รีวิวซีรีส์ Midnight Mass มิดไนท์ แมส | ศรัทธาหรือปาฏิหาริย์

หลังผ่านผลงานซีรีส์แนวดรามาลึกลับสไตล์ Mike Flanagan มาแล้วบ้างอย่าง The Haunting of Hill House และ The Haunting of Bly Manor ก็พอจะทำให้ดูซีรีส์เรื่องใหม่ของเขาอย่าง Midnight Mass หรือชื่อไทย ก็ทื่อๆ เลย มิดไนท์ แมส ได้อย่างตลอดรอดฝั่ง ด้วยงานภาพที่จัดว่าละเอียดลออผสมกับการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างไม่หวือหวา อาจทำให้ใครบางคนถอดใจไประหว่างดู แต่กลับพบว่าตัวเองติดตามไปได้จนจบ

ดูเหมือนเรื่องนี้จะค่อนข้างเข้มข้นในเรื่องที่ว่าด้วยศาสนา อาจกลายเป็นของแสลงไปสำหรับบางคน แต่มันเล่าเรื่องสยองขวัญที่เกิดขึ้นในพื้นที่แคบและปิดอย่างเกาะเล็กๆ ที่มีคนอาศัยอยู่ร้อยกว่าคน ก็ถือว่า พอจะมีอะไรชวนให้คนรู้สึกสนใจและอยากติดตามอยู่

โดยเฉพาะคนที่นับถือศาสนาคริสต์อยู่ก่อนแล้ว

เรื่องย่อซีรีส์ Midnight Mass

ไรลีย์ ฟลินน์ (Zach Gilford จากหนังเรื่อง The Purge: Anarchy) ชายหนุ่มที่น่าจะมีอนาคตไกลในธุรกิจสตาร์ทอัพ แต่กลับต้องไปนอนคุกเพราะความผิดขับรถด้วยการมึนเมาจนเป็นเหตุให้เด็กสาวคนหนึ่งต้องตาย ความผิดที่ติดตัวอาจเป็นส่วนหนึ่งที่พาให้เขาจำใจกลับบ้านบนเกาะเล็กๆ ห่างไกลแผ่นดินใหญ่ ที่นั่น เขามีทั้งพ่อแม่และน้องชาย แต่ดูเหมือนบนเกาะกำลังมีแต่สิ่งผุพัง

ผู้คนที่เคยมีหลายร้อย เหลืออยู่เพียงร้อยกว่าคน บนเกาะแทบไม่มีอะไรน่าสนใจให้ทำ มีโบสถ์นิกายคาทอลิกที่ตั้งตระหง่านอยู่ ข่าวว่าบาทหลวงคนสำคัญกำลังกลับมา แต่การณ์กลับปรากฏว่า มีบาทหลวงคนใหม่วัยหนุ่มมาแทน เขาคือ คุณพ่อพอล (Hamish Linklater จากหนังเรื่อง The Big Short และ Battleship) การมาของเขาเหมือนจะจุดประกายให้ศาสนาคริสต์บนเกาะนี้มีแสงเรืองรองขึ้นอีกครั้ง โดยมีสาวกคนสำคัญอย่าง เบฟ คีน (Samantha Sloyan จากซีรีส์เรื่อง Grey’s Anatomy) รวมอยู่ด้วย

ไรลีย์ ได้พบกับเพื่อนเก่าอย่าง เอริน กรีน (Kate Siegel จากหนังเรื่อง Hush, ซีรีส์เรื่อง The Haunting of Hill House และ The Haunting of Bly Manor) ที่กำลังตั้งท้อง ผู้กำลังฝากครรภ์กับซาราห์ (Annabeth Gish) ที่น่าจะเป็นหมอคนเดียวบนเกาะ มีเด็กสาวที่พิการอย่าง ลีซ่า (Annarah Cymone) ใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นมานานปี นอกจากนี้ ยังมีฮัสซาน (Rahul Kohli จากหนังเรื่อง Killer Ransom) นายอำเภอคนใหม่กับลูกชายที่เป็นมุสลิมเพียงสองคนบนเกาะ

