รีวิวหนัง Poor Things | ชีวิตใหม่ไปให้สุดโต่ง พิลึกพิลั่นขั้นสุด

อีกหนึ่งเรื่องในปีนี้ที่ได้เข้าชิงออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม มีหลายเสียงที่เรียกร้องให้เอาเข้ามาฉายให้คนไทยได้ดู ผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่จากผู้กำกับ ยอร์กอส ลานธิมอส ที่เล่าเรื่องของหญิงสาวที่เกิดใหม่จากการผ่าตัดชุบชีวิตของศัลยแพทย์สุดเพี้ยนแห่งยุคใน ‘Poor Things’ หรือชื่อไทย ‘พัวร์ ธิงส์’ ได้พิลึกพิลั่นดี

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

มันไม่ใช่แค่หนังที่ชนะรางวัลลูกโลกทองคำเท่านั้น แต่มันยังเป็นหนังที่เข้าชิงออสการ์ถึง 11 ตัวด้วยกัน พล็อตเรื่องดูพิลึกพิลั่นดี เมื่อหมอสติเฟื่องผ่าเอาสมองของเด็กทารกมาใส่ให้กับหญิงวัยผู้ใหญ่ หาชายหนุ่มให้แต่งงาน ก่อนที่เธอจะหนีออกไปพร้อมกับชายอีกคน เผชิญกับโลกภายนอกที่มีทั้งเรื่องและร้าย เต็มไปด้วยเรื่องทางเพศที่สะท้อนการกดทับเพศหญิงด้วยคำว่า ‘สุภาพชน’

ต้องบอกว่า เอมม่า สโตน เล่นได้โดดเด่นมาก แม้ใครจะมองว่าเปลืองตัว แต่นี่คือบทที่พาให้เธอเฉิดฉายสุดๆ บนเวทีออสการ์ปีนี้

เรื่องย่อหนัง ‘Poor Things’

เบลล่า แบ็กซเตอร์ (Emma Stone จากหนังเรื่อง ‘La La Land นครดารา’ และ ‘Cruella’) เธอเป็นหญิงสาวที่ฟื้นคืนขึ้นมาได้อย่างพิลึกพิลั่น จากฝีมือการผ่าตัดและชุบชีวิตของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องนามว่า ด็อกเตอร์ก็อดวิน แบ็กซเตอร์ (Willem Dafoe จากหนังเรื่อง ‘Asteroid City’ และ ‘The Northman’) เบลล่าเป็นหญิงสาวที่เหมือนเด็กน้อยแรกเกิดที่ยังไม่รู้จักโลกแต่ได้มาอยู่ในร่างผู้ใหญ่ แม้จะได้รับการดูแลอย่างดีจากคุณหมอที่ใครว่าสุดเพี้ยน แต่เธอก็ต้องการออกเดินทางไปเรียนรู้โลก

หมอก็อดของเธอแนะนำให้ได้รู้จักกับ แม็กซ์ แมคแคนเดิล (Ramy Youssef จากหนังเรื่อง ‘Wish’ และซีรีส์ ‘Mr. Robot’) ที่คอยมาวนเวียนจดอะไรทุกอย่างอยู่ข้างเธอ และในวันที่เธอกลายเป็นคู่หมั้นของเขา เธอก็หนีหายไปจากบ้านพร้อมกับชายคนใหม่ที่ชื่อ ดันแคน เวดเดอร์เบิร์น (Mark Ruffalo จากหนังเรื่อง ‘Spotlight’ และ ‘Foxcatcher’)

รีวิวหนัง ‘ชีวิตใหม่ไปให้สุดโต่ง’

คงต้องบอกว่า มันเป็นหนังที่พิลึกพิลั่นอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ เอาแค่เรื่องย่อก็แปลกประหลาดมากพอแล้ว เมื่อมันเล่าถึง เบลล่า หญิงสาวแสนสวยที่ได้รับโอกาสให้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง โดยศาสตราจารย์สติเฟื่องนามก็อดวิน ที่ผ่าตัดเอาสมองเด็กแรกเกิดคนหนึ่งมาใส่แทนที่สมองของเธอ และใช้กระแสไฟฟ้าปลุกให้เธอมีชีวิตขึ้นมาใหม่ ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอคือเด็กแรกเกิดที่อยู่ในร่างกายของหญิงสาว

หนังจึงบอกเล่าชีวิตของเบลล่า หญิงสาวที่เป็นสิ่งทดลองของหมอก็อด แต่ก็เป็นเด็กน้อยที่มีร่างเปลือกเป็นผู้ใหญ่ เธอโตมากับก็อดที่เธอรักเหมือนพ่อ แม้เธอจะเริ่มเดินเตาะแตะ แต่พัฒนาการก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว แถมเมื่ออยู่ในร่างของมนุษย์เพศหญิงที่โตเต็มวัย เรื่องเพศจึงกลายเป็นสิ่งใหม่ที่เธอได้เรียนรู้ก่อนเวลา

หมอก็อดพาแม็กซ์ ชายหนุ่มสุภาพใจดีมาคอยดูแลจนความสัมพันธ์แผ่ขยาย จนเกิดเป็นสัญญาหมั้นหมาย เหตุคล้ายคลุมถุงชน เพราะหมอก็อดต้องการเก็บเธอไว้ในบ้านตลอดไปด้วยไม่ต้องการให้เธอออกไปเผชิญอันตรายภายนอก บอกเธอแต่ข้อเสียต่างๆ นานา จนในที่สุด เธอก็ได้พบกับดันแคน ชายที่จะพาเธอออกไปเดินทางเพื่อเรียนรู้โลก กลายเป็นเรื่องราวการเรียนรู้ที่ทำให้เธอเข้าใจโลกที่พิลึกพิลั่นอย่างแท้จริง

