รีวิวซีรีส์ Bridgerton Season 2 | แอนโทนี่หาคู่ คับขันวิสเซิลดาวน์

เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่สร้างกระแสได้ดีในซีซันแรก จนสามารถจะเดินต่อในซีซันต่อมาได้อย่างสบายใจ เรื่องราวที่บังเกิดอยู่ในแวดวงไฮโซแถบลอนดอนในสมัยอดีต จากหนังสือนิยายขายดีที่ถูกดัดแปลงมาเป็นซีรีส์ฉายทาง Netflix นายแพทกำลังพูดถึง ‘Bridgerton: วังวนรัก เกมไฮโซ’ นั่นเอง และตอนนี้ ก็มีมาถึงซีซันสองแล้ว จึงได้เวลามาเขียนถึง ‘Bridgerton Season 2’ กัน

ในซีซันก่อน เราต่างได้ทำความรู้จักกับครอบครัวต่างๆ ที่ล้วนอยู่ในวงสังคมไฮโซแห่งอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นบ้านบริดเจอร์ตัน หรือเฟเทอริงตัน แต่ในซีซันนี้จะมีอีกบ้านมาให้เราได้ติดตามกัน นั่นคือ ชาร์มา ก็หันเหสายตาจากการหาคู่ของดาฟนี ไปสู่ช่วงเวลาของพี่ชายคนโตอย่าง แอนโทนี่ กันบ้าง

ได้เวลาเปิดฤดูกาลการหาคู่ครั้งใหม่กันแล้ว ณ บัดนี้!

เรื่องย่อซีรีส์ ‘Bridgerton Season 2’

กลับเข้าสู่วงสังคมไฮโซกันอีกครั้ง ช่วงเวลา London Season ฤดูออกงานหาคู่ครั้งใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น พร้อมๆ กับการที่ทุกบ้านส่งตัวหญิงชายหนุ่มสาวที่พร้อมหาคู่ครอง ให้เข้าเฝ้าพระราชินีชาร์ลอตต์ (Golda Rosheuvel จากหนัง ‘Dune’ และ ‘Lady Macbeth’) ผู้สำราญอยู่กับการเฟ้นหาเพชรเม็ดงาม และครั้งนี้ บ้านบริดเจอร์ตัน ตระกูลไฮโซอันดับหนึ่งก็ส่งลูกชายคนโตอย่าง แอนโทนี (Jonathan Bailey จากซีรีส์ ‘Broadchurch’ และ ‘Crashing’) ไวเคานต์ที่พร้อมจะแต่งงานลงสู่สนามหาคู่ แต่เพราะความเป็นพี่ชายคนโต ทำให้เขาต้องรู้สึกว่าต้องแบกรับอนาคตของบ้านไว้ทุกด้าน จึงดูจะเรื่องมากในการคัดเลือกคู่ครองอยู่สักหน่อย

และเมื่อองค์ราชินีเลือกมิสเอ็ดวินา ชาร์มา (Charithra Chandran) เป็นเพชรน้ำหนึ่งในงาน เขาจึงชายตามองและก้าวเข้าไปจีบอย่างไม่ต้องสงสัย ท่ามกลางความสนใจของผู้ชายมากหน้าที่กลายเป็นคู่แข่งของเขา

ความจริงอีกอย่าง ก็คือ เอ็ดวินานั้นมีพี่สาวต่างมารดาอย่าง เคท ชาร์มา (Simone Ashley จากซีรีส์ ‘Sex Education’ และหนัง ‘Pokémon: Detective Pikachu’) ที่เดินทางมาจากอินเดีย เธอตั้งใจจะให้น้องสาวได้พบกับชายที่เหมาะสมและเป็นรักแท้ในงานครั้งนี้ ทว่าเธอดูจะมีบางอย่างที่ปกปิดไว้เบื้องหลัง

สุดท้ายแล้ว แอนโทนี่จะได้หญิงคนไหนไปเป็นคู่แต่งงานมั้ยนะ?

รีวิวซีรีส์ ‘Bridgerton Season 2’

ในซีซันแรก น้องสาวแสนสวยอย่างดาฟนีคว้าหัวใจของไซมอน แต่งงานและกลายเป็นดัชเชสไปเรียบร้อยแล้ว มาซีซันนี้ก็ถึงเวลาที่แอนโทนีพี่ชายคนโตจะได้รับบทเด่นบ้าง เราอาจจะได้เห็น Phoebe Dynevor น้อยไปหน่อย ขณะที่ Regé-Jean Page คนที่เล่นเป็นไซมอนในซีซันแรกนั้น เรียกได้ว่าหายไปเลย

องค์ประกอบอื่นๆ ที่เคยเจอในซีซันก่อนก็นับว่ายังอยู่กันครบ ก่อนพบกับ ‘วังวนรัก เกมไฮโซ ซีซัน 2’ เขาก็ย้อนเล่ารีแคปเพื่อฟื้นความจำกันเล็กน้อย

