เคยเขียนถึง Android App เกี่ยวกับการถ่ายรูป กันไปแล้ว หลังจากใช้งานมือถือระบบแอนดรอยด์มาพักหนึ่ง แต่ตอนนี้ ผมหันมาใช้มือถืออีกระบบเสียแล้ว ทั้งนี้ เพราะเห็นว่า iPhone 4 เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่สไตล์ Smart Phone ที่ครบเครื่องและตอบรับความต้องการใช้งานของนายแพทได้มากที่สุด เท่าที่มองเห็นในตัวเลือกที่มีอยู่ตอนนี้
หนึ่งในฟังก์ชันที่ผมสนใจในตัว iPhone 4 ก็คงหนีไม่พ้นการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอคลิปที่ค่อนข้างคมชัด แม้จะไม่ได้ทำหน้าที่ได้ดีสมบูรณ์ในทุกสถานการณ์ก็ตาม แต่พอได้คราถอยมันมาใช้งานแล้ว ก็ได้พบว่า มันยังสามารถที่จะทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองในทุกกระบวนการอีกด้วย
เราเลือกมือถือที่มันตอบสนองไลฟ์สไตล์ และการทำงานใช่มั้ยล่ะครับ ผมพบว่า นอกจากจะใช้มือถือชื่อ iPhone 4 ถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวได้คุณภาพสูงแล้ว มันยังมี App Store ที่มีแอพมากมายให้เราดาวน์โหลด ทั้งที่ฟรีและจ่ายเงินแลกมาอีกต่างหาก ซึ่งแอพที่จ่ายเงินก็ไม่ได้แพงอะไรมากมาย จนต้องไปแหกคุกเพื่อจะได้ของฟรีหรอกครับ และคราวนี้ ผมลงทุนซึ้อแอพตัวที่ชื่อ iMovie ในราคา $4.99 ซึ่งมันเป็นแอพสำหรับตัดต่อคลิปวิดีโอในไอโฟน เอาแบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ตัดแต่งเสร็จ export ออกมาเป็นคลิปที่พร้อมจะอัพโหลดขึ้น Youtube ได้เลย ซึ่งตัวแอพก็มีฟังก์ชั่นให้เราอัพโหลดได้โดยตรงอีกด้วย
อะไรมันจะทำได้ทุกอย่างในเครื่องเดียวแบบนี้
วันนี้ ผมจะขอเขียนวิธีการใช้งานกันแบบคร่าวๆ เพราะผมก็ยังไม่ได้ใช้มันอย่างลึกซึ้งมากมายเท่าไหร่
ขั้นตอน: เริ่มใช้งาน
ก็แค่จิ้มที่ไอคอน iMovie เมื่อแอพถูกโหลดขึ้นมาจะได้หน้าตาเช่นนี้ ลักษณะการใช้งานที่ผมชอบที่สุด คือ การถือแบบนอน เราจะพบว่า มันจะขึ้น project ล่าสุดเอาไว้ให้ซึ่งสามารถจิ้มเข้าไปเล่นคลิปหรือแก้ไขตัดต่อได้เลย
จะเห็นว่า มันมีปุ่มให้เราเลือกจิ้มได้ตามมุมของหน้าจอ
[Help] วิธีการตัดต่อที่สามารถเข้าไปอ่านได้ทุกเมื่อ เมื่อต้องการจะรู้ว่า เราสามารถใช้งานตัดต่อคลิปได้อย่างไรบ้าง [Add Project] เพิ่มโปรเจ็กต์ใหม่ ซึ่งสามารถเลือกธีมได้ก่อนที่จะเข้าไปสู่ขั้นตอนการตัดต่อจริง [Export] สำหรับจะแปลงจากคลิปที่ถูกตัดต่อให้เป็นไฟล์คลิปที่จะใช้งานจริง [Play] เล่นคลิปของโปรเจ็กต์ที่กำลังแสดงอยู่ [Delete] ลบโปรเจ็กต์ที่เคยสร้างไว้นั้นทิ้งไปขั้นตอน: ตัดต่อ
ลักษณะการใช้งานนั้น ไม่แตกต่างจากโปรแกรมตัดต่อวิดีโอทั่วไป คือ มีลักษณะเป็นไทม์ไลน์ แต่จะลดรูปลงมาให้พอดีกับหน้าจอมือถือ มี
