กับช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี Warner Bros. ทางค่ายจึงได้ส่งสุดยอดภาพยนตร์คลาสสิก 3 เรื่องมาให้คนไทยได้ชมกันในโรงหนัง และหนึ่งในนั้นก็คือ ‘The Wizard of Oz’ ตำนานพ่อมดอ๊อซที่ถูกหยิบมาทำใหม่อยู่เป็นระยะๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า เวอร์ชันคลาสิกแบบนี้เนี่ย ผมเองก็ยังไม่เคยได้ดู เป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งที่ค่ายเขาเลือกมาฉายในโรง ทำให้ไม่ลังเลที่จะตอบรับและเข้าไปดู
สร้างจากหนังสือวรรณกรรมสำหรับเด็กเรื่อง ‘The Wonderful Wizard of Oz’ ที่เขียนโดย L. Frank Baum และวาดภาพประกอบโดย W. W. Denslow กลายเป็นภาพยนตร์ภายใต้ชื่อของ Metro-Goldwyn-Mayer (MGM) ในปี 1939 ที่ผ่านกาลเวลามาถึง 84 ปี ที่ใครหลายคนอาจเคยผ่านตาในรูปแบบ DVD/VCD หรือบางทีก็เป็นเทป VHS ดูกันทางทีวีจอภาพแบบเก่า แต่วันนี้ ฉายโรง จอใหญ่ เห็นรายละเอียดทุกอย่างชัดเจน ทั้งยังได้เห็นถึงโปรดักชันและวิธีการถ่ายทำของหนังในสมัยนั้นอีกต่างหาก
เอ… ตรงนี้มันควรเอาไปเขียนตอนรีวิวหรือเปล่าหว่า?
เรื่องย่อหนัง ‘The Wizard of Oz’
มันเป็นเรื่องราวของสาวน้อยวัย 16 ปี โดโรธี เกล (Judy Garland เจ้าของอีกบทบาทนำในหนัง ‘A Star Is Born’) หญิงสาวที่พบปัญหากับคุณป้าข้างบ้าน แต่เหมือนไม่มีใครรับฟังเธอ เธอกลายเป็นเด็กน้อยที่วาดฝันถึงโลกที่เป็นธรรมกว่าที่เป็นอยู่ ในวันที่พายุหมุนลูกใหญ่พัดกระหน่ำฟาร์มของลุงป้าในแคนซัส พัดให้เธอและหมาน้อย โตโต้ หลุดลอยเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง ที่นั่นคือ ดินแดนมหัศจรรย์แห่งพ่อมดออซ
ระหว่างการเดินทางไปยังเมืองมรกตอันเป็นที่อยู่ของพ่อมดออซ ที่นั่น โดโรธีได้พบเจอกับผองเพื่อนทั้งสาม ที่เดินทางร่วมกันเพื่อขอให้พ่อมดออซนำทางเธอกลับสู่บ้านที่แคนซัสอีกครั้ง
รีวิวหนัง ‘The Wizard of Oz’
ผลงานการกำกับของ วิคเตอร์ เฟลมมิง เจ้าของรางวัลออสการ์ผู้กำกับยอดเยี่ยมจากหนังอีกเรื่อง ‘Gone with the Wind’ ที่สร้างขึ้นในปีเดียวกัน หนังเรื่องนี้ เปิดตัวที่ Grauman’s Chinese Theater เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 1939 ได้เข้าชิงออสการ์มาแล้ว 5 รางวัล และได้รับมา 2 รางวัล คือ สาขาเพลงยอดเยี่ยม และเพลงต้นฉบับยอดเยี่ยม รวมถึงรางวัลพิเศษสาขา Outstanding Juvenile Performance ของ จูดี้ การ์แลนด์ ด้วย
เมื่อพูดถึงเพลงประกอบ ไม่ว่าใครก็คงจะเคยได้ยิน‘Over the Rainbow’ กันทั้งนั้น และนี่คือหนังที่จะทำให้เราได้ยินเพลงๆ นี้อบอวลตลอดทั้งเรื่องจริงๆ