เรื่องรักของอันวุ่นวายของคุณชายบริดเจอร์ตัน

ในครั้งนี้ ดูเหมือนดาวเด่นอย่าง เอ็ดวินา ชาร์มา หญิงสาวดาวเด่นเชื้อสายอินเดียจะเนื้อหอมเป็นพิเศษ พวกผู้ชายต่างพากันรุมจีบ ซึ่งก็รวมทั้งแอนโทนี บริดเจอร์ตัน

เขาเป็นไวเคานต์ที่ดูแลบัญชีของบ้านบริดเจอร์ตัน ใครๆ ก็สงสัยว่าเขาจะสละทิ้งภาพพจน์หนุ่มเจ้าสำราญเพื่อแต่งงานสร้างครอบครัวได้จริงๆ หรือ และด้วยความที่เป็นลูกชายคนโต บุคลิกส่วนตัวจึงมักเป็นพวกชอบออกคำสั่ง จริงจังในทุกสิ่ง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขารู้สึกว่าตนต้องแบกรับความอยู่รอดของครอบครัวนี้เอาไว้ จึงใช้เวลาไปกับการสัมภาษณ์หญิงสาวเพื่อเฟ้นหาคนที่เหมาะจะเป็นภรรยา เขาไม่ได้มองเรื่องความรักเป็นสำคัญ หากมองถึงความเหมาะสมในอันที่จะนำพาอนาคตที่ดีมาสู่บริดเจอร์ตันนั่นเอง

เขาเลือกจะใช้สมอง แต่ไม่ยอมใช้หัวใจในการหาคู่!

ส่วนฝ่ายเอ็ดวินาเอง เธอมีเคท พี่สาวต่างมารดาที่พยายามจะผลักดันเธอทุกทางให้เธอได้เจอชายที่คู่ควร และเคทก็ดูจะไม่ถูกใจแอนโทนีเพราะเธอดันไปล่วงรู้ความคิดของเขาเข้าโดยบังเอิญ ความเป็นไม้เบื่อไม้เมากลายเป็นอุปสรรคในการจีบและคบหาของเอ็ดวินากับแอนโทนี และเรื่องราวสไตล์รักสามเส้าที่เกิดขึ้นก็ดูจะยืดยาวและชวนรู้สึกน่ารำคาญอยู่ไม่ใช่น้อย เมื่อต่างฝ่ายต่างหาเรื่องดึงดูดและผลักไสต่อกันตลอดเวลา ด้วยเหตุผลที่ไม่อาจชวนให้รู้สึกคล้อยตาม และหลายครั้งก็เหมือนจะจงใจจนเกินงาม

จนเมื่อผ่านไปถึง 3 ตอนท้ายนั่นแหละ ซีรีส์ก็เริ่มจะมีอะไรน่าสนใจขึ้นมาหน่อย เมื่อบทของมันเริ่มจะหันไปสนใจเรื่องอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในแวดวงไฮโซมากขึ้น

องค์ประกอบที่ชวนหลงใหล

เกมกีฬา

ความโดดเด่นที่แตกต่างจากซีซันก่อนของซีซันนี้ ก็คือ พัลมัล เกมกีฬาในสมัยคริสตศตวรรษที่ 16-17 ที่ถูกใช้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัว เกมที่เล่นกันกลางสนามหญ้า มีไม้ตีลูกให้เข้ากลางประตูเล็กๆ แถมยังสามารถตีแกล้งอีกฝ่ายได้ ซึ่งมันก็ถูกนำมาใช้ในการถ่ายโปสเตอร์ซีรีส์ของซีซันนี้ด้วย

ความสนใจเรื่องสิทธิสตรี

ตัวละครอย่างเอโลอิส (Claudia Jessie) เป็นหญิงสาวบ้านบริดเจอร์ตันที่ไม่ได้อยากแต่งงาน และมีความสนใจเรื่องสิทธิสตรี มีความคิดผิดแผกแตกต่างจากความคิดของคนในยุคนั้น ที่ส่งเสริมให้ชายเป็นใหญ่ กดทับผู้หญิงให้กลายเป็นแค่ภรรยาและแม่บ้าน ในซีซันนี้ดูจะเพิ่มเรื่องราวและความสำคัญของแนวคิดนี้ให้เด่นชัดขึ้นมา

ดนตรีประกอบ

ในซีซันนี้ก็ยังคงสานต่อความดีจากซีซันแรก เมื่อเขาเอาเพลงดังที่คนรู้สึกมาดัดแปลงให้กลายเป็นเวอร์ชันเครื่องสายและใช้ประกอบในงานเลี้ยงเต้นรำ คนดูน่าจะได้สนุกกับการจับว่าดั้งเดิมนั้น มันเป็นเพลงใดของใคร

คอสตูมและฉาก

อีกสิ่งสำคัญที่จะขาดตกบกพร่องไปไม่ได้ในซีรีส์ที่เล่าเรื่องในยุคเก่า ทั้งตึกรามที่ใช้ต้องดูโอ่อ่าหรูหราอลังการ ผิดกับบางย่านที่อยู่นอกเมย์แฟร์และไม่ใช่ที่อยู่ของเหล่าไฮโซที่จะต้องดูทึมๆ ด้านเสื้อผ้าหน้าผมก็ต้องดูสวยงามตามแบบฉบับผู้ดี งานนี้ ทีมงานก็ดูจะทำได้ดีอีกเช่นเคย

