รีวิวหนัง Dream Scenario คืนนี้จงฝันถึงผม | เล่าเรื่องชายในฝัน สะท้อนถึงสังคมจริง

โลกทุกวันนี้ผูกติดอยู่กับโซเชียลมีเดียเนอะครับ ไปไหนก็เห็นแต่คนจ้องมือถือ ต่างคนต่างโพสต์ภาพชีวิตของตนเองเพื่อแชร์และรับฟังจากคนอื่น และมันก็อาจมีเหตุไวรัลบางอย่างที่เกิดขึ้นโดยที่เจ้าตัวเขาไม่ได้ตั้งใจ และทำให้เขาโด่งดังไปในชั่วข้ามคืน เหตุอะไรพวกนั้นได้รับการเสริมแต่งให้กลายเป็นเรื่องเล่าล้ำจินตนาการในหนังอย่าง ‘Dream Scenario หรือชื่อไทย ‘คืนนี้จงฝันถึงผม’ ที่มีความแฟนตาซีแต่ก็สุดจะดาร์ก จึงอยากจะมาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกัน

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

ดูเป็นหนังได้แรงบันดาลใจจากโลกโซเชียลในปัจจุบัน เมื่อคนๆ หนึ่งไปอยู่ในความฝันของคนอื่น จนกลายเป็นคนดังที่แสงฉายมาอย่างเต็มพิกัด ขณะกำลังพยายามปรับตัวและรับมือกับมัน ก็กลับเจออีกด้านของโซเชียถาโถม จนชีวิตใกล้แหลกสลายอยู่รอมร่อ ดูไปก็ฮาไป หลอนไป สงสารไป

หนังมีจินตนาการที่บรรเจิดดี หยิบเอาโลกโซเชียลมาสร้างเป็นเรื่องสุดแปลก แถมเล่าเรื่องที่มีทั้งคอมเมดี้และสยองขวัญปะปน บางฉากอาจพาให้ขำ แต่บางฉากก็พาขำไม่ออก นิโคลัส เคจ มอบการสุดยอดการแสดงมากำนัลให้คนดูอีกแล้ว

เรื่องย่อหนัง ‘Dream Scenario’

มันเป็นเรื่องราวของคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาโดยเจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งตัวมาก่อน พอล แมทธิวส์ (นิโคลัส เคจ/Nicolas Cage จากหนังเรื่อง ‘Renfield’ และ ‘Pig’) ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยที่สอนด้านชีววิทยาและวิวัฒนาการ เขามีชีวิตครอบครัวที่ก็เหมือนกับคนทั่วๆ ไป ราบรื่นบ้างไม่ราบรื่นบ้าง เขามีภรรยาชื่อเจเน็ต (จูลีแอนน์ นิโคลสัน/Julianne Nicholson) และก็มีลูกสาวสองคน คือ แฮนน่าห์ (เจสสิก้า คลีเมนต์/Jessica Clement) และ โซฟี (ลิลี่ เบิร์ด/Lily Bird)

แต่วันหนึ่ง ชีวิตของคนธรรมดาก็พบเจอกับความเปลี่ยนแปลง เมื่อชีวิตของเขาพลิกผันกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน เดินทางไหนก็มีแต่คนหันมอง เหตุก็เพราะเขาดันไปปรากฏตัวในความฝันของผู้คนนับล้าน แต่ถัดมาหลังจากนั้น เขาก็พบว่า เหตุการณ์ประหลาดครั้งนี้ก็นำพาความวุ่นวายมาสู่ตัวเขาด้วยเช่นกัน

รีวิวหนัง ‘คืนนี้จงฝันถึงผม’

นี่คือหนังพูดอังกฤษเรื่องแรกของผู้กำกับชาวนอร์เวย์ Kristoffer Borgli (คริสตอฟเฟอร์ บอร์กลี) ที่เคยฝากผลงานไว้กับ ‘Sick of Myself’ ที่จะว่าไป เอาแค่พล็อตก็ถือว่าล้ำแล้วล่ะ มีความอินเซ็ปชั่น เอาความฝันเข้าไปสร้างประสบการณ์เสมือนจริง

