รีวิวซีรีส์ Sweet Home 2 | ขยายวงไปลุ้นระทึกนอกอะพาร์ตเมนต์

เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา โลกได้รู้จักกับซีรีส์เกาหลีแนวสัตว์ประหลาดที่สร้างจากเว็บตูนในเน็ตฟลิกซ์ เรื่องราวที่เล่าวนเวียนอยู่แต่ในอพาร์ตเมนต์หลังสีเขียว บอกว่าบางคนกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาแตกต่างกัน และคนในนั้นต้องเอาตัวให้รอด ผ่านมาอีก 3 ปี ทีมงานสรรค์สร้างเรื่องราวเพิ่มเติม ขยายวงจนออกมาเป็น ‘Sweet Home 2’ ซีซันที่สองของสวีทโฮม และนักแสดงกลุ่มเดิมก็กลับมาให้เราได้ติดตามผลงานกันอีกครั้ง

ความคิดเห็นส่วนตัวของนายแพท

ผ่านจากซีซันแรกอย่าง ‘Sweet Home’ มา ถึงซีซันสอง (และแน่นอนว่า จะมีซีซันสามตามมาในปีหน้า) เล่าเรื่องที่ขยายตัวเองออกไปนอกอพาร์ตเมนต์ เพื่อจะได้เจอสถานการณ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะพื้นที่ศูนย์จัดการภัยพิบัติ สนามกีฬา หรือกระทั่งแยกไปอยู่ส่วนตัว มันน่าสนใจที่ได้เห็นพื้นที่ใหม่ แต่เรื่องราวกลับถูกเล่าได้ไม่น่าสนใจเท่าที่ควร ที่ยังคงติดตามก็เพราะมีนักแสดงจากซีซันก่อนที่กลายเป็นขวัญใจรวมอยู่ในนั้น กับความอยากรู้อยากเห็นว่ามันจะเป็นยังไงต่อไปนั่นเอง

ส่วนตัวนายแพทมองว่า มันเป็นซีรีส์เกาหลีแนวสัตว์ประหลาดที่พยายามโชว์งานสร้าง พยายามใส่ซีนสวยๆ เข้ามาแม้จะไม่จำเป็น โปรดักชั่นดูทุ่มทุน แต่ซีจีสัตว์ประหลาดยังคงลอยเช่นเคย

เรื่องย่อซีรีส์ ‘Sweet Home 2’

ต่อเนื่องจากซีซันแรก ชาวอพาร์ตเมนต์สีเขียวที่เหลืออยู่ต่างรอดออกมาและกำลังเดินทางไปยังค่ายอพยพภายใต้การคุ้มครองของเหล่าทหาร แต่ ชาฮยอนซู (Song Kang/ซงคัง จากซีรีส์เรื่อง ‘My Demon’ และ ‘Forecasting Love and Weather’) เขากลายเป็นผู้ติดเชื้อพิเศษ MH5 ทว่า เขาได้พบกับพวกที่เหมือนกับเขา พยอนซังอุก (Lee Jin Uk/อีจินอุก จากซีรีส์เรื่อง ‘Doona!’) หรือ MH6 ที่พวกนักวิจัยมองว่าเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ และต้องการนำไปทดลองคิดค้นหายารักษา ฝ่ายหลังลักพาตัวฮยอนซูไปจากพวกทหาร

พวกทหารก่อตั้งกองทัพกาดำขึ้นเพื่อกำจัดกองทัพสัตว์ประหลาด(ที่ทำร้ายผู้คน) ขณะที่ผู้รอดชีวิตจากอพาร์ตเมนต์หลังนั้น ก็ถูกพาเข้าสู่พื้นที่พิเศษ แต่บางส่วนอย่าง อีอึนยู (Go Min Si/โกมินชี จากซีรีส์เรื่อง ‘Love Alarm’ และ ‘Youth of May’) เลือกจะกลับมายังอพาร์ตเมนต์เพื่อตามหาพี่ชายที่เธอเชื่อว่ายังอยู่ และในกลุ่มนั้น ก็ยังมี ยุนจีซู (Park Gyu Young/พัคกยูยอง จากซีรีส์เรื่อง ‘Celebrity’ และ ‘A Good Day to Be a Dog’) สาวมือเบสลุคเท่รวมอยู่ด้วย

