รีวิว Fantastic Beasts and Where to Find Them | สัตว์มหัศจรรย์และวันของนิวท์

เชื่อว่าแต่ละคนที่มานั่งอ่านบทความนี้คงเคยผ่านการชมภาพยนตร์ซีรีส์ 8 ภาคอย่าง ‘Harry Potter’ มามากกว่าหนึ่งรอบแล้วแน่ๆ แม้ว่ามันจะผ่านมาหลายปี แต่ก็มั่นใจว่าทุกคนไม่ลืมหนุ่มน้อยแฮร์รี่ที่จบเรื่องราวของเขาไปแล้วอย่างน้อยก็ในช่วงนี้ และยังคงเป็นถ่านไฟเก่าที่แรงพอจะร้อนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อหนังของโลกเวทมนตร์ภาคใหม่กลับมาฉายในโรงภาพยนตร์อีกครั้งใน ‘Fantastic Beasts and Where to Find Them’

คราวนี้ J.K. Rowling ออกตัวเป็นทั้งผู้อำนวยการสร้างและเขียนบทเองกับมือ แถมไม่มีการเขียนเป็นหนังสือไว้ให้อ่านก่อนแต่อย่างใด หนังเรื่องนี้จึงสุดจะสดใหม่สำหรับทุกคนผู้เดินเข้าโรงไปเจอกับโลกเวทมนตร์ที่ขยายไปเล่าถึงดินแดนอเมริกา

ทว่าเรื่องทั้งหมดจะอยู่ในหนังสือเล่มที่แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้เรียน

เรื่องย่อหนัง ‘Fantastic Beasts and Where to Find Them’

นานหลายสิบปีก่อนที่พ่อมด Harry Potter จะถือกำเนิด ตำราเล่มหนึ่งที่พ่อมดมีชื่ออย่าง นิวท์ สคาเมนเดอร์ (Eddie Redmayne จาก ‘The Theory of Everything’, ‘The Danish Girl’) เขียนเอาไว้จากประสบการณ์การหนีบหิ้วเจ้าสัตว์ประหลาดสุดมหัศจรรย์ทั้งหลายจากอังกฤษข้ามทะเลสู่ฝั่งอเมริกา และสัตว์พวกนั้นก็ดูจะซุกซนกันน่าดู เผลอเป็นไม่ได้ เป็นต้องออกมาลุยข้างนอกให้นิวท์ปวดกะลาหัวเล่นๆ

‘Fantastic Beasts and Where to Find Them’ อาจเป็นแค่ตำราเรียนเล่มหนึ่งในยุคสมัยของพ่อมดปานสายฟ้า แต่เรื่องราวจริงๆ มันมีรายละเอียดมากกว่านั้น

ที่นั่น นิวท์ได้พบกับโกลด์สไตน์ (Katherine Waterston จาก ‘Steve Jobs’ และ ‘Alien: Covenant’) มือปราบอีกคนที่กำลังอยู่ในระหว่างภาคทัณฑ์ เธอเข้ามายุ่มย่ามกับเขาเพราะสงสัยในกระเป๋าที่เขาถือมาด้วย แต่ในที่สุดก็กลายเป็นคนที่คอยช่วยเหลือนิวท์ไปเสียงั้น อีกคนเป็นมือปราบตัวฉกาจ เกรฟ (Colin Farrell จาก ‘Total Recall’ และ ‘The Lobster’) ที่ดูจะตามราวีนิวท์อยู่ไม่เคยห่าง

และใช่จะมีแค่เหล่าผู้ร่ายเวทย์ หากยังมีมนุษย์ปุถุชนที่จับพลัดจับผลูกลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมมือปราบ เขาก็คือโควาลสกี (Dan Fogler) ชายร่างท้วมผู้ฝันอยากทำร้านขนมปัง ซึ่งที่นิวยอร์กนี่เขาจะเรียกพวกมักเกิ้ลว่า ‘โน-มาจ’

รีวิวหนัง ‘สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่’

ความแตกต่างจากจักรวาลพ่อมดแม่มดที่คุ้นเคยมา นั่นคือ คราวนี้ เจ.เค. โรว์ลิ่ง แกเล่นเขียนบทเพื่อสร้างหนังอย่างเดียวแล้ว แถมตัวละครก็ล้วนแต่เป็นคนที่โตกว่าสมัยแฮร์รี่ ณ ฮ็อกวอตส์ นั่นก็อาจเป็นส่วนหนึ่งให้หนังภาคนี้มีเรื่องราวและการดำเนินไปดูน่าสนใจกว่านั่นเอง

ตัวละครใหม่…ในดินแดนใหม่

เนื่องด้วยมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอเมริกา หาใช่อังกฤษอย่างในแฮร์รี่ และเป็นเรื่องราวที่เกิดก่อนแฮร์รี่จะมาอยู่ในโลกเวทมนตร์นานหลายสิบปี มันจึงกลายเป็นเรื่องราวของตัวละครกลุ่มใหม่ทั้งหมด

ไม่ว่าจะทั้งตัวเอกอย่าง นิวท์ สคาแมนเดอร์ ที่ก็ดูเป็นหนุ่มกว่าแฮร์รี่อยู่หลายปี ตัวรองอย่างโกลด์สไตน์ก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว แม้จะมีตัวละครเด็กอยู่บ้างแต่ก็ยังเป็นตัวละครประกอบ

เรื่องที่เขียนใหม่…สดใหม่เพื่อเป็นหนังโดยเฉพาะ

การที่ได้รู้ว่านี่เป็นการรับหน้าที่มือเขียนบทเองครั้งแรกของ เจเค โรว์ลิ่ง ก็ถือเป็นอะไรที่น่าสนใจแล้ว ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าเป็นโปรดิวเซอร์หนังเรื่องนี้เองด้วย แสดงให้เห็นว่าเธอทุ่มสุดตัวอย่างมากมาย

ซึ่งจะว่าไปมันก็ไม่เลวเลยกับการเขียนเรื่องราวใหม่ๆ ตัวละครใหม่ ในดินแดนใหม่ๆ โดยเชื่อมโยงกับแปดภาคเก่าบ้างนิดหน่อย แต่ได้เรื่องราวในโลกเวทย์มนตร์ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น กระชับมากขึ้น แถมยังเป็นอะไรที่สดใหม่เพราะคนดูจะไม่เคยได้รู้เรื่องราวของพวกเขาจากหนังสือเล่มใดมาก่อน

มารับชมกันสดๆ ในโรงเอาเลย ว่างั้น

การที่เคยติดตามแฮร์รี่ พอตเตอร์ มาทั้งแปดภาค แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นการตัดแปลง ตัดโน่นเพิ่มนี่จากต้นฉบับที่เป็นหนังสือสู่บทหนัง ย่อมจะมีบ้างที่ทำออกมาไม่ถูกแฟนผู้อ่านที่จินตนาการส่วนนั้นส่วนนี้และคาดหวังว่ามันจะปรากฏอยู่ในนั้น

แต่การเขียนบทเพื่อหนังโดยเฉพาะแบบภาคนี้ นอกจากมันจะได้ความสดใหม่แล้ว มันยังได้เรื่องราวที่เหมาะกับการดำเนินเรื่องในสไตล์ของหนัง ความยาวราว 2 ชั่วโมงจึงไม่ได้มีส่วนใดที่ขาดหายให้ต้องโวยวายกันอีก

ตัวละครยังไม่ถึงกับชวนอิน

ต่างคนก็คงต่างความรู้สึกกันไป แต่สำหรับนายแพทเองแล้ว ยังคงมีความรู้สึกว่าแม้ตัวหนังจะดำเนินเรื่องได้ฉับไวมากขึ้นด้วยเพราะพ่อแม่มดทั้งหลายต่างเจริญเต็มวัยสามารถร่ายมนต์โดยไม่ต้องขออนุญาตใครอีก นึกจะหายตัวก็หายได้ทันทีไม่ต้องรีรอ มันทำให้เรื่องราวมันไม่ดูเยิ่นเย้อหรือเชื่องช้าอย่างแต่ก่อนแล้ว

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า หนังจะไม่มีช่วงเนือยเสียเลย

ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า วันนี้ ก็ไม่ได้มีสภาพที่พร้อมนักสำหรับการรับชมภาพยนตร์ ด้วยอาการนอนน้อยที่มีอาจทำให้เกาะติดกับหนังที่มีรายละเอียดเยอะพอสมควร เรื่องที่สดใหม่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ให้ต้องใช้สมาธิเพิ่มขึ้นเพื่อติดตามและทำความเข้าใจเรื่องราว ‘สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่’ ดูพยายามมากพอสมควรที่จะเดินเรื่องให้สนุกกว่าที่เคย แต่ก็ยังพบว่า บางส่วนหนังก็ยังเรียบเรื่อยโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรก

แถมยังไม่ค่อยจะดึงผู้ชมเข้าไปร่วมอินในเรื่องราวของพวกเขาเท่าที่ควร ทำได้เพียงให้พวกเขานั่งเฝ้าดูเหตุการณ์ของพวกเขาเพียงเท่านั้นในบางขณะเวลา

ส่วนที่น่าประทับใจสุด ก็คงจะมี หนึ่ง ตัวนิฟเฟลอร์ สัตว์มหัศจรรย์ตัวสีดำที่หลงใหลในของมีค่า กลายเป็นตัวป่วนสุดน่ารักในหนังเรื่องนี้เลยแหละ อีกหนึ่ง คือชายร่างอ้วน (ที่แสดงโดย Dan Fogler) ผู้ฝันจะเป็นเจ้าของร้านขนมปัง เขามีพาร์ทโรแมนติกที่หลายคนประทับใจ แต่ผมชื่นชอบในพาร์ทคอมิดี้ของเขาเสียมากกว่า

Eddie Redmayne นักแสดงหลักของเรื่อง มีรูปแบบการแสดงที่ค่อนข้างตายตัว จนทำให้เหมือนเขายังเล่นอีกเรื่องอยู่ตลอดเวลา ทั้งสายตา การพูด และท่าที Ezra Miller กลับกลายเป็นคนที่ผมจำไม่ได้ว่าเป็นเขา แต่กลับเล่นเป็นเด็กไว้ค่อนข้างดี

Johnny Depp เสียอีกที่โผล่มาเพียงไม่กี่วินาทีก็ขโมยเสียงฮือฮาจากผู้ชมไปครอบครอง

เล่นกับโหมดดราม่าโรแมนติกได้ดีพอประมาณ

โดยรวม David Yates (เจ้าของผลงานอย่าง ‘The Legend of Tarzan’, ‘Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 1’ และ ‘Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 2’) ผู้กำกับฯ ที่อยู่กับโลกเวทมนตร์ของเจเคมานาน จนพอหาจังหวะที่น่าจะพอลงตัวกับหนังซีรีส์พ่อมดชุดใหม่นี้ได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังพบว่า หนังตอบโจทย์ในแง่ของคนรัก Harry Potter ที่โหยหาโลกแห่งการถือไม้เท้าร่ายเวทย์กันมาเนิ่นนานได้ค่อนข้างดี แต่ก็ยังไม่ได้ถึงขนาดน่าประทับใจขนาดนั้น หนังมีช่วงที่ลุ้นตื่นเต้นกับการแก้ไขปัญหาของตัวละคร มีการใส่เทคนิคพิเศษที่ค่อนข้างเนียนตาสมจริง

และพยายามจะเล่นกับอารมณ์ดราม่าและโรแมนติกอยู่พอสมควร

ผกก. และมือเขียนบทให้เวลาของหนังไปกับปูเรื่องเพื่อภาคต่อ ส่วนช่วงเวลาโรแมนติกในนั้น หนังทำออกมาได้มากพอที่จะสะกิดโดนใจคนดู บางส่วนอาจซึมซับจนรู้สึกบาดหัวใจ แต่บ้างก็อาจแค่พอรู้สึกได้ อย่างไรก็ดี

นี่คือเป็นบทเริ่มต้นที่ดีต่อการก้าวต่ออีก 4 ภาคที่เหลือข้างหน้า…

ชื่อภาพยนตร์: Fantastic Beasts and Where to Find Them / สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่
ผู้กำกับภาพยนตร์: David Yates
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: J.K. Rowling, J.K. Rowling (textbook)
นักแสดงนำ: Eddie Redmayne, Katherine Waterston, Alison Sudol, Johnny Depp, Ezra Miller, Colin Farrell, Jon Voight
แนว/ประเภท: Adventure, Family, Fantasy
ความยาว: 133 นาที
อัตราส่วนภาพ: 2.35:1
เรท: ไทย/ , USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 17 พฤศจิกายน 2559
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Heyday Films, Warner Bros.