก้วที่จะช่วยให้สารเคลือบมีค่าความแข็งได้สูงถึงระดับ 9H หรือเทียบเท่ากับแร่ Quartz เลยทีเดียว ซึ่งหากยิ่งได้ช่างและอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงแล้ว บอกได้เลยว่าเคลือบแก้วที่ทำนั้นจะให้ความเงางาม แข็งแรง และสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานเลยทีเดียว ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบริการที่ลงทุนคุ้มค่ามาก ๆ แบบหนึ่ง
ควรตัดสินใจเลือกบริการเคลือบแก้วแบบไหนดี?
แต่เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วคนรักรถคนไหนยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกบริการเคลือบแก้วแบบไหนดี เราขอแนะนำให้ทุกคนลองพิจารณาถึง 2 ปัจจัย คือ
1. งบประมาณ
โดยการเคลือบแก้วระบบพ่นนั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า แต่การเคลือบที่ได้ก็มีแนวโน้มที่จะทนทานต่อการใช้งานมากกว่า
2. ตัวถังและพื้นผิวของรถยนต์
หากตัวถึงและพื้นผิวของรถยนต์อยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมลงเคลือบแก้ว มีการชำรุดในหลาย ๆ จุด หรือผ่านการเคลือบแก้วที่ไม่มีประสิทธิภาพมา การเคลือบแก้วครั้งต่อ ๆ ไปไม่ว่าจะวิธีไหนก็อาจเป็นเรื่องที่ยาก แลอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในการซ่อมแซมจุดที่ผุพัง ขูดเคลือบแก้วออก หรือหากแย่ที่สุดก็ไม่อาจใช้บริการเคลือบแก้วได้เนื่องจากตัวถังบางและไม่สามารถขัดได้อีก