ภาพยนตร์รีวิว

รีวิวหนัง The Space Between Us | รักเราห่าง(แค่)ดาวอังคาร

เรื่องรักของมนุษย์ดาวอังคารที่ตกหลุมรักมนุษย์บนโลก

ในวันที่ฉันป่วย หวัดรุมเร้า กินยาลดน้ำมูกแล้วมันก็ยังเบลอๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์แบกสังขารออกมาขึ้นรถไฟฟ้าเข้าโรงหนัง ดูเหมือนร่างกายจะไม่ต้องการหนังที่ย่อยยากมากนักในช่วงนี้ แล้วก็พบว่าหนังวันนี้ไม่ได้ย่อยยากอะไรเช่นนั้น ‘The Space Between Us’ ก็เป็นไปในทางนั้น

The Space Between Us รักเราห่าง(แค่)ดาวอังคาร
หนังรักไซไฟ ‘รักเราห่าง(แค่)ดาวอังคาร’

ชื่อไทยสวยๆ ว่า ‘รักเราห่าง(แค่)ดาวอังคาร แรกเริ่มเดิมทีก็นึกภาพว่ามันจะเป็นหนังโรแมนติกจ๋า มีแต่ฉากฉ่ำเยิ้มเต็มเรื่อง แต่เมื่อมาพบหนังจริงๆ ก็กลับพบว่า

มันเป็นหนังที่เป็นได้ทุกทางเลย!


เรื่องย่อหนัง ‘The Space Between Us’

มันเป็นเรื่องราวของการ์ดเนอร์ เอลเลียต (Asa Butterfield) เด็กหนุ่มวัย 16 ที่เกิดและเติบโตบนดาวอังคาร เขาเกิดขึ้นอย่างที่ผู้เป็นแม่ไม่ทันได้ตั้งตัว ซาราห์​ เอลเลียต (Janet Montgomery) เดินทางสู่ดาวอังคารเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความกล้าหาญของมนุษยชาติบนถิ่นฐานแห่งใหม่ของมนุษยชาติโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังตั้งครรภ์

และการ์ดเนอร์ก็ได้กลายเป็นมนุษย์ดาวอังคารคนแรกและคนเดียวจนถึงตอนนี้

ตัวอย่างหนัง ‘The Space Between Us’ [ซับไทย]

มันเป็นเรื่องความผิดพลาดที่ต้องถูกปกปิดไว้ แต่ก็คงไม่อาจจะห้ามไม่ได้เด็กหนุ่มแสนฉลาดเฉลียวเดินทางกลับสู่โลกเพื่อเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง เขาได้พบกับทัลซ่า (Britt Robertson)​ หญิงสาวบนโลกคนเดียวที่เฝ้าอยากเจอ

แต่ดูเหมือนสภาพร่างกายของเขาไม่เอื้ออำนวยให้มีชีวิตอยู่บนโลกได้นาน แล้วเรื่องรักของเขามันจะลงเอยอย่างไร


รีวิวหนัง ‘รักเราห่าง(แค่)ดาวอังคาร’

ดูจากตัวอย่างที่ผ่านตาแล้วมันเหมือนจะเป็นหนังที่เน้นหนักไปที่ฉากโรแมนติกเลยแฮะ แต่พอไปเจอจริงๆ มันกลับไม่ใช่ มันมีส่วนของไซไฟมากพอสมควรเลยแหละ

มันไม่ใช่แค่หนังไซไฟโรแมนติก

หนังบอกเล่าถึงโครงการที่พวกเขาเรียกมันว่า “ความกล้าหาญ” ของมนุษย์ที่ทำให้เราสามารถจะก้าวหน้าถึงขึ้นไปทำการทดลองอยู่อาศัยบนดาวอังคารกันได้ เริ่มต้นมานี่เป็นไซไฟอย่างแจ่มจ๋ากันเลยทีเดียว

ก่อนจะพบว่า การ์ดเนอร์กลายเป็นเด็กที่ต้องเกิดบนดาวอังคารอย่างไม่ตั้งใจ

เมื่อโตขึ้นมาเขาก็เกิดอยากจะกลับมายังโลกมนุษย์ เพื่อมาพบเจอกับหญิงสาวที่ติดต่อกันไว้มาเนิ่นนาน ความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูไม่แปลกเพราะเขาเป็นมนุษย์ที่ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับโลก อาการตกหลุมรักง่ายๆ นั้นมันก็เลยพอจะคล้อยตามได้