ณ จุดนี้ เราสามารถแก้ไขธีมได้ตลอดเวลา , Preview คลิปที่ได้จากการตัดต่อ, เพิ่มเสียงประกอบจากเพลงที่มีอยู่ในตัวเครื่อง, เข้าไปเลือกคลิปหรือรูปภาพแล้วเพิ่มเข้ามาในโปรเจ็กต์ หรือจะถ่ายคลิปสดๆ เลยก็ยังได้ สามารถจัดเรียงคลิปได้ตามต้องการ, ตัด (split) คลิปในจุดที่ต้องการ, ใส่ข้อความกำกับและตำแหน่งที่เกิดเหตุการณ์ในแต่ละคลิปได้, ลากคลิปออกไปเพื่อทิ้งก็ได้ หรือจะตั้งค่า transition ระหว่างคลิปก็ได้เช่นเดียวกัน
ขั้นตอน: Export
อีกขั้นตอนสำคัญสำหรับการตัดต่อคลิปวิดีโอ ก็คือการ export เอาสิ่งที่ได้ตัดต่อไว้ออกมาเป็นไฟล์วิดีโอที่พร้อมสำหรับการอัพโหลด ซึ่งแอพนี้ก็มีให้เลือกไว้ 3 ขนาดด้วย
เลือกเอาครับ ว่าอยากได้ไฟล์วิดีโอคลิปที่มีความละเอียดขนาดไหน Medium – 360p ความละเอียดระดับกลาง ไฟล์เล็กสุด อัพขึ้น Youtube ได้เร็วสุดแต่ความคมชัดก็ต่ำสุดไปด้วย, Large – 540p ความละเอียดระดับสูง เป็นระดับที่ นายแพท นิยมที่สุด เพราะไม่ใหญ่จนใช้เวลานานเกินในการอัพโหลด และสุดท้าย HD – 720p ความละเอียดระดับสูงสุด ชัดแจ๋ว แต่ก็ต้องแลกมากับระยะเวลาในการ export และอัพโหลดด้วยเช่นกัน
ต้องไม่ลืมว่า การ export จะกินแบตพอสมควร ถ้าไม่มีที่จะชาร์จก็ควรเลือกระดับ Medium หรือ Large ไว้ก่อนแหละครับ
ขั้นตอน: อัปโหลด
ขั้นสุดท้ายแล้วสินะ ตัดต่อเสร็จ มันจะเก็บไฟล์ไว้ให้ใน Camera Roll ซึ่งคุณสามารถเข้าไปดูได้จากปุ่ม Photo ได้อยู่แล้ว
เมื่อจิ้มปุ่ม Export ก็จะมาเจอทางเลือกอีกแหละ ว่าจะทำอะไร จะส่งเมล์, ส่ง MMS หรือจะอัพโหลดขึ้น Youtube ซึ่งแน่นอนว่า ในกรณีของผม ผมเลือกจะอัพขึ้นแอ็คเคาท์ของผมบน Youtube พอจิ้มเลือกแล้ว ผมจะได้หน้าตาแบบนี้
ขั้นตอนที่เหลือก็ไม่มีอะไรมาก หากไม่เคยตั้งค่าเลย ระบบก็จะถามหา User และ Password หลังจากนั้น ก็จัดการใส่ค่าซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการอัพโหลดผ่านหน้าเว็บปกติ เลือกเอาได้ว่าจะใช้ความละเอียดแบบ Standard Definition หรือ HD ซึ่งระยะที่ใช้ในการอัพโหลดก็แตกต่างกันไปด้วย แนะนำว่า การอัพโหลดควรทำผ่าน WiFi มากกว่าจะพึ่งพา EDGE/GPRS ของเครือข่ายมือถือในประเทศนี้ เพราะมันจะเสียเวลาเปล่าครับ
นี่คือตัวอย่างคลิปที่ถ่ายทำ ตัดต่อ และอัปโหลดด้วยมือถือของผมสิครับ
แค่นี้แหละครับ เราก็จะสามารถถ่ายวิดีโอคลิปเก็บไว้ แล้วเอามายำตัดต่อเข้าด้วยกัน ก่อนจะ publish สิ่งที่สำเร็จแล้วด้วยมือเราขึ้นไปบนอินเตอร์เน็ต แชร์ให้ชาวบ้านได้ดูกันถ้วนทั่ว ด้วยมือถือตัวเดียวอย่าง iPhone 4
อย่าคิดว่า ผมกำลังกลายเป็นสาวกของใคร ผมไม่รับหรอกครับ… เหอๆ
