รีวิวหนัง Sweeney Todd | เลือดสาด อาบมีดโกน… อื๋ยยย…

ผลงาน Tim Burton ที่มีกลิ่นและสไตล์เฉพาะตัว หนังโหดเลือดสาดมาก

เป็นเวลาหลายวันมาแล้ว ที่ผมไม่ได้เดินเข้าโรงหนังเลย คิดถึงโรงหนังจัง วันนี้วันหยุดแล้ว ขอเข้าโรงหนังไปดูหนังในโรงสักหน่อยเถอะนะ เรื่องกะไรดี เรื่องนี้แล้วกัน ‘Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street

ผลงานของ Tim Burton ที่กลิ่นและสไตล์เฉพาะตัว งานนี้ก็ไม่เว้น ไม่เคยว่างเว้นไปทำอะไรที่ไม่ใช่สไตล์ของตัวเองเลยมั้ง หลังจากโดดเด้งจาก ‘Sleepy Hollow’ แล้ว ก็สร้างออกมาอีกหลายเรื่อง ล่าสุดก็เป็นแอนิเมชั่น+มิวสิคคัล เรื่อง ‘Corpse Bride’ หรือ ‘เจ้าสาวซากศพ’ คราวนี้ เขากลับมาใหม่ด้วย สไตล์ละครเพลง เปลี่ยนจากหุ่นปั้นเป็นคนจริงๆ แล้ว แต่ยังคงรูปแบบของการร้องเพลงเล่าเรื่องอยู่เช่นเดิม

‘Sweeny Todd’ เคยเป็นละครเพลงมาก่อน เมื่อมาเป็นหนัง มันจึงไม่สามารถเหมาะกับอะไรไปได้ นอกจาก “หนังเพลง” เมื่อมันมาอยู่ในมือของผู้กำกับอย่าง Tim Burton มันจึงเป็นอะไรที่ dark อย่างสุดๆ และคนอย่าง Tim Burton ลงมาทำเอง จึงหนีไม่พ้นหนังเพลงสีทึมๆ

แต่คราวนี้ ค่อนข้างเลือดเดือดเต็มจออยู่สักหน่อย

Johnny Depp ยังคงเป็นพระเอกอีกเช่นเคย เป็นพระเอกคู่บุญเสียจริง เดปป์กับเบอร์ตัน คราวนี้เดปป์รับบท Sweeny Todd ช่างตัดผมสุดโหด ส่วนนางเอก ก็คือ Helena Bonham Carter มารับบท Mrs. Lovett คนข้างกายของทอดด์ ที่ก็แอบหลงใหลในตัวพระเอกอยู่ข้างใน

เรื่องราวเล่าสั้นๆ ได้ว่า…

บาร์เบอร์ที่หัวใจบอบช้ำ หลังถูกผู้พิพากษาเทอร์ปินพรากลูกพรากเมีย และต้องไปอยู่ในคุก เมื่อเขากลับมาอีกครั้งและได้รับรู้เรื่องราวช่วงที่เขาไม่อยู่ เขาคิดแก้แค้น ก็พอดีว่าเขาได้กลับไปเจอกับนางเลิฟเว็ตต์ จึงใช้ห้องใต้หลังคาเป็นร้านตัดผม อีกทั้งเป็น… “ห้องเชือด”

ในเรื่องนี้ เราได้เห็นศาสตราจารย์สเนป เอ้ย ผู้พิพากษาเทอร์ปินเป็นตัวโกงแต่ร้องเพลงเพราะชะมัด ผมไม่รู้ว่า ทุกคนที่มาเล่นเรื่องนี้มีความสามารถในการร้องเพลงจริงๆ หรือเปล่า (เพราะไม่มีข้อมูล) แต่ทุกคนทำได้ดีมากๆ และเพลงก็เพราะเอามากๆ ด้วย

…ซึ่งขัดแย้งกันชัดเจน กับเรื่องราวที่สุดแสนจะหฤโหด และทารุน

โปสเตอร์หนัง ‘Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street’
โปสเตอร์หนัง ‘Sweeny Todd’
โปสเตอร์หนัง ‘Sweeny Todd’

ภาพฆาตกรรมที่น่าสยดสยองและจะแจ้ง ทำให้รู้สึกว่านี่ไม่ใช่หนังเพลงอย่างที่เคยพบเห็นทั่วไป มันคือหนังฆาตกรรมที่ดำเนินเรื่องด้วยการร้องเพลง ภาพเลือดที่สาดและการฆ่าที่เอาจริงเอาจัง ดูไปก็เสียวไปนั้น ถูกลดทอนความน่าสยดสยองลงเล็กน้อย ด้วยลายโมเสกที่มีคนเซ็นเซอร์เอาไว้

ผมเข้าไปเห็นหลายคนแสดงความเห็นไว้ในเฉลิมไทย ว่าไม่เห็นด้วยกับการเซ็นเซอร์ดังกล่าว แต่ผมกลับเห็นแตกต่าง ผมว่า ถ้ามันไม่มีเซ็นเซอร์เลยเนี่ย มันคงหวาดเสียวเกินไป ด้วยมุมกล้องที่เห็นมันจงใจมากๆ หวังให้เราดูเหตุฆาตกรรมแบบจะๆ ซึ่งผมรับไม่ค่อยได้น่ะสิ

สิ่งที่ผมชอบ

สิ่งที่ไม่ชอบ

อย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่มีอะไรที่ดูสมจริงนัก เนื่องด้วยมันเป็นบทของละครเพลงนั่นเอง หากคุณได้เข้าไปดู คุณคงไม่ต้องใส่ใจความไม่สมจริงของมันมากนัก สนใจไปที่เพลงเพราะๆ ฉากสยองๆ เลือดสีสดๆ และฉากสีทึมๆ ดีกว่า เพราะนั่นคือ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนจากภาพยนตร์เรื่องนี้…

สุดท้าย … ความแค้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แถมยัง….

Exit mobile version