รีวิวหนัง ปืนใหญ่จอมสลัด | ขัดลำกล้องนิดหน่อย

ด้วยความที่หวังไว้มาก ว่าจะเป็นหนังที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาลมในปีนี้ แต่เมื่อถึงเวลาของการเสพเข้าจริงๆ กลับพบเหตุขัดลำกล้อง

วันหยุดปิยมหาราช นายแพทเดินทางไปเมเจอร์ รัชโยธิน อีกหน หลังไม่ได้แวะเวียนไปเยี่ยมมานานเกือบปี ด้วยวันนี้ มีภารกิจต้องไปดูหนังไทยเรื่องใหม่เพิ่งเข้าโรงวันแรก ‘ปืนใหญ่จอมสลัด’ ของ พี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร คราวนี้ เป็นอีกคราวที่ได้ดูหนังในราคาถูกสุดๆ เพียงที่นั่งละ 20 บาท อิอิ เพราะได้ Gift Voucher จาก Citibank นั่นเอง แต่ดันอยากนั่งฮันนีมูลซีท เลยต้องเพิ่มเงิน เข้าไปในโรง 15 ที่เป็นโรง IMAX เก่า ที่ไหนได้ ไม่เห็นจะพิเศษอะไรกว่าข้างหน้าเลย เหมือนกันเดี๊ยะ แถมพนักหลังเตี้ยอีกต่างหาก

ภาพใบปิด ภาพยนตร์ ปืนใหญ่จอมสลัด

นั่งดูหนังรอบ 15.10 น. แต่กว่าที่จะได้ “ปืนใหญ่จอมสลัด” ของจริง ก็ปาเข้าเฉียดสี่โมงเย็น ไม่รู้จะอัดโฆษณาอะไรใส่เข้ามานักหนา คุ้มค่าตั๋วเสียจริงๆ

เอ้า มาว่ากันที่หนังดีกว่าครับ ด้วยความที่หวังไว้มาก ว่าจะเป็นหนังที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาลมโหฬารที่สุดในปีนี้ ด้วยเนื้อเรื่องที่แหวกแนวกว่าหนังไทยใดๆ ที่ที่ทำกันมา มีผู้กำกับฯ ที่ยิ่งใหญ่ทำเงินร้อยล้านมาแล้ว และอยู่ในวงการมา 10 ปี มีผู้เขียนบทเป็นมือซีไรท์ 2 สมัย มีดารานักแสดงชั้นนำของเมืองไทยหลายหน้ามาร่วมงาน ไม่มีหนังไทยเรื่องใดยิ่งใหญ่เท่านี้แหละในปีีนี้

แล้วผมจะตัดใจไม่ดูได้ยังไง…

แต่เมื่อถึงเวลาของการเสพเข้าจริงๆ ก็เริ่มพบตั้งแต่ต้นเลยว่า หนังเรื่องนี้มีองค์ประกอบที่ดีแต่ไม่เข้ากันหลายอย่าง จนทำให้บทความบทนี้ต้องออกมาในรูปนี้

เริ่มต้นเล่าเรื่อง 2 ฝั่งสลับกันไป ฝั่งกำเนิดที่มาที่ไปของพระเอก ปารี (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) เด็กกำพร้าที่ถูกพบกลางทะเล และเติบโตอยู่กับลุงผู้หนึ่ง กับฝั่งกรุงลังกาสุกะที่นำโดย ราชินีฮีเจา (จารุณี สุขสวัสดิ์) ผู้มีองค์หญิงขนิษฐา 2 นาง กับรัฐเดี่ยวที่มีศัตรูรอบด้าน และหวังพึ่งในพันธมิตรเดียวอย่างปาหัง ซึ่งต้องแลกมาด้วยการสมรสที่ไม่ิยินยอมพร้อมใจของ อูงู ขนิษฐาองค์เล็ก

แค่เริ่มต้นก็เล่าอย่างตะกุกตะกักเสียแล้ว การตัดต่อที่ใส่ฉากเล็กฉากน้อยลงไป เพื่อสื่อเรื่องราวที่จำเป็น แต่กลับทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกว่า มันเป็นเนื้อหนังเดียวกัน ไม่มีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องราว ผมว่า การตัดต่อเป็นปัญหาสำหรับหนังเรื่องนี้ เลือกที่จะให้ภาพเหตุการณ์มันบอกเล่าเรื่องราวเอง แทนที่จะให้ใครสักคนมาเ่ล่าให้ฟัง

ตัวอย่างหนัง ‘ปืนใหญ่ จอมสลัด’

ตัวละครในเรื่องนั้นค่อนข้างมากในจำนวน เป็นปัญหาเสมอสำหรับภาพยนตร์แนวนี้ ที่ผู้ชมจะจดจำชื่อให้เชื่อมโยงกับหน้าตาได้ก็ต้องพบเห็นตัวละครตัวนั้นมากกว่า 2 ฉากขึ้นไป ยิ่งมาเจอการตัดต่อแบบฉากเล็กฉากน้อย บางคนคงสับสนว่าใครเป็นใครในบางตัว

