จะไปเที่ยว "ภูสอยดาว" ล่ะนะ

หลังจากนอนพักผ่อนมา 2 วัน เพื่อให้อาการป่วย (ที่คาดว่าเกิดจากความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ) ทุเลาลง วันนี้ อาการมันเริ่มดีขึ้นแล้วครับ แต่จะหายทันวันเดินทาง (พรุ่งนี้) มั้ยนะ อันนี้ ต้องลุ้นกัน

ช่วงหยุดยาวสิ้นปีคราวนี้ ผมมีคิวจะไปเที่ยวกันอีกแล้วครับ ปีก่อนไปตะลอนทั่วภูเก็ต-กระบี่-พังงา ปีนี้ เปลี่ยนทิศกลับไปทางเหนืออีกครั้ง จุดหมายอยู่ที่ “ภูสอยดาว” จ.อุตรดิตถ์ ครับผม

กำหนดการต่างๆ ตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว โดยกลุ่มเพื่อนๆ เหมือนเดิม ผมมีหน้าที่เดินทางและเก็บเกี่ยวประสบการณ์รายทางเอาเอง แบบนี้ อาจจะไม่ได้เลือกอะไรมากนัก แต่สบายตัวดีอะ เหอๆ

ก่อนเดินทาง ผมเตรียมตัวคร่าวๆ มาบ้าง เกี่ยวกับสถานที่ที่จะไป นอกเหนือไปจากการเตรียมของซึ่งมีเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อกันหนาว ถุงมือ ถุงเท้า รองเท้า หมวก รวมไปถึง กล้องถ่ายรูป (คาดว่าจะเอาขาตั้งกล้องไปด้วย คงทุลักทุเลน่าดู) ที่สำคัญคือ ไฟฉาย ไม่แน่ อาจจะเอาเกลือไปด้วย ไปพิฆาตทาก (เผื่อยังมีหลงอยู่)

เอาละ ที่เหลือ ก็มานั่งอ่านและสรุปเรื่องราวเกี่ยวกับภูแห่งนี้สักนิด เผื่อจะช่วยจำเวลาเดินทางไปจริงๆ

ภูสอยดาว เป็นอุทยานแห่งชาติ มีพื้นที่ 237 ตร.กม. อยู่ในเขต จ.พิษณุโลก และ จ.อุตรดิตถ์ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อยู่แถวน้ำตกภูสอยดาว ที่นั่นมีลูกหาบมารอรับนักท่องเที่ยวอยู่ การกระจายรายได้สู่ชุมชนครั้งนี้ มีราคาอยู่ที่ กิโลกรัมละ 15 บาท มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ คอยเป็นตัวกลางในการชั่งน้ำหนัก นอกจากนี้ ยังมีค่ามัดจำในการเก็บขยะลงมาทิ้งข้างล่าง กลุ่มละ 100 บาท ลงมาแล้ว เขาจะคืนให้

สรุปขาขึ้น เสียค่าใช้จ่าย

เส้นทางเดินสู่ลานสน

เขาบอกว่า ขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงบ่าย แต่ไม่เกิน 14.00 น. ควรสวมรองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าเดินป่า หน้าฝนต้องไม่ลืมเสื้อกันฝน น้ำดื่มต้องพกติดตัว บนลานสนจะมีลานกางเต็นท์ พร้อมห้องอาบน้ำและสุขา เท่านั้น!

01
เริ่มแรก ต้องเดินผ่าน น้ำตกภูสอยดาว ชั้นต่างๆ ระยะทางประมาณ 700 เมตร ชมนกชมไม้ให้ตายใจไปก่อน เดิมใช้เส้นทางเนินส่งญาติ ก่อนจะไปเริ่มของจริงกันที่ เนินส่งญาติ (ซึ่งส่วนใหญ่ มักจะอยากกลับไปหาญาติกันเป็นทิวแถว) มันยังไม่ได้ปิดครับ แต่หนังสือดันบอกว่าปัจจุบันถูกปิดไปแล้ว

02
ถัดมา คือ เนินปราบเซียน ชันสาหัสไม่ใช่น้อย เท่าที่อ่านมา เขาแนะนำให้เดินไปพักไป นอกจากจะเก็บแรงไว้จนถึงลานสนได้ตลอดรอดฝั่งแล้ว ยังมีเวลาไว้สำหรับชมธรรมชาติไปพร้อมกันด้วย อีกอย่าง คือ ไม่ึควรรีบเดินติดคนหน้าเรามากเกินไป ควรทิ้งระยะห่างบ้างเล็กน้อย

