รีวิวหนัง Love Hard หลอกรักไว้ดักเลิฟ | รักที่ต้องก้าวผ่านความหลอกลวง

ใครบางคนอาจหาคู่ด้วยวิธีใหม่ๆ อย่างแอปจับคู่ออนไลน์ที่กำลังฮิต บางคนก็อาจพบว่า การจะพบเจอกับคนที่จะชอบในสิ่งที่เราเป็นนั้นมันยากมากมายนัก จึงเลือกจะปรับเปลี่ยนตัวตนเพื่อให้คนสนใจและเข้าหา แม้ว่านั่นคือความหลอกลวง ความคิดนั้นถูกหยิบจับมาสร้างเป็นเรื่องราวในหนังคริสต์มาสเรื่องหนึ่งในบริการ Netflix มันมีชื่อว่า Love Hard หรือชื่อไทย หลอกรักไว้ดักเลิฟ

ผลงานการกำกับของ Hernan Jimenez ผู้กำกับชาวคอสตาริกา ที่เราอาจไม่คุ้นเคยทั้งชื่อและผลงาน อีกทั้งนี่อาจจะเป็นงานชิ้นแรกของใครหลาย ๆ คน รวมทั้งนายแพทด้วย ครั้งนี้ เขาทำงานกับ Nina Dobrev ที่ก็ผ่านบทสมทบในหนังใหญ่ ๆ มาหลายเรื่อง ทั้งได้ร่วมงานกับ Jimmy O. Yang หนุ่มหน้าตี๋ที่ก็ผ่านมาหลายบทบาทเช่นกัน

ครั้งนี้ เขาจะเล่าเรื่องของความรักที่ต้องก้าวผ่านความหลอกลวง

เรื่องย่อหนัง Love Hard

บางครั้งความรักก็เข้ามาทักทายในรูปแบบที่แตกต่างและไม่ทันคาดคิด เมื่อนักเขียนนามว่า นาตาลี (Nina Dobrev จากหนัง Flatliners, xXx: Return of Xander Cage และ The Perks of Being a Wallflower) หญิงสาวที่ค่อนข้างไม่สมหวังในความรัก เฝ้าตามหามาจนเริ่มทดท้อ แต่ก็นั่นแหละ เธอใช้ชีวิตอันแสนเศร้าของเธอถ่ายทอดลงไปอยู่ในงานเขียน ที่ทำให้เธอได้มีกินมีใช้ จนวันหนึ่ง เธอก็ดันไปเจอหนุ่มหล่อโปรไฟล์ดีในแอปหาคู่เข้าให้ จึงทำให้เธอเกิดแรงบันดาลใจ

พุ่งลัดฟ้าไปไกล 3,000 ไมล์ยังคนละฟากของอเมริกาเพื่อตามหารัก

ท่ามกลางเทศกาลคริสต์มาสแห่งอีสต์โคสต์ เธอกลับได้พบว่า ชายที่พุ่งไปหาเป็นชายหนุ่มหน้าตี๋ที่ชื่อ จอช ลิน (Jimmy O. Yang จากหนัง Fantasy Island, Crazy Rich Asians และซีรีส์ Silicon Valley) ไม่ใช่ชายหนุ่มสุดหล่อเครางามที่เธอเห็นในโปรไฟล์ แต่เพราะนิสัยใจคอที่เข้ากันดีผ่านทางเสียงในมือถือที่คุยกันมาร่วมเดือน

เธอจึงไม่ได้ตัดสินใจชิ่งหนี แต่กลับเลือกอยู่ต่อด้วยการรับปากเป็นแฟนหลอกๆ ของจอช แลกกับการเป็นพ่อสื่อให้เธอได้เดทกับแท็ก (Darren Barnet จากซีรีส์ Never Have I Ever และ Agents of S.H.I.E.L.D.) ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนในโปรไฟล์คนนั้น

เธอคือนักเขียนที่ต้องใช้ความหลอกลวงเพื่อให้ได้มาซึ่งรักแท้อย่างนั้นหรือ?

รีวิวหนัง หลอกรักไว้ดักเลิฟ

อาจดูเป็นเรื่องน่ารำคาญที่ต้องเห็นนางเอกเลือกจะใช้ชีวิตรักของตนเองเพื่อสร้างสรรค์งานเขียนอันเป็นเส้นทางทำกิน พอเข้าใจว่าเธออาจเลือกไม่ได้ เพราะเวลาที่ตีบตันแต่ต้องคิดงานให้ออกก็ต้องใช้วิธีนี้ แต่มันคือการเล่นกับความรู้สึกคน ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมไม่แฟร์กับคนที่ถูกหลอกใช้ หนังมีจุดลงเอยของตัวเองที่ชัดเจนอยู่ก่อนแล้ว ไม่ต้องคาดเดาเลยว่าหนังจะจบยังไง

ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นด้วยความหลอกลวง

ดูเหมือนหนังพยายามจะเก็บเกือบทุกความสัมพันธ์ตั้งไว้บนความหลอกลวง ซึ่งเชื่อว่า ผู้ชมคงไม่เห็นด้วยกับตัวละครตัวใดในเรื่องนี้แน่ๆ เริ่มด้วย หญิงสาวนักเขียนออนไลน์อย่างนาตาลี ที่มุ่งมั่นอยากจะได้วัตถุดิบไปเขียนงาน ถึงขั้นบินข้ามฟากมาไกลเพื่อพบเจอกับชายที่รู้จักกันทางแอป จอช ไม่เคยรู้ว่าเธอจะเอาชีวิตรักของเขาไปเขียน

ขณะที่เขาเองก็เผชิญกับความแห้งแล้งมานาน หลังจมปลักอยู่กับความผิดหวัง ใช้แอปหาคู่ไม่เคยได้คู่ จนต้องใช้ความสามารถในด้านโฟโตช็อปเปลี่ยนหน้าตัวเองเป็นชายหนุ่มรูปงามนามว่าแท็ก

เมื่อทั้งคู่มาเจอกัน จอชกลับมีข้อเสนอให้เธอยอมเป็นแฟนหลอกๆ ให้กับตน เพื่อแลกกับการช่วยเป็นพ่อสื่อให้เธอได้เดตและคบหากับแท็ก ชายหนุ่มรูปงามที่จอชใช้เป็นโปรไฟล์ นั่นจึงทำให้ทั้งจอชและนาตาลีต้องหลอกลวงครอบครัวของจอชเอง ไม่พอยังเป็นการหลอกลวงแท็กอีกด้วยเช่นกัน

หลอกกันหลายกรณีเช่นนี้ จะให้รู้สึกแหยง ๆ กับหนัง มันก็จะยังไง ๆ อยู่

ล้อเลียนหนังรัก และทำตัวเป็นหนังคริสต์มาส

ระหว่างทางของการดำเนินเรื่อง หนังมักจะมีบทสนทนาที่ว่าด้วยหนังคริสต์มาสเรื่องอื่น ที่เอามาใช้เป็นตัวแทนของความชอบที่แตกต่างกัน รวมทั้งเป็นตัวบอกด้วยว่า ระหว่างที่ความสัมพันธ์ดำเนินไปนั้น ถ้ายังรู้สึกดีต่อกัน แม้อีกฝ่ายคิดกับหนังบางเรื่องในมุมที่ตรงกันข้ามกับเรา เราก็มักจะปล่อยมันไป แต่ถ้าเมื่อที่รู้สึกย่ำแย่ต่อกัน ความคิดที่ตรงกันข้ามนั้นก็จะปะทุออกมา

เหตุการณ์ในหนังมันเป็นช่วงเวลาฉลองคริสต์มาส อันเป็นเทศกาลสำหรับครอบครัว มีทั้งภาพของหิมะโปรยปราย บ้านเมืองประดับประดา ผู้คนสวมใส่ชุดซานต้าสีแดง ครอบครัวกลับมาเจอกันพร้อมหน้า และหนังเรื่องนี้เลือกใช้บ้านของครอบครัวคนเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ มาเล่าเรื่อง ก็คงดูไม่แปลกอะไรนัก ที่พวกเขาเป็นชาวคริสต์และมีวิถีชีวิตที่ชื่นชอบเทศกาลนี้

