รีวิวซีรีส์ Record of Youth เส้นทางดาว | ความจริงของชีวิต ความฝันของดวงดารา

ซีรีส์เกาหลีมีออกมาใหม่เรื่อยๆ เลยนะครับ ดูกันไม่หวาดไม่ไหว นี่ยังไม่นับว่ามีเรื่องเก่าอีกมากมายที่เรายังไม่มีเวลาไปดู หรือยังไม่ได้ถูกเราค้นพบ แต่วันนี้ก็ได้เจอะเจอะกับเรื่องใหม่อีกจนได้ จะด้วยเพราะนักแสดงนำดึงดูดใจหรืออะไรก็แล้ว แต่ก็ถึงเวลาต้องมาเขียนถึงกันละ ‘Record of Youth’ หรือชื่อไทย ‘เส้นทางดาว’ ที่เริ่มทะยอยออนไลน์เพิ่มทีละตอนทางเน็ตฟลิกซ์

เรื่องราวของตัวเอกที่เดินอยู่บนเส้นทางสายบันเทิง พระเอกเป็นนายแบบที่หวังโด่งดังจากการเป็นดารา แต่ว่าผ่านมาหลายปีก็ยังไม่ดังสักที และได้มาเจอกับนางเอกสาวที่เป็นติ่ง ซึ่งคนที่เธอชื่นชอบนั่นไม่ใช่ใคร ก็คือพระเอกคนที่ไม่ดังของเรานั่นเอง

ผลงานจากผู้กำกับ ‘Stranger’ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เข้มข้นรายละเอียดเท่านั้น ดูผ่อนคลายและแตกต่างกันมากทีเดียว

เรื่องย่อซีรีส์ Record of Youth

ซาฮเยจุน (Park Bo Gum/พัคโบกอม จากซีรีส์ ‘Love in the Moonlight’, ‘Reply 1988’ และ ‘The Producers’) ชายหนุ่มผู้มีทั้งหน้าตาที่หล่อเหลา แถมยังมีจิตใจที่ดี รักความยุติธรรมและเข้าอกเข้าใจผู้อื่น แต่บางครั้งความเป็นคนดีมากเกินใจก็อาจเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางเดินบนถนนสายบันเทิงไม่รุ่งโรจน์ โด่งดัง หรือก้าวหน้า เขายังคงไม่เป็นรู้จักสักเท่าไหร่ อีกส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะเขาเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง ไม่มีเงินถุงเงินถังอย่างใครเขา

ชีวิตของซาฮเยจุนก้าวมาถึงจุดที่ต้องเลือก เขาได้รับจดหมายเรียกไปเข้ารับราชการทหาร อายุก็ 26 ปีแล้ว ถ้าเข้ากรมตอนนี้ ชีวิตในวงการบันเทิงอาจต้องจบสิ้นลงและความพยายามที่ผ่านมาอาจต้องสูญเปล่า

เขามีเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยยังเรียนประถม วอนแฮฮโย (Byeon Woo Seok/บยอนอูซอก จากซีรีส์ ‘Search: WWW’, ‘Moon Lovers: Scarlet Heart Ryeo’) ที่เริ่มต้นชีวิตในวงการบันเทิงมาพร้อมๆ กันแต่กลับไปได้ดีกว่าเพราะบ้านรวยและมีแรงสนับสนุน เป็นส่วนหนึ่งซาอเยจุนคิดหนักว่าควรจะไปต่อหรือเข้ากรมดี

แต่ในที่การตัดสินใจของเขายังก้ำกึ่งอยู่นั้น ก็ได้เจอกับเธอที่เข้ามา

เธอคือสาวน้อยหน้าหมวย อันจองฮา (Park So Dam/พัคโซดัม จากภาพยนตร์ ‘The Priests’  และ ‘Parasite’) เธอเป็นเพียงผู้ช่วยในร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง เธอเคยทำงานบริษัทแล้วลาออกมาด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่เธอมีฝีมือในการแต่งหน้าและถูกกีดกันจากรุ่นพี่ในร้าน เธอเป็นติ่งที่ชื่นชอบในตัวฮเยจุน ความดีใจอย่างหนึ่งของการเป็นติ่งคือการได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับคนที่ชื่นชอบ และเมื่อเธอได้แต่งหน้าให้เขา ความสัมพันธ์ก็พัฒนาด้วยอัตราเร่งเต็มขั้น