03
เนินป่าก่อ แถบนี้จะมีไผ่ขึ้นกระจายอยู่ และมีไม้ที่พบมาก คือไม้ก่อ ทั้งก่อรัก ก่อเดือย เลยได้ชื่อเนินนั้นมาด้วยประการฉะนี้ เขาว่า เนินนี้ จะเหนื่อยแบบกำลังดี

04
เนินถัดมา ชื่อ เนินเสือโคร่ง จากชื่อของ “นางพญาเสือโคร่ง” หรือ “ซากุระเมืองไทย” พันธุ์ไม้ยืนต้นที่ขึ้นในป่าดิบเขาระดับ 1,000-2,000 เมตร ออกดอกสีขาว/ชมพูราวเดือน ธ.ค. – ม.ค. (หวังว่าจะไปทันได้เห็นออกดอกนะเรา) เขาว่า เนินนี้ไม่โหด อืม จะคอยดู

05
มาถึง เนินมรณะ ชื่อโคตรจะน่ากลัวเลย ถ้ามาถึงตรงนี้ แสดงว่าใกล้ลานสนในอีก 1.5 กม. แล้ว ตรงนี้ นักเดินทางคงต้องกลับมาผจญกับความชันอีกครั้ง ตัดดิ่งขึ้นสู่ยอดเขาและลานสน

กว่าจะถึงลานสน ก็น่าจะใช้เวลาประมาณกว่า 5 ชั่วโมง ถึงเวลานั้น ความเหนื่อยล้าคงหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อปะหน้ากับความงามของลานสน และอยู่ท่ามกลาง สนสามใบและทุ่งดอกไม้นานาพันธุ์ (อยากรู้จัง หน้าหนาว จะเหลือดอกอะไรให้ดูบ้างนะ)

ค่ำคืนแรกบนลานสนผ่านพ้นไป…

ตื่นเช้ามา คงเหมาะกับการขึ้นไปบนจุดชมวิว ดูพระิิอาทิตย์ขึ้นยามเช้า พร้อมกับภาพของธารหมอกสีขาวพิสุทธิ์ (เขียนยังกับไปมาแล้วงั้นแหละ) ระวังจะเดินเข้าไปในเขตลาว หรือออกนอกเส้นทาง เพราะธารหมอกที่หนามากๆ เนี่ยแหละ ต้องระวังให้ดี

ต้นหงอนนาค คือ พันธุ์ไม้ดอกที่มีชื่อมากๆ บนลานสน ไม่รู้ว่า ผมจะทันไปเห็นมันบานหรือเปล่า

ที่นี่คือดินแดนเดือดมาก่อน ราวปี 2530 เราเคยมีปัญหาขัดแย้งเรื่องเขตแดนกับลาว ตรงนี้เคยเป็นฐานที่มั่นในการรบใน “ยุทธภูมิร่มเกล้าและเนิน 1428” ตอนเด็กๆ ยังจำกันได้หรือเปล่า แต่ก่อนหน้านั้นอีกในช่วงปี 2515-2523 เคยมีปัญหาผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสตที่ใช้เป็นฐานที่มั่นมาแล้ว ก่อนจะกลายมาเป็น ..แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงเช่นในปัจจุบัน

ข้อมูลความสูง

ใกล้ๆ กับที่ตั้งแคมป์-ลานกางเต็นท์ จะมี น้ำตกสายทิพย์ เป็นน้ำตกสายเล็กๆ ที่ชุ่มชื่น และเต็มไปด้วยมอสและตะไคร่น้ำ มีประมาณ 7 ชั้น แต่นักท่องเที่ยวมักลงไปเพียงแค่ชั้นแรกเพราะความชันของมัน อีกแห่งคือ น้ำตกมอส อยู่ในเขตประเทศลาว มีชั่นเดียวสูงเพียง 15 เมตร แต่สวยงามด้วยมอสเขียวสด การเดินเที่ยวต้องมีเจ้าหน้าที่ฯ พาไป เพื่อความปลอดภัยและกันหลงทาง

ติดต่อสอบถาม

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ 53110 โทร. 0-5541-9234-5

หน้าฝน

จะได้พบกับ ทุ่งหงอนนาคและดอกไม้นานาชนิด น้ำตกสายทิพย์

หน้าหนาว

จะได้พบกับ ท้องฟ้าที่ตัดกับสนสามใบ ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ รองเท้านารี กล้วยไม้ป่า ใบเมเปิ้ล

คนที่ไปมาทั้งสองช่วง ก็คงจะบอกว่า มันสวยทั้งสองช่วง แต่สวยต่างกันเท่านั้นเอง…

————————————–

Exit mobile version