แถมเรื่องครอบครัวก็ยังดูเข้ากันดีกับความเป็นคนเชื้อสายจีนเสียอีก

นอกจากนี้ ก็ดูเหมือนจะหยิบกิมมิกของหนังรักบางเรื่องมาใช้ คล้ายต้องการจะสดุดีต่อฉากจำอันนั้น แถมมันยังเป็นฉากสำคัญที่จะนำไปสู่บทลงเอยของความสัมพันธ์ด้วยอีกต่างหาก อันนี้ก็คงแล้วแต่ใครจะคิดยังไงแล้วกัน

เดินเรื่องเข้าใจง่าย และมีตัวละครน่ารำคาญบ้าง

จะว่าไป หลอกรักไว้ดักเลิฟ ก็เป็นหนังที่ดำเนินเรื่องค่อนข้างเข้าใจง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน มีตัวละครที่เผชิญกับความผิดหวังซ้ำซากอย่างจอช โดนพี่ชายที่ดูดีกว่าทุกอย่างมาเป็นตัวเปรียบเทียบที่สุดชัดเจนในบ้าน ก็คงต้องนอยด์เป็นธรรมดา พี่ชายของจอชอย่างโอเว่น (Harry Shum Jr.) ที่ถูกหยิบใส่เข้ามาในเรื่องอาจดูเป็นตัวน่ารำคาญในความคิดใครบางคน [รวมทั้งผมด้วย] แต่ก็ถือเป็นตัวละครสำคัญที่ผลักดันให้เขาเติบโต

ใครดูหนังเรื่องนี้ ก็คงจะคิดเหมือนๆ กัน คือเอาใจช่วยจอช ผู้ที่ต้องทุกข์ทนกับไบแอสหรือการไม่เป็นที่ยอมรับของผู้คน ขนาดแค่ไหนบ้าน เขายังรู้สึกน้อยหน้าเมื่อมีพี่ชายที่ทั้งหล่อ สูง และทำอะไรได้โดดเด่นกว่า ขนาดใช้แอปหาคู่ยังเคยถูกแมตช์เพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น จนในที่สุด ก็ต้องใช้ชีวิตตัดต่อเอาหน้าผู้ชายที่สาวๆ ส่วนใหญ่จะชอบมาใส่แทน ดูสิ้นหวังมากๆ แม้จะไม่ใช่วิธีที่น่ายอมรับ แต่ก็พอเข้าใจในความรู้สึกลึกๆ ของเขา

ขณะที่การเลือกเอาบ้านคนเชื้อสายจีนในสหรัฐมาบอกเล่า นอกเหนือจากการทำให้มองเห็นความหลากหลายชาติพันธุ์ในอเมริกาแล้ว คนเขียนบทก็คงไม่ได้คิดจะบูลลี่ความเป็นเอเชียในมุมมองฝรั่งหรอก แม้นาตาลีเองจะผิดหวังที่หน้าตาไม่ตรงปก แต่ก็ดูไม่ได้รังเกียจแค่รู้สึกว่าถูกหลอกลวง แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงยินยอมเนียนเป็นแฟนหลอกให้คนในครอบครัวลินเชื่ออยู่อย่างนั้น

จุดที่สงสัยก็พอมีอยู่บ้าง อย่างเช่น การคบกันผ่านโลกออนไลน์ แม้จะได้คู่ที่แอปแมตช์ให้แล้ว แต่การพูดคุยก็ไม่จำเป็นต้องฟังแต่เสียงเท่านั้น ถ้าโทรแบบมีภาพสักครั้งก็อาจรู้ไปแล้วว่า อีกฝ่ายนั้นตรงปกหรือหลอกลวง แต่ก็นั่นแหละ ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ก็คงไม่เกิดหนังเรื่องเกิดราวขึ้นมาหรอก

น่าเสียดายอยู่บ้าง ที่ไม่ได้เห็นว่าหนังจะเล่นประเด็นการแพ้กีวีของนาตาลีที่ปูเอาไว้ตอนแรก

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง