ภาพยนตร์รีวิว

รีวิวหนัง The Shape of Water เดอะ เชพ ออฟ วอเทอร์ | รัก ดาร์ก แฟนตาซี

ผู้กำกับเลื่องชื่อด้านแฟนตาซีแบบดาร์กๆ Guillermo del Toro ที่เล่าความสัมพันธ์ของสาวใบ้กับสัตว์ทดลองในยุคสงครามเย็น

เป็นหนังที่เรียกได้ว่า “รอคอยมานาน” เลยแหละสำหรับนายแพท เพราะได้ยินเสียงโปรโมตมายาวนานกว่าครึ่งปี ก่อนที่จะได้ยินข่าวการมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 13 รางวัล ย่อมไม่ธรรมดา และสำหรับความคาดหวังในใจของเราแม้จะทัดทานเอาไว้ได้ดีแค่ไหนก็ตาม จวบจนวันนี้ก็คงถึงกาลได้เสพหนังที่ได้รับคำชื่นชมหนาหูอย่าง ‘The Shape of Water’ หรือชื่อไทย ‘เดอะ เชพ ออฟ วอเทอร์’ เป็นคำอ่านของชื่อภาษาอังกฤษนั่นแล

The Shape of Water เดอะ เชพ ออฟ วอเตอร์
ภาพจากหนัง ‘เดอะ เชพ ออฟ วอเทอร์’

ผลงานการเขียนเรื่อ เขียนบท และกำกับของ Guillermo del Toro ชายผู้ซึ่งสร้างสรรค์ผลงานหนังระดับขึ้นหิ้งมาหลายเรื่อง แต่ละเรื่องมีความชัดเจนในลายเซ็นเห็นได้ชัด และยิ่งเรื่องนี้ดูท่าจะตั้งใจทำมากมาย ละเอียดลออทุกกระเบียดนิ้ว

หนังจัดหนักจัดเต็มทุกทางอย่างเหลือเชื่อ..


เรื่องย่อหนัง ‘The Shape of Water’

เรื่องราวเชิงแฟนตาซีที่พาเราย้อนกลับไปในยุคสมัยก่อนโน้น ราวปี 1962 ยุคสงครามเย็นที่สหรัฐแข่งขันทุกอย่างกับรัสเซีย ต่างคนต่างไม่ยอมที่จะน้อยหน้านั้น โดยเฉพาะเรื่องของอวกาศ ทว่า ในวันหนึ่ง มีสัตว์ทดลองประหลาดถูกเคลื่อนย้ายมาไว้ที่นั่น ที่ที่เอไลซ่า (Sally Hawkins) และเพื่อนร่วมงานจอมพูดมากอย่าง เซลด้า (Octavia Spencer) ร่วมทำงานอยู่

เธอเป็นสาวใบ้ พูดไม่ได้แต่ได้ยิน ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดในห้องทดลองลับของสหรัฐ มีหน้าที่ปัดกวาดเช็ดถูทุกห้องในสถานที่แห่งนั้น เป็นเหมือนบุคคลพิเศษที่เข้าได้ทุกห้อง แต่ต้องเก็บความลับให้มิด

ตัวอย่างหนัง ‘เดอะ เชพ ออฟ วอเทอร์’ [ซับไทย]

สัตว์ประหลาดที่เคยอาศัยในน้ำเค็มจากแอฟริกาใต้ถูกขังอยู่ในห้องแห่งนั้น ดูเหมือนใครๆ จะมองว่ามันแสนอันตราย แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอพบวิธีในการผูกสัมพันธ์กับเขา และความสัมพันธ์ก็เริ่มจะแน่นแฟ้นมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ ริชาร์ต สตริกแลนด์ (Michael Shannon) ผู้เข้ามาคุมที่นี่รู้สึกไม่ไว้ใจ แถมยังถูกมันทำร้ายจนสองนิ้วขาด เขายังมองไม่เห็นหนทางจะสื่อสารกับมัน แล้วเธอก็ลักลอบพาสัตว์ทดลองออกมาจากที่แห่งนั้น

แต่จะหลบหนีพ้นการตามล่าได้แค่ไหนต้องตามไปดู!


รีวิวหนัง ‘เดอะ เซพ ออฟ วอเทอร์’

หนังคว้าลูกโลกทองคำไปได้สองใบด้วยกัน คือรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม (กิลเลอร์โม่ เดอ โทโร่) และรางวัลดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (อเล็กซานเดอร์ เดสแพลท) ก่อนจะมีชื่อเข้าชิงออสการ์ถึง 13 ตัว พอการันตีได้ความดีงามของภาพยนตร์เรื่องนี้

เรื่องราวที่มันดูแฟนตาซีโรแมนติก เรื่องของสิ่งมีชีวิตที่รูปร่างคล้ายมนุษย์ พูดไม่ได้ ทว่าแข็งแรง และอาศัยอยู่ในน้ำเค็ม ที่มีความสัมพันธ์ทางจิตใจกับมนุษย์สาวที่ก็เป็นใบ้ พูดไม่ได้สักคำเช่นกัน

The Shape of Water เดอะ เชพ ออฟ วอเทอร์
ภาพจากหนัง ‘เดอะ เชพ ออฟ วอเทอร์’

ทว่าหนังไม่ได้จัดวางตัวเองเป็นแค่สองแนวเพียงเท่านั้น หากมันยังมีความดาร์กและหม่นในอารมณ์และเรื่องราว เป็นเหมือนความรักที่น่ารันทดของสิ่งมีชีวิตสองเผ่าพันธุ์ที่ต้องหลบซ่อนจนคล้ายดั่งรักต้องห้าม แต่ก็มีตัวละครบางส่วนเห็นดีเห็นงาม ยินยอมพร้อมใจให้ทั้งสองสร้างสัมพันธ์

