และแล้วก็ถึงเวลาโบยบินสู่อ้อมอกของขุนเขาและแมกไม้ พกพาเอาใจและกายที่เหนื่อยล้า ไปเติมพลัง (หรืออาจจะไปเสียพลัง) ยังดินแดนห่างไกล คราวนี้ ผมกลับขึ้นสู่เชียงใหม่อีกครั้ง มุ่งสู่ “ดอยผ้าห่มปก”
ตอนนี้ ข้อมูลในหัวผมมันบอกเพียงว่า ดอยผ้าห่มปก อยู่ในอำเภอฝางของเชียงใหม่ ติดกับอาณาเขตของพม่า ข้อมูลที่ไปเจอมาบอกผมอีกว่า มันอยู่เป็นยอดหนึ่งบนเทือกเขาแดนลาว ห่างจากดอยอ่างขางผู้ลือเลื่องไปทางเหนือ 20 กม.
ด้วยอากาศที่ชื้นบนที่สูง จึงพบว่ามีมอสปกคลุมอยู่ทั่วไป จนมีคนเรียกขานมันเช่นนั้น แต่ผู้คนที่นั่น เขาเรียกมันว่า “ดอยผาหลวง” มีสถิติความสูงเป็นอันดับสองของประเทศ (2,285 ม.) แต่สมบุกสมบันน้อยกว่าภูสอยดาว มือวางอันดับ 4 หลายเท่านัก บรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติก หมอกขาวยามเช้า ทางช้างเผือกยามค่ำคืน จุดหมายเติมพลังจุดแรกสำหรับปลายปีนี้
อีกจุดหมายหนึ่ง ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของอีกกลุ่ม “ดอยม่อนจอง” เป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูนัก จึงลองค้นหาดูสักหน ข้อมูลบอกผมว่า มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ใช่แล้ว มันอยู่ใน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ทิวทัศน์ที่งดงามอันเปิดโล่งในระยะ 3 กม. ก่อนจะถึงยอดสูงสุด กุหลาบพันปีสีแดงในหน้าหนาว คือ จุดสนใจของดอยนี้ทีเดียว
แม้ว่า ดอยม่อนจองจะมิอาจเทียมดอยผ้าห่มปกในด้านสถิติได้ เพราะสูงเพียง 1,886 หรือ 1,929 ในบางตำรา แต่ก็มีทัศนียภาพที่สวยงามไม่แพ้กัน ทะเลหมอกขาวในหุบเขาเบื้องล่าง พระอาทิตย์ที่ขึ้นมาสวยสะดุดจากทุกจุดบนดอย น่าเสียดายที่ทริปนี้เลือกชื่นชมได้เพียงหนึ่ง ต้องอดพึงเชยชมอีกดอยไปอย่างน่าเสียดาย
ผมนั่งสงสัยว่า 2 จุดหมายนี้ห่างไกลกันเพียงใด เลยไปหาแผนที่มาดู พบว่า ห่างกันมากมายจริง ทริป 1 คือ ดาวบน ทริป 2 คือ ดาวล่าง งั้นเรามาเจอกันที่ดาวกลางแล้วกัน
แต่ 1 คนจากทริปแรกจะไปเจอกับอีกหลายคนในทริปสอง เมื่อเขาลงมายังเมือง นี่คือแผนการใหม่ที่ทำให้ทริปนี้มีอีกสีสันที่แตกต่างออกไป ..
ขอบคุณ : ข้อมูลและรูปภาพจาก TourDoi.com