ความซื่อเป็นคุณสมบัติของเด็กดาวอังคารที่เพิ่งจะได้มารู้จักและสัมผัสกับโลก แม้จริงๆ มันจะเป็นแค่กระผีกเดียวของโลกเท่านั้นก็ตามทีเถอะ

The Space Between Us รักเราห่าง(แค่)ดาวอังคาร
หนังรักไซไฟ ‘รักเราห่าง(แค่)ดาวอังคาร’

พร้อมกันนั้นการ์ดเนอร์ก็มีอีกภารกิจ คือการมาเพื่อตามหาพ่อที่แท้จริงของตน 

เด็กหนุ่มผู้มีความเฉลียวฉลาด เพราะบนดาวอังคารเขาเติบโตมาในวงล้อมของนักวิทยาศาสตร์ การกลับสู่โลกเป็นความฝันหนึ่งของมนุษย์ดาวอังคารที่อยากจะเป็นชาวโลกบ้าง

ทุกอย่างบนโลกสำหรับเราคือสิ่งปกติที่อาจน่าเบื่อไปแล้ว แต่สำหรับเขา มันคือสิ่งใหม่ที่เพิ่งได้ค้นพบ ระหว่างของการตามหาพ่อที่เขายังเชื่อว่าต้องยังมีชีวิตอยู่แน่ๆ

นอกจากนี้ ‘รักเราห่าง(แค่)ดาวอังคาร’ ยังมีความเป็นหนังผจญภัยสไตล์ Road Movie เมื่อตัวละครต้องตะลอนไปทั่วสหรัฐฯ​ เพื่อไล่ตามหาพ่อของเขาได้เจอ แม้จะต้องเสี่ยงกับการไม่รอดชีวิตอยู่บนดาวโลกก็ตาม หนังใส่ความเพลิดเพลินไปกับการเดินทาง และสร้างความรักที่เกิดขึ้นฉับพลันระหว่างคู่พระนาง

มีดราม่าแถมให้ด้วยอีกต่างหาก

นักแสดงนำเล่นได้โอเค ดนตรีประกอบเพราะดี

เชื่อว่าหลายคนจับจ้องที่จะได้มองหน้า เอซ่า บัตเตอร์ฟิลด์ เด็กน้อยในวันเก่าที่วันนี้เขาโตขึ้นและก็ยังแสดงได้เข้าที รับส่งบนกับ บริตต์ โรเบิร์ตสัน ได้อย่างเข้าขา แม้บางคนจะมองว่าบริทดูหน้าแก่เกินว่าจะเล่นบทวัยรุ่นได้ แต่ดูขนาดตัวแล้วก็คงจะลำบากถ้าหากจะไปเล่นบทที่แก่กว่านี้

ถ้าจะเทียบบริตต์ในเรื่องก่อนหน้า เธอดูจะเล่นไว้ได้ดีกว่าหนังอย่าง ‘Tomorrowland’ ด้วยซ้ำ

ที่จะไม่พูดถึงไปคงมิได้ เขาคือ แกรี่ โอลด์แมน ในบทนาธาเนียล ผู้ที่คุมทีมปฏิบัติการทดลองการอยู่อาศัยบนดาวอังคาร เล่นไว้ได้เข้าที ไม่ว่าจะเป็นตอนพูดปราศรัยวันส่งตัวนักบินอวกาศขึ้นเครื่อง หรือจะเป็นบทดราม่าที่ยังดูไม่เต็มที่นักก็ตาม

The Space Between Us รักเราห่าง(แค่)ดาวอังคาร
โปสเตอร์หนังเรื่อง ‘รักเราห่าง(แค่)ดาวอังคาร’

ในระหว่างทางการเดินเรื่อง ถือว่าหนังไม่ได้มีความซับซ้อนของเนื้อเรื่องมากมายนัก พอจะตามกันไปได้แบบเพลินๆ สลับกันไปบ้างกับฉากการเดินทางในทิวทัศน์ที่สดสวย มีเสียงเพลงดนตรีประกอบเพราะๆ