สิ่งที่พบในหนังก็คือ อลังการงานสร้างด้านคอมพิวเตอร์กราิฟิก ที่ดูเนียนกว่าภาพยนตร์ไทยเรื่องอื่นๆ แสดงว่า ให้ความสำคัญอยู่พอสมควร เพราะเป็นกำลังหลักที่ทำให้หนังออกมาแฟนตาซีเช่นนี้ได้ อีกส่วนหนึ่งที่ไม่ชมคงไม่ได้ เพราะเห็นเด่นชัดมาก นั่นคือ องค์ประกอบด้าการแต่งกาย องค์หญิงและราชินีแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสวยงามสมพระเกียรติ อีกทั้งยังมีชนหลายเผ่าปะปนอยู่ในเรื่องเดียวกัน มือออกแบบเครื่องแต่งกายจำต้องทำงานหนัก เพื่อสร้างความแตกต่างของคนต่างลำดับชั้น และต่างชนเผ่า อันจะส่งผลต่อการจดจำและทำความเข้าใจเรื่องของผู้ชมยิ่ง เพลงประกอบก็ทำออกมาได้อลังการยิ่ง การได้ชมหนังเรื่องนี้ในโรง ย่อมได้อรรถรสความยิ่งใหญ่ของ “ปืนใหญ่จอมสลัด” ได้อย่างแม่นมั่นหากดนตรีนั้นรับอารมณ์กับภาพได้อย่างลงตัว

เสียอยู่ที่ว่า ภาพนั้นไม่ได้รับกับดนตรีอย่างที่ควรจะเป็นนี่สิ

องค์หญิงอูงู และราชินีฮีเจา

ผมไม่ได้บอกว่า ตนเป็นผู้ชำนาญการด้านการตัดต่อ จึงริมาติติงทีมงานเช่นนั้นหรอกนะครับ แต่คงต้องบอกว่า ความรู้สึกขณะชมก็คือ บางจุดใส่ดนตรี 2 เพลงคนละอารมณ์มาพร้อมกัน ผมไม่แน่ใจว่า ผมจะอยู่ในอารมณ์ไหนในตอนนั้น การเล่าเรื่องของหนังแฟนตาซี จะตัดฉับแบบหนังสยองขวัญคงไม่ได้ สองครั้งสองคราที่ตัดแฟลชแบ็คอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ดูแปลกแยกเหมือนหนังที่มีรอยปริ

หรือบางครั้ง ดนตรีมาอย่างอึกทึกครึกโครม แต่ภาพยังไม่ยิ่งใหญ่รับกับเสียงดนตรีนัก จวบจนผ่านไป 10 วินาที จึงค่อยพบฉากที่รับกันได้ทีหลัง มันอาจแสดงให้เห็นว่า ของดีที่ทำมาแต่ละด้าน จากผู้มากฝีมือแต่ละสาขา เมื่อมาอยู่รวมกัน กลับประกอบกันได้ไม่สนิท

ก่อนที่จะเขียนบทความนี้ ผมเองก็ไม่มั่นใจนักว่า จะเขียนออกมาเช่นไร แต่หลังจากได้ไปสืบเสาะหาข้อความที่สะท้อนออกมาหลังจากไปดู ก็พบว่า หลายคนรู้สึกไม่ต่างอะไรจากผมมากนัก จึงเริ่มมั่นใจที่จะเขียนมันมากขึ้น

โปสเตอร์ของหนังไทย เรื่อง ‘ปืนใหญ่ จอมสลัด’
source: หอภาพยนตร์

หนังเรื่องนี้ อาจได้รับอิทธิพลจากหลากหลายที่มา หลายคนดูแล้ว อาจจะนึกไปถึง Star Wars อาจสงสัยว่า ปารีที่ฝึกวิชา “ดูหลำ” กับอาจารย์กระเบนขาว (สรพงษ์ ชาตรี) นั้น อาจกำลังฝึกเป็นพาดาวันของเจไดกระเบนขาวอยู่ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม ผมยังเชื่อว่า หลายคนที่ไปดูหนังเรื่องนี้มาแล้ว ยังคงมีภาพความประทับใจในบางฉากอยู่เป็นแน่ ซึ่งเป็นรายละเอียดปลีกเล็กปลีกน้อยที่แทรกอยู่ในหนัง อันแสดงให้เห็นว่า ผู้สร้าง สร้างอย่างตั้งใจ แต่ไม่ได้ทุกจุดนั่นเอง

ที่ติติง มิใช่เพราะ “นี่เป็นหนังไทย” แต่เพราะ “รักในการดูหนัง” เท่านั้นนะครับ

Exit mobile version