หนังเล่าเรื่องราวในลักษณะนิทาน เรื่องที่เริ่มต้นจากชีวิตของเด็กสาวโดโรธี ที่อยู่กับลุงป้า ในบ้านที่เป็นฟาร์มหมู และเมื่อทะเลาะกับคนข้างบ้านเพราะเจ้าหมาน้อยโตโต้ กลับมาเล่าให้คนที่บ้านฟังก็พบว่าไม่มีใครสนใจจะฟัง เก็บความน้อยใจใส่กระเป๋ามุ่งหน้าออกไปนอกบ้าน วาดฝันถึงโลกหลังสายรุ้ง ก่อนที่พายุหมุนจะพัดพาบ้านทั้งหลังไปตกยังดินแดนมหัศจรรย์ของพ่อมดออซ หนังเลือกใช้ฟิล์มสีซีเปียกับชีวิตจริง แต่ใช้สีสันในโลกแห่งจินตนาการ
เมื่อมองเห็นว่า ที่นี่คงไม่เหมาะกับเธอ จึงต้องการกลับไปยังแคนซัส แต่หนทางที่จะเป็นไปได้คือการเดินทางไปยังเมืองมรกตแล้วขอให้พ่อมดช่วย ระหว่างทาง เธอก็มักจะถูกแม่มดตัวร้ายกลั่นแกล้งเรื่อยมา แต่ระหว่างทางอีกนั่นแหละ ที่โดโรธีได้พบกับ หุ่นไล่กา (ที่อยากมีสมอง) หุ่นกระป๋อง (ที่อยากมีหัวใจ) และสิงโตขี้ขลาด (ที่อยากได้ความกล้าหาญ) เพื่อนร่วมทางที่พาเธอสู่สิ่งที่มุ่งหวัง พร้อมนำพาข้อคิดดีๆ ยังเหล่าเด็กที่ได้รับชม
มันเป็นหนังมิวสิคัลก็จริง แต่ก็สลับช่วงสนทนาด้วยบทพูดปกติไปด้วย ทำให้เราได้เห็นถึงโปรดักชั่นสุดจึ้ง แต่ละฉากดูยิ่งใหญ่อลังการ ต้องใช้นักแสดงมากมาย ถ่ายทำกันแบบยาวๆ จึงอาจมีผิดคิวจุดเล็กจุดน้อยที่แอบสังเกตได้ แต่ก็ถือเป็นสเน่ห์และความน่ารักของการรับชมหนังคลาสสิก แต่ใดๆ ชอบใจเจ้าหมาน้อยโตโต้เป็นที่สุด มันช่างแสนรู้และแสดงเก่งยิ่งนัก
Mighty Miracle Show Of 1000 Delights !
ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความขลังของหนังคลาสสิกก็ยังคงมีอยู่อย่างไม่อาจถูกลดทอน แม้เพิ่งได้มาดูในวันนี้ แต่ก็รู้สึกไม่เสียทีที่ได้ดูบนจอใหญ่ ได้เห็น จูดี้ การ์แลนด์ ในวันที่ยังสดใส ส่งเสียงได้ไพเราะจับใจ กับเรื่องราวที่สามารถถูกตีความได้หลากหลาย หนังอมตะนิรันดร์กาลที่ได้ดูในโรง
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | The Wizard of Oz |
กำกับ | Victor Fleming |
เขียนบท | Noel Langley, Florence Ryerson, Edgar Allan Woolf |
แสดงนำ | Judy Garland, Frank Morgan, Ray Bolger, Bert Lahr, Jack Haley, Billie Burke |
แนว/ประเภท | ผจญภัย, ครอบครัว, แฟนตาซี, มิวสิคัล |
เรท | G |
ความยาว | 102 นาที |
ปี | 1939 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 11 พฤษภาคม 2023 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Metro-Goldwyn-Mayer (MGM) |
เดอะ วิซาร์ด ออฟ ออซ
พล็อตและบท - 8
การแสดง - 8
การดำเนินเรื่อง - 8.5
เพลงและดนตรีประกอบ - 8.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 9
8.4
The Wizard of Oz
ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความขลังของหนังคลาสสิกก็ยังคงมีอยู่อย่างไม่อาจถูกลดทอน แม้เพิ่งได้มาดูในวันนี้ แต่ก็รู้สึกไม่เสียทีที่ได้ดูบนจอใหญ่ ได้เห็น จูดี้ การ์แลนด์ ในวันที่ยังสดใส ส่งเสียงได้ไพเราะจับใจ กับเรื่องราวที่สามารถถูกตีความได้หลากหลาย หนังอมตะนิรันดร์กาลที่ได้ดูในโรง