เลดี้วิสเซิลดาวน์กับการรักษาความลับ

ที่จะลืมเอ่ยถึงไปไม่ได้เลย คือ เส้นเรื่องของ Lady Whistledown นามแฝงของนักเขียนหนังสือเล่าเรื่องซุบซิบในวงไฮโซ ผู้ที่รู้ทุกเรื่องราวของทุกคนและหยิบไปเล่าจนผู้คนติดกันงอมแงม ในซีซันก่อน ได้เฉลยกันไปแล้วว่า ใครคือเลดี้วิสเซิลดาวน์ มาในซีซันนี้ เธอยังคงจำเป็นต้องปิดซ่อนตัวเองไม่ให้ใครล่วงรู้ (แม้แต่เพื่อนสนิท) ทั้งยังกลายเป็นบุคคลที่พระราชินีตะหงิดใจ มองว่าเป็นปฏิปักษ์จนพยายามส่งคนไปสืบหาตัวตนจริง คนดูจึงเหมือนต้องช่วยเธอลุ้นอยู่ตลอดเวลา ว่าเธอจะถูกเปิดโปงหรือไม่ เธอจะเอาตัวรอดอย่างไร และเพื่อนของเธอจะระแคะระคายเมื่อไหร่

มันจึงกลายเป็นอีกเส้นเรื่องที่ชวนให้คนติดตาม

การชิงไหวชิงพริบระหว่างพระราชินีและเลดี้วิสเซิลดาวน์กลายเป็นอีกสีสันที่ทำได้น่าสนุกกว่าเหตุรักสามเส้าของแอนโทนี่ เคท และเอ็ดวินา ไปโดยปริยาย แม้จะรู้สึกสงสัยว่า คนที่ใกล้ชิดเธอที่สุดขนาดนั้น เหตุใดจึงไม่เฉลียวใจเสียที เพื่อนของเธอคือหญิงแอบฟังถ้อยคำซุบซิบแล้วเอาไปเล่าเรื่องอื้อฉาวที่เธออ่านมันเรื่อยมานะ เพราะความคิดนี้ที่ผุดขึ้นในหัว จึงอาจชวนให้หงุดหงิดอยู่นิดหน่อย

เส้นเรื่องอื่นๆ ก็น่าสนใจ

ในซีซันนี้ ‘บริดเจอร์ตัน’ ไม่ได้เน้นเล่าแต่เรื่องหาคู่ของหนุ่มสาวแต่เพียงถ่ายเดียว หากยังเล่าไปหลายส่วน (เพียงแต่ค่อนข้างเล่าเรื่องหาคู่มากไปหน่อยและครั้งนี้มันดูน่าเบื่อกว่าครั้งก่อนเท่านั้นเอง) อย่างเช่นความพยายามในการอยู่รอดของบ้านเฟเธอริงตัน (Featherington) หญิงหม้ายกับลูกสาวทั้งสามนั่น เธอได้ญาติที่มาจากอเมริกามาช่วยดูแลการเงินและหวังใช้การแต่งงานเพื่อกอบกู้ครอบครัว เป็นอีกเส้นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งกว่าเส้นแอนโทนี่ซะอีก

นอกจากนี้ ก็ยังมีเรื่องของพี่น้องคนอื่นๆ ในบ้านบริดเจอร์ตัน ที่ต่างก็เริ่มจะมีที่ทางของตน เบเนดิกต์ ที่กำลังก้าวไปในเส้นทางสายศิลปิน คอลิน ผู้รักการเดินทางที่กลับมาจากกรีซและยังไม่ลืมคนรักเก่า ดาฟนี ลูกสาวคนโตที่กลายเป็นดัชเชสกับลูกน้อยในคฤหาสน์หลังใหญ่ในชนบท ขณะที่ไฮยาซินต์และเกรกอรี่ ยังเด็กอยู่ เลยอาจยังไม่มีบทบาทมากนัก

ความสนุกของเรื่องหาคู่ในซีซันดูน่าสนใจน้อยกว่าซีซันก่อนที่เล่าเรื่องของหญิงสาวที่ไม่อยากแต่งจนไปร่วมมือกับชายที่มองเห็นสิ่งเดียวกัน แต่ครั้งนี้กลายเป็นดราม่าโรแมนซ์สามเส้าที่เยิ่นเย้อยืดเยื้อ ขณะที่ช็อตวาบหวามบนเตียงในซีซันนี้ถือว่าน้อยลงนิดหน่อย ถ้าจะพูดกันโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าดร็อปลงจากซีซันก่อนประมาณหนึ่ง ผู้ชมต้องอดทนรอจนพ้นผ่านช่วงนั้นมา ก็จะพบว่าเส้นเรื่องอื่นๆ ดูน่าสนใจกว่าเยอะเลย

จนคิดว่า 8 ตอนยังเยอะไปเสียด้วยซ้ำ!

บทความที่เกี่ยวข้อง

• Bridgerton วังวนรัก เกมไฮโซ [ซีซัน 1]

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์