ทำให้หนังดูสบายๆ ติดตามไปได้จนจบ

มีหลากหลายปมให้เก็บเกี่ยว เอาทุกทางแต่ไม่อาจสุดทุกทางได้

สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้สำหรับหนังเรื่องนี้ มันมีส่วนผสมของหลายสิ่งในเรื่องเดียวกัน ที่เมื่อนำมารวมกันแล้วมันก็ไม่ได้ดูว่ามีอะไรแปลกแยกออกไป ไม่ว่าจะเป็นการใส่ความเป็นหนังผจญภัยเข้ามา ตอนแรกที่คิดว่าจะมีแต่โรแมนติก แต่ก็พบว่าหนังเล่นกับช่วงเวลาของไซไฟมากกว่าที่คิด มีช่วงเวลาที่ความเป็นไซไฟประปรายตลอดทั้งเรื่อง แถมยังมีบางส่วนสร้างเซอร์ไพรซ์กับคนดูได้ด้วย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินการคาดเดามากนัก

คนเขียนบทเลือกจะแทรกใส่แง่มุมของปรัชญาเข้ามาผสม เรื่องของการมองโลก มองมนุษย์จากมุมของคนที่เพิ่งได้ทำความรู้จักกับโลกมนุษย์ เหมือนหนังจะไปทุกทางเท่าที่อยากจะไป

ถ้าไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมัน หนังมันก็โอเคอยู่นะ

แต่ถ้าซีเรียสกับเรื่องราวที่อยู่บนพื้นฐานของความน่าเชื่อถือในมาตรฐานหนังไซไฟ หลายอย่างดูแปลกแปร่งและไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก หนังพาให้ตัวละครอย่างการ์ดเนอร์กลายเป็นตัวละครที่ดูมีความขัดแย้งในตัวเอง ทั้งยังตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่มันดูแหม่งๆ

เมื่อหนังอยากจะเดินทางไปถึงพาร์ทดราม่า ก็เหมือนว่าพวกเขาจะนำพาไปได้ไม่สุด รู้สึกเซอร์ไพรซ์ได้พอประมาณกับสิ่งที่ไม่คาดคิด ก่อนจะพาเราเข้าสู่โหมดดราม่าอีกหน ที่คราวนี้อาจพอทำให้เราเศร้าตามไปได้ กับบทลงเอยที่แม้จะเดินไปสู่ซีนจบที่สวยงามแต่ก็แทบจะไม่ได้ใช้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนเท่าไหร่ กระนั้น ถ้าไม่ได้คิดมากเวลาดู

มันก็ยังเป็นหนังที่พาให้เราลื่นไหลไปกับมันได้อย่างเพลินๆ


ชื่อภาพยนตร์: The Space Between Us / รักเราห่าง(แค่)ดาวอังคาร
ผู้กำกับภาพยนตร์: Peter Chelsom
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Allan Loeb (screenplay), Stewart Schill (story by)
นักแสดงนำ: Gary Oldman, Asa Butterfield, Carla Gugino,​ Britt Robertson,​ Janet Montgomery
ดนตรีประกอบ: Andrew Lockington
แนว/ประเภท: Adventure, Drama, Romance, Sci-Fi
ความยาว: 120 นาที
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/, USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 2 มีนาคม 2017
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Los Angeles Media Fund (LAMF), STX Entertainment, Southpaw Entertainment, Mongkol Major

รักเราห่าง(แค่)ดาวอังคาร

The Space Between Us - 6.2

6.2

The Space Between Us

สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้สำหรับหนังเรื่องนี้ มันมีส่วนผสมของหลายสิ่งในเรื่องเดียวกัน ที่เมื่อนำมารวมกันแล้วมันก็ไม่ได้ดูว่ามีอะไรแปลกแยกออกไป ไม่ว่าจะเป็นการใส่ความเป็นหนังผจญภัยเข้ามา ตอนแรกที่คิดว่าจะมีแต่โรแมนติก แต่ก็พบว่าหนังเล่นกับช่วงเวลาของไซไฟมากกว่าที่คิด มีช่วงเวลาที่ความเป็นไซไฟประปรายตลอดทั้งเรื่อง แถมยังมีบางส่วนสร้างเซอร์ไพรซ์กับคนดูได้ด้วย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินการคาดเดามากนัก

User Rating: Be the first one !

PatSonic

บล็อกเกอร์ผู้ชอบดูหนังหลากแนว ฟังเพลงหลายสไตล์ มีเวลาว่างก็จะออกไปท่องเที่ยว บางเวลาก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน หยิบซีรีส์ขึ้นมาดู แล้วก็จะหยิบมาเขียนให้ทุกคนได้อ่านกัน
Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save

Adblock Detected

เนื่องจากบล็อกนี้อยู่ได้ด้วยความเอื้อเฟื้อผู้เยี่ยมชม รบกวนไม่ใช้ Ad Blocker เพื่อการเยี่ยมชมที่สมูธครับ