แม้เจ้าตัวจะพยายามยั้งๆ ไว้แล้วก็ตาม

รีวีวซีรีส์เกาหลี ‘เส้นทางดาว’

เป็นความสบายใจจริงๆ หลังจากเจอซีรีส์ที่หนักหัวอย่าง Stranger คราวนี้เบาขึ้นมาก เมื่อมีทั้งพระเอกหน้าตาดี และนางเอกหมวยหน้าตาชวนมอง สองคนจากตระกูลพัคที่มาเจอกันในซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวของดารา แต่ในนั้นก็…

มีความดราม่าน่ารันทดอยู่ด้วยประมาณนึง

ชีวิตของชายผู้ชื่นชอบในงานด้านบันเทิง แม้จะเป็นนายแบบแต่เขากลับต้องรับหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดหน้าห้องให้กับนักแสดงคนอื่น แม้ลาออกมาจากเอเจนซี่รายนั้น เขาก็ยังต้องรับจ๊อบทั้งเป็นพนักงานในร้านซับเวย์แล้วก็ยังมาเป็นลูกมือในร้านอาหารของพี่อีกคนหนึ่งด้วย

แม้พี่คนนั้นจะเสนอให้เขามาเป็นผู้จัดการร้าน แต่ฮเยจุนก็ไม่ยอมรับโอกาสนั้นไว้

เขามีบ้านที่ไม่อบอุ่นสักเท่าไหร่ มีพ่อที่ทำงานเป็นช่างรับเหมาก่อสร้าง เจ็บไหล่เรื้อรังแต่ก็ไม่ยอมไปให้หมอรักษาแม้สักที เหน็บแนมเขาอยู่ทุกวัน มองว่าเขาไม่เอาไหน กลายเป็นภาระ มีแม่ที่ทำงานรับจ้างเป็นแม่บ้านให้กับแม่ของเพื่อนรักที่ร่ำรวยและไปได้ดีกว่าในวงการเดียวกัน

อันที่จริง เมื่อเรื่องดำเนินไป เราก็เริ่มได้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งของผู้เป็นพ่อที่ต้องทำงานตรากตรำลำบากเพื่อใช้หนี้ของปู่ของฮเยจุนก่อเอาไว้ แน่นอนว่าความกดดันอันนั้นทำให้ลูกชายได้ดีมีงานมีเงินเลี้ยงตัวเองได้ ก่อนนี้ที่เราเห็นว่าบ้านเป็นนรกสำหรับฮเยจุนก็คือมันมีเหตุผลบางอย่างที่ครอบเอาไว้อยู่นะ

ในมุมของความเป็นเพื่อนนั้น แฮฮโยรักเพื่อนอย่างฮเยจุนมาก เขาเข้าใจดีว่าตนเองรุ่งในวงการมากกว่า บ้านของเขาก็ร่ำรวยกว่าแต่ไม่ได้ล่วงรู้ว่าโอกาสที่เขาได้มานั้นมันเกิดขึ้นจากความร่ำรวยและการช่วยเหลือของผู้เป็นแม่ แต่เขาก็พยายามอยู่เสมอที่จะช่วยเพื่อนเขาให้ได้ฉายแสงอยู่ในวงการบันเทิง โดยเฉพาะการได้เล่นหนัง

นอกจากแฮฮโยที่เป็นดารานายแบบ กลุ่มเพื่อนที่สนิทกันก็ยังมีอีกคน คิมจินอู (Kwon Soo Hyun) คนที่คอยป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ห่าง คอยมาช่วยงานในกองถ่าย จริงๆ เขาเป็นลูกของเพื่อนของพ่ออีกทีอะแหละ ไม่ว่าบ้านจะมีฐานะแตกต่างแต่พวกเขาก็เป็นเพื่อนกันได้ ปรารถนาดีต่อกันไป นอกจากนี้น คิมจินอูยังคบอยู่กับน้องของแฮฮโยอีกด้วยนะ

