รีวิวซีรีส์ 1899 | เกิดอะไรขึ้นกับเรือโพรมีเธียส?

ครั้งหนึ่ง เราเคยตื่นเต้นบวกปวดหัวไปกับซีรีส์สุดเจ๋งอย่าง ‘Dark’ ที่ออนแอร์ทั้ง Netflix มาถึง 3 ซีซัน ตั้งแต่ปี 2-17-2020 ด้วยเรื่องราวที่คาดเดายาก แถมด้วยรายละเอียดยุ่บยั่บ จนผู้คนที่ได้ชมต่างต้องทึ่งไปกับเรื่องที่พวกเขาเล่า มาปีนี้ ทีมงานเดิมออกผลงานใหม่ด้วยเรื่องราวที่เล่าเรื่องเกินคาดเดาอีกครั้ง ด้วยชื่อเรื่องเป็นเลขปี‘1899’ กับภาพโปสเตอร์ที่ชวนฉงนสงสัย

ผลงานจากทีมผู้สร้างชุดเดิม Baran bo Odar/บารัน โบ โอดาร์ นักทำหนังเยอรมันเชื้อสายสวิสและมือเขียนบท Jantje Friese/ยันท์เย ฟรีเช ที่เคยร่วมจับมือกันสร้างซีรีส์เขย่าขวัญอย่าง ‘Dark’ ให้ลือลั่นเป็นที่เลื่องลือถึงความลึกลับซับซ้อนจนมึนหัว ครั้งนี้ พวกเขากลับมาพร้อมกับซีรีส์เรื่องใหม่ ที่ผู้ชมอย่างเราๆ ก็อาจนึกสงสัย ครั้งนี้จะมึนหัวเหมือนกันหรือไม่นะ ครั้งก่อน พวกเขาเล่าถึงเรื่องราวเหนือธรรมชาติด้วยซีรีส์ภาษาเยอรมัน

ครั้งนี้ พวกเขาหันมาเล่าเรื่องราวบนเรือกลไฟที่พูดอังกฤษกันเป็นส่วนใหญ่ กับตัวละครที่มาจากหลากหลายเชื้อชาติ

เรื่องย่อซีรีส์ ‘1899’

เรื่องมันมีอยู่ว่า เรือกลไฟลำหนึ่งที่มีกัปตันเป็น ไอค์ ลาร์เซน (Andreas Pietschmann/อันเดรอัส เพียทช์แมนน์ ที่เคยร่วมงานกันมาในซีรีส์เรื่อง ‘Dark’) กำลังท่องมหาสมุทรแอตแลนติกอันกว้างใหญ่ จากนครลอนดอน อังกฤษ​ มุ่งหน้าพาผู้คนเรือนพันไปตั้งรกรากอยู่ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ลูกค้าหรือผู้โดยสารบนเรือลำนี้ค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น มอร่า แฟลงคลิน (Emily Beecham/เอมิลี่ บีชาม จากหนังเรื่อง ‘Cruella’ , ‘Little Joe’ และ ‘Outside the Wire’) หญิงสาวที่เดินทางคนเดียว เธอมีจุดประสงค์เพื่อตามหาพี่ชายที่อยู่บน ‘โพรมีเธียส’ เรือกลไฟอีกลำที่หายไปตั้งแต่เมื่อสี่เดือนก่อน หรือคู่พี่น้องที่ดูไม่เหมือนพี่น้องกันเลย คู่รักที่ดูไม่ค่อยรักกันสักเท่าไหร่ รวมไปถึงคู่หญิงสาวเชื้อสายเอเชียที่คงมีจุดหมายอะไรสักอย่างบนแผ่นดินอเมริกา

นอกเหนือจากผู้โดยสารชั้นสูงแล้ว เรือลำนี้ก็ยังมีผู้โดยสารที่ชนชั้นต่ำกว่า อาศัยอยู่ในชั้นล่างกว่า ไม่เท่านั้น ก็ยังมีลูกเรือที่ทำงานหนักเนื้อตัวมอมแมมอยู่ใต้ท้องเรือ แล้วก็ยังมีต้นหนและทีมงานผู้ช่วยของกัปตันอีกต่างหาก

แต่ระหว่างทาง พวกเขากลับต้องผจญกับเรื่องราวลี้ลับ ระทึกขวัญ ชวนปั่นประสาท ไม่หยุดหย่อน จนน่าจะทำให้การเดินทางครั้งนี้กลายเป็นฝันร้ายของผู้เดินทางและลูกเรือไปเลยทีเดียว