สองคนที่ไม่เหมือนกันเลยแต่กลับรักกัน พยายามทุกทางที่จะได้อยู่ร่วมกัน ในเรื่องนี้ Sally ต้องเล่นด้วยความเปลือยเปล่าอยู่หลายฉากเพื่อบอกให้รู้ถึงระดับขึ้นความสัมพันธ์

และระดับความแฟนตาซีที่ชวนอึ้งตาม

เธอต้องเล่นเป็นคนที่มีปัญหาทางการได้ยิน เธอสื่อสารทางคำพูดไม่ได้ จึงต้องใช้สายตาและท่าทางในการสื่อ ซึ่งพบว่าเธอทำได้ดีอย่างมาก เหมาะสมที่จะได้เล่นเป็นบทของเรื่องนี้จริงๆ

โปสเตอร์หนัง เดอะ เชพ ออฟ วอเตอร์
โปสเตอร์หนัง ‘เดอะ เชพ ออฟ วอเทอร์’ เวอร์ชั่นไทย

ขณะที่อีกส่วนกลับมองเขาเป็นสัตว์ประหลาด เป็นสัตว์ทดลอง มองว่าตัวเขาอันตราย การปล่อยให้เล็ดรอดหนีไปได้ถือเป็นความผิดอันใหญ่หลวง หนังมีกลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วเรื่อง การตามล่าผู้หลบหนีที่ทำให้ระทึกได้พอประมาณ

ขณะเดียวกันก็มีความแฟนตาซีในตัวมนุษย์น้ำที่ทำให้เราตื่นขึ้นมา

หนังเล่าถึงความโหดร้ายที่ไม่ได้อยู่กับสิ่งมีชีวิตที่หน้าตาประหลาด แข็งแรงกว่า มีเล็บแหลมคม ทว่าความโหดร้ายจริงๆ กลับอยู่กับสิ่งมีชีวิตที่หน้าตาไม่ต่างจากตัวเรา  หนังหยิบประเด็นชนชั้นมาถากแบบผิวๆ ตัวเอกเป็นแค่พนักงานทำความสะอาด ที่ไปรับกับตัวทดลอง

สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นขึ้นมากเทียบเท่ากับความแฟนตาซีของหนังเลย ก็คือ เสียงดนตรีประกอบที่ดูประณีตมากมาย การเล่าเรื่องบางส่วนที่สร้างสรรค์มาก สร้างความว้าวให้กับจิตใจของนายแพทได้เป็นอย่างดี พล็อตของเรื่องที่ผสมผสานเรื่องราวความรักต่างเผ่าพันธุ์ ผสมเข้ากับหนังย้อนยุค รวมเข้ากับงานภาพ การออกแบบตัวละคร และดนตรีประกอบสุดละเมียดละไม

มีความกลมกลืนกันไปหมดทั้งเรื่อง เหตุการณ์มันเกิดในยุคสงครามเย็น โทนสี การจัดเลือกสถานที่ รถรา และการแต่งกาย โดยเฉพาะมุมมองกล้องที่จัดมาอย่างหมดจด มองเห็นถึงความตั้งใจที่เต็มเปี่ยมของผู้กำกับและเหล่าผู้สร้างอย่างแท้จริง

หากจะมีที่ติบ้างก็คงเป็นอารมณ์หนังที่ละมุนเกินไปนิด แม้ว่านี่จะสไตล์เฉพาะตัวของ กิลเลอร์โม เดลโทโร่ ทว่าถ้าพักผ่อนมาไม่พอก็ต้องมีง่วงหาวกันบ้าง

แต่โดยรวมก็ยังเป็นหนังที่เหมาะจะดูรอบสองอยู่ดี


ชื่อภาพยนตร์: The Shape of Water / เดอะ เชพ ออฟ วอเทอร์
ผู้กำกับภาพยนตร์: Guillermo del Toro
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Guillermo del Toro, Vanessa Taylor
นักแสดงนำ: Sally Hawkins, Michael Shannon, Richard Jenkins, Octavia Spencer, Michael Stuhlbarg, Doug Jones
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
ความยาว: 123 นาที
แนว/ประเภท: Adventure, Drama, Fantasy, Horror, Romance, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 1.85: 1
ปี: 2018
เรท: ไทย/น15+, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 1 กุมภาพันธ์ 2561
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Bull Productions, Double Dare You (DDY), Fox Searchlight Pictures

เดอะ เชพ ออฟ วอเทอร์

The Shape of Water - 9

9

The Shape of Water

มีความกลมกลืนกันไปหมดทั้งเรื่อง เหตุการณ์มันเกิดในยุคสงครามเย็น โทนสี การจัดเลือกสถานที่ รถรา และการแต่งกาย โดยเฉพาะมุมมองกล้องที่จัดมาอย่างหมดจด มองเห็นถึงความตั้งใจที่เต็มเปี่ยมของผู้กำกับและเหล่าผู้สร้างอย่างแท้จริง

User Rating: Be the first one !

PatSonic

บล็อกเกอร์ผู้ชอบดูหนังหลากแนว ฟังเพลงหลายสไตล์ มีเวลาว่างก็จะออกไปท่องเที่ยว บางเวลาก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน หยิบซีรีส์ขึ้นมาดู แล้วก็จะหยิบมาเขียนให้ทุกคนได้อ่านกัน
Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save

Adblock Detected

เนื่องจากบล็อกนี้อยู่ได้ด้วยความเอื้อเฟื้อผู้เยี่ยมชม รบกวนไม่ใช้ Ad Blocker เพื่อการเยี่ยมชมที่สมูธครับ