คนที่มองหนังแบบผิวเผินอาจคิดว่า นางเอกของเรื่องเป็นสาวบ้าเซ็กซ์ แต่ถ้าเรามองอย่างทำความเข้าใจ เบลล่าคือเด็กคนนึงที่อยู่ในร่างผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ที่มีร่างกายและฮอร์โมนเพศครบถ้วนแล้ว เธอจึงแสดงออกมาเช่นนั้น หมอก็อดเองก็ไม่ได้สนใจจะเตรียมพร้อมให้หากสนใจใคร่รู้เพราะมองเธอเป็นสิ่งทดลอง ซึ่งถ้ามองอีกมุม เรื่องเพศมันเป็นธรรมชาติมนุษย์ เขาแค่อธิบายมันในอีกวิธีนึงเท่านั้นเอง

สิ่งที่หมอก็อดทำก็เหมือนผู้ใหญ่ที่เอาแต่ปิดกั้นการเรียบรู้โลกภายนอกเพราะคิดว่ามันจะปลอดภัย และบอกกับเขาว่าโลกภายนอกมันอันตราย แต่เมื่อมองในอีกมุมนึง เรามัวแต่ปิดกั้น คนๆ นึงจะเข้าใจโลกอย่างแท้จริงได้อย่างไรกัน เพราะคนเราจะเข้าใจโลกได้ ต้องพบเจอกับทั้งสิ่งดี สิ่งร้าย ความสุข ความเจ็บปวด เรื่องน่าเศร้า เรื่องน่ากลัว เราต้องมีประสบการณ์ตรงเพื่อสมองกับจิตจะได้ประมวล เลือก และผสานรวมจนกลายเป็นตัวเรา

เรามองเห็นเบลล่าผู้เลือกจะกระโจนออกไปกับดันแคน ถึงเขาจะไม่ใช่คนดีแต่เขาพาเธอไปสู่โลกภายนอกได้ ตัวละครอย่างดันแคน ก็ทำให้เราได้มองเห็นแง่มุมความคิดในโลกชายเป็นใหญ่ที่กดทับเพศหญิงให้ด้อยกว่า ซึ่งแบบนี้ มาร์ก รัฟฟาโล่ เล่นเอาไว้ได้ยอดเยี่ยมเลยล่ะ ขณะที่ เอ็มม่า สโตน เล่นเป็นตัวละครเบลล่าเอาไว้อย่างมีสีสันมากๆ ให้ความรู้สึกว่าเธอเป็นเบลล่าที่ทั้งตลก น่ารัก จริงใจ โจ่งแจ้ง และแสดงออกประกายตาที่เต็มไปด้วยความกระหายอยากรู้ เราเลยได้ทั้งฮาและเศร้าใจไปพร้อมๆ กัน

และเมื่อมองไปแล้ว หนังก็พาเราตั้งคำถามเหมือนกันนะ เบลล่าเธอเป็นสิ่งมีชีวิตแบบใดกันแน่ ร่างเป็นคนหนึ่ง แต่ใช้สมองของอีกคน ส่วนคนที่รู้จักตัวตนดั้งเดิมของเธอ ก็จะบอกว่าเธอเป็นอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่เบลล่าคนปัจจุบัน หรือถ้ามองเรื่องเพศ สมองของเด็กคงยังไม่เคยรับรู้ว่าตนเป็นเพศใด แต่ต้องมาอยู่ในร่างของมนุษย์เพศหญิง ดูยุ่งเหยิงดีพิลึก

หนังกระทบกระแทกแดกดันสุภาพชนเรื่องนี้ พานายแพทรู้สึกว่ามันถึงพร้อมในทุกด้าน ทั้งบทที่ชวนทึ่งว่าคิดได้ยังไง ไม่พอยังมีทีมนักแสดงที่เล่นกันได้น่าประทับใจสุดๆ งานโปรดักชั่นสุดคราฟต์ งานซีจีสุดเนี้ยบ สร้างโลกเพี้ยนที่ไม่มีจริงแต่ส่องสะท้อนความจริงได้ ใช้ภาพมุมกว้างที่พาให้เห็นถึงความบิดเบี้ยว ใช้ภาพขาวดำกับภาพสีเพื่อแยกโลกที่ถูกปิดกั้นและโลกที่มีสีสันของเบลล่า ดนตรีประกอบที่เวียร์ดพอๆ กับเรื่องราว งานออกแบบเสื้อผ้าที่จัดว่าเริ่ดสุดๆ เป็นหนังที่มีทั้งความเป็นไซไฟแต่ให้ความรู้สึกเป็นหนังแฟนตาซีแบบกึ่งดาร์กกึ่งใสซื่อ มีภาพสยองของการผ่าตัด ขณะเดียวกันก็ดราม่าพาเศร้าใจกับชะตากรรมของเบลล่า เมื่อชีวิตที่เลือกไม่ได้ของเธอถูกสร้างขึ้นมาในฐานะสิ่งทดลอง

โดยรวมแล้ว มันโดดเด้งในทุกด้าน แถมยังส่งเสริมให้มีการถกเถียงที่แตกต่างหลากหลาย เป็นหนึ่งในหนังที่น่าสนใจในปีนี้เลยทีเดียว

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง