รีวิวซีรีส์ Trapped กับดักเหยื่อฆาตกรรม | เหตุร้ายในเมืองที่ถูกขัง

ไม่รู้ว่าการที่เคยเปิดดูซีรีส์จากไอซ์แลนด์อย่าง ‘Katla’ จะเป็นส่วนหนึ่งหรือเปล่าที่ทำให้เน็ตฟลิกซ์เลือกซีรีส์เรื่องนี้มาให้นายแพทได้ลองชม เรื่องราวของเมืองเล็กๆ ชายทะเลเมืองหนึ่งที่ถูกพายุหิมะถล่มหนักทำให้คนทั้งเมืองเหมือนกักขัง ตามชื่อเรื่องเป๊ะ ‘Trapped’ ยังไงล่ะครับ

มันไม่ถึงกับเป็นซีรีส์ใหม่ แต่ก็มีการสร้างต่อกันมาจนปัจจุบันก็ยังคงสร้างอยู่ แต่ในเน็ตฟลิกซ์ตอนนี้ จะยังมีแค่ 2 ซีซันเท่านั้นนะครับ

ถ้าเปิดดูชื่อผู้สร้าง ชื่อนักแสดง คงยากมากที่จะหาคนที่คุ้นเคย แต่ความที่มันเป็นซีรีส์จะประเทศที่เป็นเกาะที่มีแต่ภูเขา ภูเขาไฟ มันจึงมีแต่สีขาวของหิมะปกคลุมทั้งเมืองและเรื่องราว ดูๆ ไปก็อาจจะชวนรู้สึกหนาวสั่น และอาจทำให้มองไปได้ว่า ไอซ์แลนด์เป็นชาติที่ชอบทำซีรีส์แนวลึกลับที่ให้อารมณ์เย็นยะเยือกเสียจริงๆ

เรื่องย่อซีรีส์ Trapped

เหตุที่มาเกิดขึ้นพร้อมกันอย่างเหมาะเจาะ เมื่อเมืองชายทะเลเมืองหนึ่งในไอซ์แลนด์ที่เกิดเหตุพายุหิมะตกหนักจนผู้คนไม่อาจออกไปไหนได้ กลับเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นมา มีคนพบศพที่ถูกตัดแขนขากลางทะเลแถวชายฝั่ง ผู้คนที่อยู่บนเรือเฟอร์รี่จึงถูกกักตัว เรือเฟอร์รี่เองก็ต้องจอดแช่อยู่ตรงนั้น และทั้งเมืองก็มีตำรวจอยู่แค่ 3 คน อันดรี (Ólafur Darri Ólafsson จากหนังเรื่อง ‘Eurovision Song Contest: The Story of Fire Saga’ และ ‘Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald’) ผู้บังคับการร่างใหญ่ ฮินริก้า (Ilmur Kristjánsdóttir) ตำรวจสาวร่างเล็ก กับอัสเกร์ (Ingvar Sigurdsson จากหนังเรื่อง ‘Everest’) ตำรวจผู้ช่วยอีกคน ทั้งสถานีมีกันอยู่แค่นี้

คนก็น้อย แถมไม่ได้มีอำนาจในการสืบสวนมากนัก

พอมาเจอพายุหิมะตกหนักแบบนี้ ตำรวจจากเมืองเรคยาวิกก็เดินทางเข้ามาไม่ได้น่ะสิ แถมอันดรีก็เหมือนจะไม่ค่อยถูกกับทรอสตี้ (Björn Hlynur Haraldsson) ตำรวจที่เรดยาวิคคนนั้นสักเท่าไหร่ ไปๆ มาๆ เขาก็เลยพยายามจะสืบด้วยตัวเองเท่าที่จะทำได้

ในวันที่หิมะตกหนัก การสืบคงไม่ง่าย ที่แน่ๆ คนร้ายยังอยู่ในเมืองนี้!

รีวิวซีรีส์ กับดักเหยื่อฆาตกรรม

เรื่องราวที่เริ่มมาก็หนาวกันแล้วล่ะครับ มองไปทางไหนก็เห็นแต่หิมะขาวโพลน แถมยิ่งหนักเข้าไปใหญ่เมื่อเมืองนี้กำลังเผชิญกับพายุหิมะตกหนักจนไม่มีใครที่อยู่ในเมืองนี้จะมีโอกาสได้ออกไปไหน เรือเฟอร์รี่ข้ามฟากที่เข้ามาจอดก็ต้องจอดนิ่ง เครื่องบินก็ไม่อาจขึ้นบินได้ ถนนหนทางเจอหิมะตกหนาก็ถูกปิดกั้นเพราะเกรงจะเกิดอุบัติเหตุ นี่แหละ เขาถึงตั้งชื่อซีรีส์นี้ว่า ‘Trapped’

เกิดเหตุฆาตกรรมในเมืองที่ติดแหง็ก

ถ้าแค่พายุหิมะมันคงไม่อาจจะสร้างเรื่องราวชวนสนใจได้มากพอ ต้องสร้างเหตุฆาตกรรมในเมืองนี้ด้วย แล้วพอคนทั้งเมืองติดแหง็ก พร้อมทั้งตัวแปรสาระพัดที่จะทำให้การสืบคดีมีแนวโน้มจะหลงทาง แต่การที่เมืองถูกปิดล้อม ย่อมหมายถึง ตัวฆาตกรเองก็ไม่น่าจะหนีออกนอกเมืองได้ด้วยเช่นกัน

ซีรีส์เรื่องนี้ใส่มาทั้งเรื่องของเรือเฟอร์รี่ที่เพิ่งแล่นผ่านจุดที่พบศพ ผู้คนบนเรือถูกกักไว้เพื่อให้ตำรวจสอบถาม บนเรือมีผู้ต้องสงสัยอยู่หลายคน รวมทั้ง กัปตันเรือผู้มีท่าทีพิรุธ, ยอร์ตูร์ (Baltasar Breki Samper จากซีรีส์เรื่อง Chernobyl และ Katla) ชายที่อันดรีรู้จักดี เพราะเขามีความเกี่ยวข้องกับการตายของด๊ากนี่ น้องสาวของอดีตภรรยา นอกจากนี้ ก็อาจจะเป็นใครก็ได้ในเมืองเล็กเมืองนี้

เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีประชากรไม่มากก็จริง แต่ละคนก็มีบทบาทสำคัญเป็นของตัวเอง แถมผู้คนที่นี่ยังรับรู้ข่าวสารได้ไวอย่างไม่น่าเชื่อ มีทั้งเหล่านักธุรกิจที่อยากจะร่วมทุนกับจีนสร้างท่าเรือใหญ่ มีทั้งหญิงผิวดำสองคนที่ถูกลักพาซึ่งน่าจะเป็นเรื่องค้ามนุษย์ มีทั้งตัวละครในเมืองที่ชอบสอดส่องกล้องมองดูชีวิตผู้อื่น

แถมซีรีส์ยังเน้นเล่าเรื่องของครอบครัววุ่นๆ ของอันดรีเป็นพิเศษ และด้วยบุคลิกของอันดรีที่ค่อนข้างไม่ปล่อยผ่านกับบางเบาะแสที่ชวนสงสัย จึงลงไปสืบสวน แต่เพราะไม่ค่อยจะกินเส้นกับตำรวจสืบสวนจากเรดยาวิก หลายครั้งจึงมักเลือกสืบเองและไม่ยอมบอกข้อมูลอีกฝ่าย อะไรแบบนั้น เป็นต้น