แต่ว่า…การมาถึงบาทหลวงคนใหม่นำพาความน่าสะพรึงบางอย่างมาด้วย

รีวิวซีรีส์ มิดไนท์ แมส

เพราะความรู้สึกผิดในใจของไรลีย์พาให้เขาต้องเข้าไปอยู่ในคุก หลับหรือตื่นจะพบเจอแต่หน้าของเด็กสาวที่เขาเมาและคร่าชีวิต เขาเลือกจะกลับเกาะคร็อกเก็ตที่ใกล้ผุพัง การกลับไปอยู่ที่นั่น นอกจากจะได้อยู่กับครอบครัวแล้วก็ยังได้พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่กลายเป็นความน่าสะพรึงอีกด้วย

เริ่มต้นซีรีส์พาเราไปรู้จักกับผู้คนบนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ แทรกด้วยเหตุน่ากลัวและชวนสงสัยที่เกิดขึ้นในจุดต่างๆ ซึ่งถ้าเทียบกับความยาวของแต่ละตอน ถือว่ามันช่างน้อยนิด บวกกับความเนิบช้าของเรื่องราว การรับชมอาจจำเป็นต้องพึ่งพาความอดทนส่วนตัวอยู่บ้าง

ด้วยความรู้สึกว่า เดี๋ยวมันต้องเข้มข้นน่าติดตามในบั้นปลายแน่ๆ

เด็กสาวที่หลอนอยู่ในใจและในฝันของไรลีย์นั้นปรากฏอยู่ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้นก่อนทุกอย่างจะเริ่มหายไปเมื่อบทบาทของบาทหลวงคนใหม่ฉายแววมากขึ้น ความไม่ชอบมาพากลที่บาทหลวงหนุ่มคนใหม่ที่มาแทนบาทหลวงคนเก่าที่ชราจนเริ่มเลอะเลือน เขาให้ข้อมูลว่าบาทหลวงชราป่วยหนักและเข้ารักษาตัวอยู่บนแผ่นดินใหญ่

ความไม่ชอบมาพากลที่คนดูบางส่วนอาจคาดเดาได้ถูกต้อง

เรื่องราวเริ่มน่าสนใจขึ้น เกิดความอยากรู้อยากเห็นว่ามันเกิดอะไรกับบาทหลวงคนนี้กันแน่ แต่ต้องแลกมากับบทสนทนาที่ยืดยาวของตัวละคร ข้อมูลด้านศาสนาถูกสาดใส่มาไม่ยั้ง ข้อความในคัมภีร์ไบเบิลถูกหยิบมาพูดถึงไม่หยุดหย่อน สำหรับคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์อาจเข้าไปไม่ถึง ซีรีส์ค่อนข้างใช้เวลาไปกับบทสนทนาไปบนท้องถนน บ้างก็เป็นการสนทนาในบ้าน การพูดคุยของคนต่างศาสนาในโบสถ์ ที่อาจสำคัญต่อเรื่องราวแต่ก็ค่อนข้างใช้เวลามากมายไปโดยไม่จำเป็นในความรู้สึกของผู้ชมบางส่วน

ทุกอย่างขมวดปมเข้ามามากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเกินครึ่ง ผู้ชมอย่างผมจึงได้ถึงบางอ้อว่า เหตุใดเรื่องนี้จึงได้ชื่อว่า ‘มิดไนท์ แมส‘

คำว่า Mass ในที่นี้ เขาหมายถึง พิธีมิสซาของชาวคริสต์ กว่าผู้ชมจะได้รู้ เรื่องราวก็ผ่านมาถึงช่วงท้ายซะแล้ว นัยว่า ชื่อซีรีส์บ่งบอกสิ่งนี้มาตลอดแค่คนดูนอกศาสนาอย่างผมไม่เคยรู้เท่านั้นเอง

ซีรีส์เรื่องนี้มีรายละเอียดบางจุดที่น่าสนใจแม้มิได้เกี่ยวพันกับเส้นเรื่องหลักมากนัก มันเล่าถึงเหตุที่เกาะเล็กๆ อย่างคร็อกเก็ตเริ่มโรยราจนเหลือประชากรอยู่แค่ร้อยกว่า เหตุน้ำมันรั่วที่ทำลายทรัพยากรทางทะเลแถบนี้ไปมาก จนหลายคนเหนื่อยหน่ายกับชีวิตที่นี่และย้ายไปอยู่อาศัยบนแผ่นดินใหญ่ แต่ดูเหมือนรากแห่งคริสต์ศาสนาบนเกาะจะยังคงแข็งแรง โบสถ์เซนต์แพทริกยังคงตั้งตระหง่าน ความเชื่อความศรัทธาที่มากมายจนกลายเป็นความบ้าคลั่งที่นำมาซึ่งบทสุดท้าย

ทุกคนบนเกาะต่างก็นับถือศาสนาคริสต์ มีเพียงไรลีย์ผู้ที่ตั้งคำถามกับพระเจ้ามาตั้งแต่เข้าคุก กับสองพ่อลูกมุสลิมที่ผู้พ่อเป็นนายอำเภอ เขากลายเป็นคนนอกแม้จะอยู่ร่วมเกาะเดียวกันก็ตามที เรื่องราวบางส่วนจึงเป็นบทสนทนาแห่งความขัดแย้งเชิงศาสนา เรื่องราวเริ่มเน้นไปที่บาทหลวงคนใหม่ กับแคมเปญชักชวนให้คนเข้าโบสถ์ที่ได้ผลชะงัด

เมื่อปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ศรัทธาจึงติดตามมา

เด็กน้อยที่พิการช่วงล่าง ชีวิตที่ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดมา จู่ๆ กลับลุกและเดินได้เอง แถมยังมีอีกหลายคนที่พบปาฏิหาริย์นี้เข้ากับตน เป็นใครก็ย่อมอดไม่ได้ที่จะเลื่อมใสศรัทธา เชื่อถือจนสนิทใจ และฝากทุกอย่างไว้โดยไม่ตั้งถาม ซีรีส์นำเสนอความศรัทธาของบางตัวละครที่ปิดตามองไม่เห็นความผิด(ปกติ)ของบาทหลวงจนทุกอย่างเริ่มจะไถลไปไกลและหยุดไม่อยู่

ซีรีส์เหมือนจะเล่าถึงฉากหน้าและหลังฉากของผู้นำทางจิตวิญญาณในหมู่บ้านเล็กๆ แต่ยิ่งเขียนมากไปก็จะกลายเป็นยิ่งสปอยล์หนักไปเสียเปล่าๆ เพราะอะไรบาทหลวงผู้มีพลังชี้นำมวลชนจึงปิดบังเรื่องบาทหลวงชราคนเก่า เพราะอะไรเกาะแห่งนี้จึงเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น เหตุประหลาดที่เกิดขึ้นในยามค่ำคืนมันคืออะไร ทำไมพิธีมิสซาจึงถูกจัดขึ้นในเวลาเที่ยงคืน

เรื่องเล่าที่ชวนตื่นเต้นขึ้นมากในช่วง 2 ตอนสุดท้าย ซีรีส์นำเสนอเรื่องคนที่ควรเป็นตัวแทนของพระเจ้าแต่กลับตัดสินใจเลือกไปอีกหนทาง ชื่นชมจริงๆ กับบรรดานักแสดงที่แสดงสามารถพูดบทยาวๆ แบบนั้นได้ แถมบทรำพันถึงความหมายแห่งชีวิตที่เกิดขึ้นในตอนก่อนหน้านั้น ถูกนำมาใช้อีกครั้ง กลายเป็นปรัชญาแห่งชีวิตที่ตัวละครได้เรียนรู้ผ่านการเดินทางเพียงระยะสั้นๆ

มันเป็นสไตล์ของไมค์ที่ซีรีส์ของเขาจะมีความภาพสวยเนี้ยบ เรื่องราวที่เดินอย่างเรียบๆ มีช็อตอึ้งผุดขึ้นเป็นช่วงๆ ชวนให้รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เพราะความสงสัยในเหตุที่บังเกิดขึ้นอาจทรงพลังมากพอจะทำให้เกิดความอยากรู้

จนติดตามไปถึงบทลงเอยที่ใหญ่โตกว่ามาก!

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์