เรื่องรักของคนที่เป็นติ่ง

ด้านอันจองฮากับชีวิตนักแต่งหน้าดาราก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลายเท่าไรนัก เธอลาออกจากงานบริษัทมาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในร้านเสริมสวยที่หลายครั้งก็โดนลูกค้าชักชวนให้แต่งหน้าให้ แม้จะพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยกฎของร้านแต่ก็ต้องทำให้ทั้งที่รู้ว่าสักพักจะต้องโดนอาจารย์ที่เป็นรุ่นพี่ก่นด่าที่ทำเกินหน้าและแย่งงานตน นอกจากนี้ เธอยังมีชีวิตอีกด้านเป็นยูทูบเบอร์ด้านการแต่งหน้าไปพร้อมๆ กันด้วย เธอเป็นคนที่หลงใหลและเก่งในด้านนี้จริงๆ

เธอชื่นชอบในตัวนายแบบโนเนมอย่างซาฮเยจุน และในที่สุดเธอก็ได้แต่งหน้าให้กับเขา

คนที่เป็นติ่งมักจะเป็นคนที่ติดตามและมองเห็นความดีในคนๆ หนึ่งที่คนอื่นอาจจะไม่มองเห็น แต่การที่เธอได้ใกล้ชิดคนที่ชื่นชอบทำให้เธอได้รู้จักกับตัวตนจริงๆ ของเขา เขาคือคนที่เห็นใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญ ความประทับใจที่เพิ่มขึ้นแต่ต้องปิดบังและยับยั้งหัวใจตัวเองไม่ให้ถลำ กลับยิ่งทำให้ความรู้สึกอันอัดอั้นจนกลั้นไว้ไม่อยู่

ถ้าใครเคยเป็นติ่งหรือกำลังเป็นติ่ง ก็คงกำลังฟินเมื่อนั่งดูซีรีส์เรื่องนี้อยู่เป็นแน่ เรื่องราวมันเป็นเหมือนชีวิตในฝันของติ่งหลายๆ คนที่อยากจะได้เข้าไปอยู่ในชีวิตจริงๆ ของคนที่เฝ้าคลั่งไคล้บ้าง แต่นั่นแหละ ชีวิตที่เขาเปิดให้เราเห็นกับตัวตนจริงๆ ของเขามันอาจไม่เหมือนกันก็ได้ มันอาจจะแตกต่างไปจากที่เห็นในซีรีส์เรื่องนี้ก็เป็นได้เช่นกัน

เรื่องราวที่เต็มไปด้วยการเปรียบเทียบ

ซีรีส์เรื่องนี้นอกจากมันจะพูดถึงชีวิตของวัยหนุ่มสาวการเดินทางตามหาฝัน การก้าวหน้าหาทางไปพบเจออะไรใหม่ๆ ไปสู่สิ่งที่มุ่งหวังอยากจะเป็นแล้ว ก็ยังพูดถึงในแง่มุมของชีวิตที่มันถูกเปรียบเทียบอยู่เสมอๆ ด้วย

ลูกคนจนกับลูกคนรวย ใครจะไปได้ไกลกว่า คนสองคนที่มีความดังไม่เท่ากันแต่ความดังนั้นซื้อได้ด้วยเงินที่คนบ้านรวยจ่ายได้ ส่วนบ้านที่ควรจะกลายเป็น Comfort Zone แต่กลับกลายเป็นนรกมีแต่คำพูดที่ทำร้ายแถมยังรักลูกไม่เท่ากัน ชีวิตต้องมีการแข่งขันกันตลอดเวลาเพื่อตะเกียกตะกายไปให้ถึงฝั่งฝันบ้าง ทำมาหากินเพื่อมีเงินมีทางมีหน้ามีตาบ้าง

หรือแม้กระทั่งทำยังไงให้ชีวิตอยู่รอดไปจนถึงลมหายใจสุดท้าย

แต่ซีรีส์เรื่องนี้ก็ไม่ได้เล่าอยู่แค่วัยหนุ่มสาวเท่านั้น มันยังเล่าไปถึงคนสูงวัยที่ก็ยังคงมีไฟที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง อย่างเช่นปู่ของฮเยจุนที่รู้สึกทุกข์กับสิ่งที่ทำผิดพลาดมาตลอดชีวิต แต่เขามองเห็นหลานชายที่พยายามทำความฝันให้เป็นจริงและยืนหยัดอยู่เคียงข้างในวันที่ไม่ค่อยมีใครในบ้านที่เข้าใจ วันหนึ่งเขาก็ลุกขึ้นมาอยากจะหาอะไรทำเองบ้าง