พัคชานยอง (Jin Young/จินยอง จากซีรีส์เรื่อง ‘Police University’) อดีตพิตเชอร์ที่ตอนนี้กลายมาเป็นทหารชั้นผู้น้อยที่คอยดูแลผู้คนในสนามกีฬา ด้านซออีกยอง (Lee Si Young/อีชียอง จากซีรีส์เรื่อง ‘Grid’) สาวอดีตนักดับเพลิงและหน่วยรบพิเศษ เธอพาร่างที่อุ้มท้องเด็กคนหนึ่งแอบแทรกซึมเข้ามาในศูนย์จัดการภัยพิบัติบัมซอม ที่ซึ่งกำลังทดลองกับผู้ติดเชื้อพิเศษอยู่ ก่อนจะพบทางเดินที่แตกต่างออกไป

ขณะที่ ดร.อิม (Oh Jung Se/โอจองเซ จากซีรีส์เรื่อง ‘Death’s Game’) คือนักวิทยาศาสตร์ผู้กำลังคร่ำเคร่งกับการศึกษาเหล่าสัตว์ประหลาด

รีวิวซีรีส์ ‘สวีทโฮม 2’

หลังจากซีซันแรก พาผู้ชมไปลุ้นระทึกกับเหตุแปลกประหลาดภายในกรีนแมนชั่น มนุษย์บางคนในตึกสีเขียวนั้น กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดแถมออกมาทำร้ายมนุษย์ที่ยังเหลือรอด ทำให้พวกเขาต้องร่วมใจกันเพื่อให้พ้นจากการเป็นเหยื่อ แต่พวกเขาก็ไม่มีวันรู้ว่าตัวเองจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปในวันไหน มาในซีซันสองนี้ ทีมงานพาคนดูออกไปสำรวจโลกภายนอก หลังอะพาร์ตเมนต์หลังนั้นพังทลายลงไปบางส่วน มนุษย์ที่เหลือกำลังถูกพาไปยังพื้นที่ปลอดภัย

ศูนย์จัดการภัยพิบัติที่มีกองกำลังติดอาวุธคอยควบคุมดูแล ได้ยินคำของผู้นำทหารว่า อย่าได้ไว้ใจใครทั้งนั้น แต่อันนี้มันรวมตัวเขาเองด้วยเปล่านะ? ส่วนกลุ่มคนที่เคยอยู่กรีนโฮมมาด้วยกัน ต่างก็ได้มาอยู่ร่วมกันคนจากพื้นที่อื่น ในชุมชนที่ดูคล้ายจะถูกคุ้มกันแน่นหนา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะปลอดภัยตลอดไป

ในซีซันนี้ เราจะได้รู้ว่า พวกมนุษย์เองก็มีการวิจัยเพื่อศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ประหลาด พัฒนาเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบสัญญาณของสัตว์ประหลาดได้ และเหล่าสัตว์ประหลาดเองก็มีวิวัฒนาการเช่นกัน อีกอย่างที่มันบอกอยู่เป็นนัยๆ ก็คือ สัตว์ประหลาดอาจไม่ได้เลวร้ายทุกตัว ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับสาเหตุและแรงจูงใจในตอนที่เป็นมนุษย์นั่นเอง

มนุษย์ทุกคนต่างก็มีโอกาสจะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดได้ทุกเมื่อด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน มันถูกตีความว่าเป็นอาการทางจิต ความสิ้นหวัง ความกลัว ความเครียดและความกดดันในใจ จะเป็นตัวเร่งให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จนในที่สุด ก็กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดที่มีความแตกต่างทั้งทางกายภาพและพฤติกรรม

ซีรีส์เองก็เล่าเรื่องนี้ในหลากหลายมุม มุมหนึ่ง การกลายร่างคือวิวัฒนาการของมนุษย์ที่มีข้อบกพร่องทางร่างกาย เมื่อกลายร่างแล้วโรคร้ายหายไป ใกล้เคียงกับประโยคจำในเรื่องที่ว่า “มนุษย์คือไวรัส สัตว์ประหลาดคือวัคซีน” อีกมุมนึง ก็เป็นเหมือนการตั้งคำถามว่า เป็นมนุษย์หรือเป็นสัตว์ประหลาด อย่างไหนที่เลวร้ายกว่ากัน

อย่างที่เห็นในซีรีส์ มันเล่าถึงคนเบื้องบนที่รับมือกับภัยสัตว์ประหลาดไม่ไหว คิดจบชีวิตเหล่ามนุษย์ด้วยมิสไซล์เพื่อจะได้ไม่มีมนุษย์ที่กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดอีก เป็นความคิดเบียวๆ ที่ไม่คิดว่าจะคิดไปได้ ดีว่ามันทำไม่สำเร็จ ความคิดแบบนี้สามารถถูกมองว่ามันเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดซะอีก ขณะที่เมื่อมองดูสภาพของสถานกักกัน และพื้นที่ปลอดภัยใต้สนามกีฬา สภาพของมันดูทึบ มืด อึดอัด และไม่สะอาด ดูไม่เหมือนที่ที่ให้ความหวังกับผู้คนเลย พวกเขาแค่เหมือนคนที่รอว่าจะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดเมื่อไหร่ซะมากกว่า

เมื่อดูซีรีส์ไป ก็คิดไปว่า บางทีมันก็ไม่ได้เน้นบทมากนัก แต่เน้นให้ได้ภาพสวยๆ มากกว่า บางหนดูจงใจจะเล่าให้มีซีนแบบนั้น แต่ถ้ามองในด้านเทคนิคและโปรดักชั่นแล้ว ซีจีสร้างภาพของโลกที่ล่มสลายนั้นทำได้ค่อนข้างดี มีโปรดักชั่นในการสร้างฉากที่เห็นชัดว่าทุ่มทุน แต่ก็ยังเช่นเคย ซีจีสัตว์ประหลาดยังคงลอยไม่ต่างจากซีซันแรก รวมทั้งฉากซิ่งรถไล่ล่าบนสะพานนั่นก็ด้วย ไม่ได้มีพาร์ทดราม่าอะไรที่พาสะเทือนใจหนัก แต่เน้นไปที่ฉากแอ็คชันและการจินตนาการว่า เมื่อโลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มนุษย์บางส่วนกลายพันธุ์เป็นอย่างอื่น มนุษย์ที่เหลืออยู่จะมีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง

ซีซันนี้ คนได้รับบทเด่นที่สุด ก็คงจะเป็น โกมินซี คนที่กลายเป็นสาวเท่ ตัดผมสั้น สวมเสื้อกล้ามกับกางเกงลายพราง น่าจะเป็นหนึ่งในตัวละครที่ปรากฏอยู่ในทุกตอนของซีซันสอง ขณะที่ตัวละครฝ่ายช่ายที่ผู้คนคิดว่าเด่นสุดอย่าง ซงคัง ก็ยังหายไปช่วงใหญ่ๆ เลยเชียว ขณะที่อีกตัวละครที่โดดขึ้นมาเป็นบางช่วง ก็เห็นจะเป็น อีชียอง ที่เล่นเป็นอีกยอง หญิงสาวผู้ต้องเจ็บปวดที่ให้กำเนิดสัตว์ประหลาด

ระหว่างที่เรื่องราวดำเนินไป แต่ละตัวละครต่างแยกย้ายกันอยู่คนละที การเล่าเรื่องจึงสลับเล่าไปมาทีละตัวละคร อาจมีบ้างที่ดูอืดอาด และทำให้บางตัวเลือนหายไปจากความทรงจำชั่วขณะ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ถึงเป็นซีรีส์ที่สนุกสนานอะไรนัก บางช่วงก็ค่อนข้างน่าเบื่อและทำให้รู้สึกว่าต้องดูเพื่อให้มันผ่านไป

ความรู้สึกระหว่างดูคือ เฝ้าถามตัวเองถึงบางตัวละครที่หายไปจากการบอกเล่า ด้วยความที่ตัวละครเยอะแถมต้องเล่าสลับกัน บางก็คงต้องมีการปล่อยให้คนดูรอคอยกันบ้าง แต่ก็เช่นเดียวกันกับซีรีส์เกาหลีทุกเรื่อง มันมีความเนิบช้าที่ไม่จำเป็นในบางฉากที่ควรเล่าให้กระชับเพื่อสร้างอารมณ์ลุ้นระทึกในใจคนดู บางครั้งบางหนเหมือนตั้งใจโชว์งานสร้างจนเกินไป พาร์ทแอ็คชันดูจะมีบทบาทมากขึ้น ขณะที่พาร์ทดราม่าในซีซันนี้ไม่ทำงานเลย

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์