รีวิวซีรีส์ ‘1899’

เรื่องราวในซีรีส์เรื่องนี้จะเกี่ยวกับอะไรกันนะ? จากภาพที่เห็นมันเป็นเรือกลไฟลำหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางมหาสมุทร ทั้งรูปลักษณ์ของสามเหลี่ยมนั่นมันคือสิ่งใด เกี่ยวข้องยังไงกับเรื่องราว แต่อย่างน้อยก็ให้ความรู้สึกพิศวงสงสัย อยากจะรู้ว่าปริศนาใดกันที่ซ่อนอยู่ภายใต้โปสเตอร์ใบนี้ ก่อนที่ใบถัดมาจะเปิดเผยถึงหญิงสาวผู้หนึ่งที่ท่าทางเหมือนกำลังร่วงหล่นลงไปในท้องทะเล

มันเป็นเรื่องของเรือกลไฟลำหนึ่งที่ชื่อ ‘Berteros’ ที่แล่นอยู่กลางแอตแลนติก จากลอนดอนมุ่งหน้านิวยอร์ก ที่จู่ๆ ก็ได้รับโทรเลขบอกพิกัดส่งเข้ามาซ้ำๆ กัปตันคาดเดาว่ามันเป็นพิกัดของ ‘Prometheus’ เรือกลไฟอีกลำที่ออกเดินทางเมื่อสี่เดือนก่อนและหายไปไม่รู้ชะตากรรม กัปตันตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปยังพิกัดนั้น ก่อนจะเจอกับเรือลำที่หายพร้อมกับเรื่องราวอันแปลกประหลาด

ซีรีส์ที่ค่อยๆ อุ่นเครื่องอย่างช้าๆ เริ่มต้นด้วยการปูพื้นให้คนดูได้รู้จักกับตัวละครกลุ่มต่างๆ กันก่อน พร้อมๆ ไปกับการบอกเล่าถึงการเดินทางไปเจอกับเรือลำที่หายไปสี่เดือนลำนั้น และการตัดสินใจทุกถูกคัดค้านจากเหล่าผู้โดยสารนับพันที่ต้องการไปถึงนิวยอร์กให้ได้ภายใน 7 วัน

แน่นอน ทุกคนย่อมเห็นแล้วจากโปสเตอร์ จากตัวอย่าง ว่าเรือของพวกเขาหันหน้าเข้าหาพิกัดนั้นและไปเจอกับเรือกลไฟลำที่ชื่อ ‘โพรมีเธียส’ ต่างงุนงงสงสัย มีแต่คำถามที่ดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า

มันเกิดอะไรขึ้นกับเรือโพรมีเธียส?

บนเรือที่ลอยลำอยู่กลางสมุทร มองไม่เหมือนวี่แววของผู้คนที่เหลือรอด แต่ก็แปลกที่กลับพบเด็กน้อยหนึ่งคนที่ดูไม่เป็นอะไรเลย ขณะที่บนเรืออีกลำ กลับมีคนที่แปลกหน้าปรากฏตัวขึ้น ด้านการตัดสินใจของกัปตันก็น่าประหลาดใจเช่นกัน เขาเลือกจะลากจูงเรือโพรมีเธียสแล้วหันหน้ากลับยุโรป พร้อมกับเงื่อนงำอันน่าเคลือบแคลงเต็มไปหมด

ผู้โดยสารบนเรือลำนี้ ดูคล้ายจะมีแต่คนที่มีความหลังอันเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็น มอร่า เองที่พี่ชายสูญหายไปกับ ‘โพรมีเธียส’ 4 เดือนเต็ม จึงเป็นแรงจูงใจให้เธอขึ้นเรือลำนี้เพื่อหวังจะได้พบเหตุการหายตัวไปของพี่ชาย อีกด้านเธอยังมีความรู้ในด้านการแพทย์ แต่เธอไม่อาจได้เป็นหมอ ด้วยภาวะการกดขี่ของสังคมที่ควบคุมโดยบรรดามนุษย์เพศชาย, กัปตันไอค์ที่ขี้เหล้าเฝ้าแต่รูปถ่ายของเขากับภรรยาและบรรดาลูกสาวตนเอง, สามีภรรยาที่ไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรักแต่แต่งกันเพราะการคลุมถุงชน ยังมีบางคู่ที่ปกปิดความลับบางอย่างเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น พี่น้องที่ต้องเดินทางร่วมกันเพราะเหตุผลบางอย่าง คู่หญิงสาวเชื้อสายจีนแต่แต่งตัวเป็นคนญี่ปุ่นและเดินทางมากับหญิงรับใช้ แท้จริงพวกเขามีตัวตนอื่นแอบแฝงไว้

ไหนจะไอเท็มประหลาดรูปทรงสามเหลี่ยมนั่น, การตายอย่างเป็นปริศนาของผู้คนบนเรือ, หมอกหนาจัดที่จู่ๆ ก็เข้ามาปกคลุม, คำสั่งโทรเลขที่ส่งมาเพียง ‘จมเรือ’, แผงควบคุมบางอย่างที่ติดตั้งไว้เหมือนกันบนเรือทั้งสองลำแต่ไม่รู้ว่ามีไว้ทำอะไร ไหนจะภาพปิระมิดปริศนา แถมทั้งเรื่องมีแต่สัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมอีก

เป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยตัวละครจากฝีมือของนักแสดงที่ผ่านงานดังๆ มาแล้วทั้งนั้น นอกเหนือจาก เอมิลี่ บีชาม (จากซีรีส์เรื่อง ‘Into the Badlands’) กับ อันเดรอัส เพียทช์แมนน์ (จากซีรีส์เรื่อง ‘Dark’) ที่เอ่ยถึงไปแล้ว ก็ยังมี Aneurin Barnard/อะนูริน บาร์นนาร์ด (จากหนังเรื่อง ‘Dunkirk’) ในบทแดเนียลชายลึกลับ, Anton Lesser/แอนทอน เลสเซอร์ (จากซีรีส์เรื่อง ‘Game of Thrones’) ในบทเฮนรี่พี่ชายของมอร่า, Mathilde Ollivier/มาธิลด์ โอลิวิเย่ร์ (จากหนังเรื่อง ‘Overlord’) ในบทสาวสวยเคลมองต์, Jonas Bloquet/โจนาส โบลเกต์ (จากหนังเรื่อง ‘The Nun’) รวมทั้ง Gabby Wong/แก็บบี้ หว่อง (จากหนังเรื่อง ‘Rogue One’) และ Miguel Bernardeau/มิเกล เบร์นาโด (จากซีรีส์เรื่อง ‘Elite เล่ห์ร้ายเกมไฮโซ’) เรียกว่าตัวละครมากมายจนแทบตกหล่นบางรายละเอียดของพวกเขาไปได้เลยทีเดียว

ช่วงเริ่มต้นอาจเป็นอุปสรรคต่อการไปต่อบ้างแต่ก็บางเบา แม้ตัวละครจะเยอะแต่เรื่องราวที่ชวนสงสัยก็ยังผลักดันให้เดินหน้าไปกับมัน การเดินเรื่องอาจจะดูเนิบนาบแต่ก็ละสายตาไม่ได้เพราะจะพลาดบางส่วนไป ก่อนที่จะรู้ตัวว่าติดกับซีรีส์เรื่องนี้เข้าให้แล้วก็ตอนที่กดรีโมทเพื่อดูตอนถัดๆ ไปอย่างไม่อาจหยุดพัก

ด้านงานภาพ อาจพบว่าซีจีของเรือที่ลอยลำกลางทะเลกว้างนั้นอาจดูลอยๆ ไปบ้าง แต่โดยส่วนใหญ่มันก็ทำได้แนบเนียนดีอยู่ บางช่วงก็มีเพลงประกอบที่คุ้นเคยโผล่มาให้ประหลาดใจ ขณะที่ในเชิงการแสดงนั้น แต่ละคนก็สวมบทบาทได้ดีน่าชื่นชม ใดๆ ก็ต้องยกประโยชน์ให้กับการเดินเรื่องที่ชวนให้สนอกสนใจใคร่รู้ในปริศนาที่มีมาไม่หยุดหย่อน แม้หลายคนชอบจะนำไปเทียบกับ ‘Dark’ ว่าทำไม่ได้ดีเท่า แต่สำหรับเราว่ามันค่อนข้างดีเลยนะ

เพียงแต่ยิ่งเรื่องราวดำเนินไปถึงช่วงท้าย กลับยิ่งเดินทางอย่างเยิ่นเย้อ และเมื่อมันจบลงก็กลับพบว่ามันไม่ได้เปิดไปสู่บทลงเอยที่แปลกใหม่อะไร

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์