ความดีงามและสิ่งที่ชื่นชอบในซีรีส์ ‘เส้นทางดาว’ เรื่องนี้

เคยได้อ่านบทสัมภาษณ์ของพัคโซดัมเธอบอกว่า ‘เส้นทางดาว’ เป็นซีรีส์เยียวยาจิตใจ นี่ขนาดยังดูไม่จบก็ยังรู้สึกอย่างนั้น มันมีทั้งเรื่องของมิตรภาพ ความฝัน ความรัก และครอบครัว หลากหลายแง่มุมที่ดูไปแล้วก็พยักหน้าหงึกๆ ตาม รู้สึกเห็นด้วยและคล้อยตามไปกับถ้อยคำและเรื่องราว

หลายส่วนที่ผสานกันจนกลมกล่อมเข้าที ไม่ว่าจะเป็นเพลงประกอบที่ฟังเพราะและเข้ากับเรื่องราว แง่มุมอันหลากหลาย ไดอะล็อกที่เต็มไปด้วยคำคม รวมเข้ากับการแสดงที่เยี่ยมยอดของทั้งพัคโบกอมและพัคโซดัม ชักชวนให้น้ำตาไหลได้ตั้งแต่ตอนแรก

“เป็นคนดีไม่ได้แปลว่าชีวิตเราจะมีความสุข”
“ปกติแล้วในชีวิตคนเราเนี่ย คนที่นิสัยแย่ที่สุดและไม่เคยเห็นหัวใครมักจะเป็นผู้ชนะ”

นอกจากนี้ ผมก็ยังชมชอบในงานภาพและโลเกชันที่ถูกเลือกมาถ่ายทำ หลายฉากมีมุมกล้องและการจัดวางภาพที่สวยงามจนอดออกปากชมไม่ได้

ครึ่งแรกเปิดตัวมาดี ครึ่งหลังกลับทำตัวเฉยชา

เริ่มต้นได้น่าสนใจยิ่ง กับการที่ตัวละครมุ่งมั่นจะเป็นดาราที่มีจิตใจดี ใฝ่ฝันจะก้าวไปสู่จุดที่ยิ่งใหญ่และเมื่อผ่านไปถึงจุดนั้นแล้วจะไม่เหลิงไม่เลื่อนไหลไปตามกระแสพัดพา ทั้งยังมีเรื่องราวของครอบครัวที่โอบอุ้ม แม้จะมีบางที่ทำร้ายจิตใจแต่ก็ถัดมาก็ได้รู้ว่าทำไปด้วยความหวังดี และถึงอย่างไร นั่นก็ยังเป็นครอบครัว

แต่เหมือนเรื่องราวจะไม่ได้ก้าวไปไกลมากนักผิดจากความคาดหวัง เมื่อพระเอกเติบโตกลายเป็นคนดัง แต่กลับต้องเหินห่างจากคนรักที่เป็นเพียงช่างแต่งหน้าในสายตาผู้คน เรื่องราวไม่ได้เดินไปถึงจุดที่พลิกผันน่าติดตามเหมือนอย่างเคย แต่กลับเดินไปยังจุดที่คนดูอย่างเราๆ ไม่ค่อยเข้าใจวิถีคิดและการกระทำของตัวละคร ซีรีส์จึงเริ่มเดินอย่างเรื่อยเอื่อย แม้จะชวนอินซึ้งน้ำตาไหลบ้างในตอนจบ แต่ทว่าก็…

…กลายเป็นซีรีส์ที่ดูจบได้เพราะนักแสดงนำไปซะงั้น!

ชื่อซีรีส์: Record of Youth / Youth Record / 청춘기록 / เส้นทางดาว
ผู้กำกับ: Ahn Gil Ho (เจ้าของผลงานซีรีส์ Memories of the Alhambra, Stranger และ My Son-In-Law’s Woman)
ผู้เขียนบท: Ha Myung Hee (เจ้าของผลงานซีรีส์ Temperature of Love, Doctors และ A Word From Warm Heart)
นักแสดงนำ: Park Bo Gum/พัคโบกอม, Park So Dam/พัคโซดัม, Byeon Woo Seok/บยอนอูซอก, Kwon Soo Hyun, Shin Dong Mi
แนว/ประเภท: Drama, Comedy
จำนวนตอน: ซีซัน 1 | 16 ตอน
ช่องทางรับชม: Netflix
สังกัด/ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์: Studio Dragon, tvN (September 7 – October 27, 2020)