เดินเรื่องตึงๆ แต่มีพลิกผันอยู่ตลอด

บางครั้งเรื่องราวในครอบครัวก็ทำให้อันดรีต้องยุ่งหัวหมุน ชีวิตเขาจึงอยู่ท่ามกลางระหว่างสองสิ่ง หนึ่งคือดราม่าครอบครัว กับสองคือ ชีวิตการสืบสวนคดีฆาตกรรมที่เป็นที่สนใจของชาวเมือง บางครั้ง ขณะกำลังวุ่นๆ สืบคดีอยู่ก็ต้องซิ่งรถกลับมาช่วยเรื่องป่วนๆ ในครอบครัว ทั้งที่เขาเองก็หย่าขาดจากภรรยาเก่าแล้ว เขามีลูกสาวสองคน และยังแวะเวียนไปนอนพักบ้านนั้นอยู่บ่อย ไม่พอ อดีตภรรยาก็ยังพาชายคนใหม่มาพักบ้านด้วย กระอักกระอ่วนใจดีพิลึก

แม้ว่าซีรีส์จะเดินไปแบบเอื่อยๆ ผสานดนตรีประกอบแบบชวนสงสัยและไม่น่าไว้ใจ กับภาพของเมืองที่มีแต่หิมะชักชวนให้รู้สึกหนาวอยู่ตลอดเวลา แต่เรื่องราวก็ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ มีพลิกผัน มีข้อมูลใหม่ ใส่เข้ามาเรื่อยๆ อะไรที่คิดว่าใช่ก็กลับกลายเป็นว่าคิดผิด ต้องสอบสวนกันใหม่อยู่เรื่อยๆ พร้อมกันนั้น ก็มักจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นมาเนืองๆ

จากซีซันแรก สู่ซีซันที่สอง

จากซีซันแรกที่เริ่มขึ้นปลายปี 2015 ยาวมาถึงกุมภาปี 2016 เรื่องราวจบไปด้วยการเฉลยทุกคดีทั้งใหญ่และย่อย ซีรีส์ก็หายไปราว 2 ปี ก่อนจะกลับมาอีกครั้ง โดยเริ่มตอนแรกในปลายปี 2018 นั่นหมายความว่า เรื่องราวในซีซันสองนี้จะห่างจากซีซันแรกราว 3 ปี กลับมาคราวนี้ เราจึงได้เห็นว่า อันดรีย้ายไปอยู่เมืองหลวงแล้ว และลูกสาวคนโตของเขาก็ห่างเหินจากครอบครัวไปอยู่ทางเหนือ

และก็มีเหตุให้อันดรีต้องเดินทางขึ้นเหนือยังเมืองที่ลูกสาวอยู่ เพื่อไปร่วมสืบคดีที่นั่น แถมยังได้ไปเจอกับ ฮันริก้าและอัสเกร์ สองตำรวจที่ร่วมสืบกันอีกครั้งด้วย ไม่เท่านั้น ยอร์ตูร์ ก็อยู่ที่นั่นด้วย ทุกอย่างมันเริ่มจากการที่มีพี่น้องฝาแฝดฝ่ายชายก่อเหตุเผาตัวเอง ทำเอา รมต.อุตสาหกรรม ต้องบาดเจ็บไปด้วย พาให้อันดรีต้องเข้าไปปวดหัวกับเรื่องราวที่ประกอบขึ้นด้วยผู้คนหลากหลายให้คนดูอย่างพวกเราต้องปวดตับกับการจดจำชื่อ ความสัมพันธ์และรายละเอียดกันอีกหน ตัวละครสำคัญยังอยู่กับครบ แม้แต่ไม้เบื่อไม้เมาของอันดรีอย่าง ทรอสตี้ ก็ยังอยู่เช่นกัน

งานนี้ คงต้องหนาวกับหิมะ ลมแรงและดินดำกันต่ออีก 10 ตอนล่ะครับท่าน

เท่าที่สืบค้นก็พบว่า โลเกชันของซีรีส์ซีซันแรกเรื่องนี้ เขาไปถ่ายทำกันอยู่ที่เมือง Seyðisfjörður ดูจากแผนที่แล้วก็เป็นเมืองทางชายฝั่งด้านตะวันออก ส่วนเมืองวิค (Vik) ที่เป็นโลเกชันของซีรีสืเรื่อง ‘Katla’ นั้นจะอยู่ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ครับ

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์