หนังมันเล่าเรื่องของ พอล แมทธิวส์ ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ที่มีชีวิตแบบเรียบง่าย ติดจะหัวแข็งหน่อยๆ และไม่ได้มีความอยากเด่นอยากดังอะไร แต่แล้วก็กลับพบว่า ตัวเขาไปอยู่ในความฝันของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย ความฝันที่แตกต่างกันตามแต่บุคคล ล้วนมีเขาเป็นหนึ่งตัวละครที่ไปปรากฏในนั้น ทำให้เดินไปไหนก็มีแต่คนรู้จัก แรกๆ มันก็เหมือนจะดี เขาตอบรับความดังด้วยการให้สัมภาษณ์บ้างอะไรบ้าง แต่ไม่ทันคาดคิด ทุกอย่างกำลังพังทลายลงในเวลาไม่นาน

ความดังก็เหมือนกับแสงที่ฉายมายังคนไม่เคยวาดหวัง มันทำให้ใจอิ่มฟูและหลงระเริงที่มีผู้คนมองมาด้วยสายตาชื่นชม แรกๆ อาจพบว่าปรับตัวไม่ทัน แต่หลังนั้นก็เริ่มจะเออออไปกับความมีชื่อเสียง ก่อนจะรู้ตัวว่า วันไหนกระแสตีกลับ ทุกคนก็พร้อมจะเท จากชื่อเสียงด้านดีก็กลายเป็นชื่อเสียงป่นปี้ เมื่อหนังพยายามจะชี้ว่า ความฝันนั้นสร้างรู้สึกเชื่อในใจอย่างฝังแน่น ทำให้แม้พอลไม่ได้ทำมันในโลกของความจริง แต่ทุกคนที่ฝันถึงเขาก็พร้อมจะเชื่อแบบไร้ข้อกังขา จากเรื่องดีดีในชีวิตของคนธรรมดา ก็กลายเป็นน่าเศร้า เพราะเขาต้องเผชิญกับการถูกคุกคามในหลายรูปแบบ ซึ่งบอกตรงๆ ว่าน่าเวทนาไม่น้อยเลย

หนังมันมีความประหลาดในตัวของมันเอง แต่ในอีกมุม พล็อตหนังมันก็ล้ำๆ อยู่นะ เหมือนจะแฟนตาซีแต่ก็มีความดาร์กปนอยู่ในนั้น หนังถูกเล่าออกมาในเชิงคอมเมดี้ บางช่วงก็พาขำดี แต่บางทีก็ชวนสงสาร บางช่วงก็พาคนดูไปเจอฉากโหดเลือดสาด แถมตัดสลับไปมาระหว่างความฝันและความจริงจนทำให้คนดูเกือบเชื่อไปแล้วว่านั่นมันคือความจริง ชอบที่หนังใส่จินตนาการเข้าไปในความฝันของผู้คน มันมีทั้งที่เป็นไซไฟ หนังระทึกขวัญ ไม่เว้นแม้แต่หนังเรื่องบนเตียง ไปๆ มาๆ ก็เหมือนไปได้ทุก genre แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าหัวใจที่หนังอยากจะพูดบอกผู้คน

ผมรู้สึกว่า หลัง นิโคลัส เคจ หลุดพ้นจากกับดักหนังเกรดบีมาได้ เขาก็หารับแต่บทเยี่ยมๆ ตลอดมา และนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้เราได้เห็นความสามารถทางการแสดงของเขาอีกครั้ง

นอกจากหนังจะเล่าเรื่องได้ปั่นประสาทคนดูแล้ว มันก็ยังพาเราไปพบเจอกับจินตนาการที่ล้ำยิ่งกว่า จนได้แต่นั่งคิดว่า โอ้ว ถ้าเรื่องเบื้องต้นมันเป็นไปได้ เรื่องตอนท้ายก็อาจเป็นจริงได้เช่นเดียวกัน

หลายคนอาจจะขำกับหลายมุกในหนังเรื่องนี้ แต่ก็เช่นกัน อาจพบว่า บางฉากไม่รู้สึกขำเอาเสียเลย แถมยังต้องเสียน้ำตาเพราะเข้าใจหัวอกของพอลในตอนจบของเรื่อง

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง