รีวิวหนัง Eternals ฮีโร่พลังเทพเจ้า | พวกเขาอยู่กับเรามาแต่โบราณกาล

แล้วก็ถึงเวลาที่จะได้ดูหนังซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์จาก โคลอี้ เจา ผู้กำกับ Nomadland หญิงสัญชาติจีนที่ทำหนังยาวเป็นเรื่องที่สี่แล้ว ครั้งนี้ได้รับโอกาสทำหน้าที่ควบคุมโปรเจ็กต์ใหญ่ เล่าเรื่องทีมซูเปอร์ฮีโร่ที่อยู่บนโลกนี้มานาน นานเกินกว่าที่เรารู้ กับหนังเรื่อง ฮีโร่พลังเทพเจ้า หรือ Eternals ที่เพิ่งจะเข้าฉายประเทศไทย

มาทีนึงก็เล่นพาตัวละครมาเป็นแก๊ง งานหินงานยากของผู้กำกับก็คงต้องเป็นการเกลี่ยความสำคัญและบทบาทให้ใกล้เคียงกันทุกตัว ครั้งนี้ พวกเขาใช้คนเขียนบทหลายคนมาก กว่าจะได้บทสุดท้ายเพื่อมาบอกเล่าเรื่องราวในสีสันใหม่ๆ จากผู้กำกับที่งานยังไม่มาก แต่ได้รับออสการ์มาครอบครองแล้วทั้งรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม และรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

เราลองดูกันสิว่า เมื่อเธอทำหนังซูเปอร์ฮีโร่ มันจะออกมาเป็นยังไง

เรื่องย่อหนัง ฮีโร่พลังเทพเจ้า

โลกนี้มีมนุษย์อยู่มานานพอสมควรแล้ว แต่เหมือนเราจะรู้ตัวว่ามีซูเปอร์ฮีโร่อยู่ในหมู่พวกเราเพียงไม่นานนัก แท้จริงแล้ว โลกใบนี้มีพวกเขาอยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ ราว 7,000 ปีที่แล้ว เหล่ายอดมนุษย์กลุ่มหนึ่งถูกส่งลงมายังโลกเพื่อช่วยกันสังหารเหล่าอสูรร้ายที่ถูกเรียกว่า เดเวียนส์ และพวกเขาก็เรียกตนเองว่า เอเทอร์นัลส์

พวกเขามากันเป็นทีม อันประกอบไปด้วย เอแจ็ก (Salma Hayek จากหนัง Frida) ที่เป็นผู้นำ, ทีนา (Angelina Jolie จากหนัง Maleficent) ที่ใครๆ ก็เรียกเธอว่าเป็นเทพีแห่งสงคราม, อิคาริส (Richard Madden จากซีรีส์ Game of Thrones) ผู้มีพลังมากสุดพร้อมดวงตาที่ยิงลำแสงพิฆาตได้, เซอร์ซี (Gemma Chan จากหนัง Captain Marvel) หญิงสาวที่เป็นคนรักของอิคาริส สัมผัสของเธอแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นได้ตามใจ, คิงโก (Kumail Nanjiani จากหนัง The Big Sick) ชายผู้ชอบอยู่ในสปอตไลท์, สไปรท์ (Lia McHugh จากหนัง Songbird) หญิงสาวที่รู้สึกเหมือนถูกสาปให้ต้องอยู่ในร่างเด็กตลอดกาล, ฟาสโตส (Brian Tyree Henry จากหนัง If Beale Street Could Talk) ชายร่างใหญ่ผู้เป็นมันสมองและเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยี, มัคคารี่ (Lauren Ridloff จากหนัง Sound of Metal) สาวใบ้ผู้เคลื่อนไหวเร็วดุจสายฟ้า, ดรูอิก (Barry Keoghan จากหนัง Dunkirk) ชายผู้ควบคุมจิตของผู้อื่นได้ และกิลกาเมซ (Ma Dong Seok จากหนัง Train to Busan) หนุ่มร่างใหญ่ที่พละกำลังเหลือเฟือ

พวกเขาอยู่บนโลกนี้นานมากแต่ถูกห้ามไม่ให้ช่วยเหลือมนุษย์ พวกเขาจึงเนียนไปกับพวกเราจนมาถึงปัจจุบัน

อ่อ ที่จริงก็ยังมีอีกตัวนะ เขาคือ เดน วิทแมน (Kit Harington จากซีรีส์ Game of Thrones) คนที่คบหาดูใจกันอยู่กับเซอร์ซี คนนี้เป็นมนุษย์ ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเอเทอร์นัลส์

โลกในปัจจุบันกลับถูกคุกคามจากเหล่าเดเวียนส์อีกครั้ง แถมยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเก่า จำเป็นต้องรวบรวมเหล่าเอเทอร์นัลส์กลับมาช่วยกันสังหารให้สิ้นซาก…อีกครั้ง

รีวิวหนัง Eternals

ระหว่างดูและหลังดูจบ รู้สึกได้ว่านี่คือสีสันใหม่ๆ ในท่ามกลางหนังซูเปอร์ฮีโร่ในจักรวาลมาร์เวลที่เริ่มจะซ้ำๆ ทางกันไปหมด หลังๆ เขาจึงเลือกเฟ้นดูผู้กำกับที่มีมุมมองและสไตล์ที่แตกต่าง หรือหันหน้ามาเล่าซูเปอร์ฮีโร่ในฟากฝั่งอื่นของโลกบ้าง เพื่อไม่ให้จำเจกันจนเกินไป

อย่างเรื่องนี้ ที่ส่งมาทีนึงก็เป็นขโยง แถมแต่ละตัวก็มีคุณสมบัติความสามารถโดดเด่นไม่ซ้ำแนวกัน

ซูเปอร์ฮีโร่ที่อยู่บนโลกมาตั้งแต่โบราณกาล

ตัวหนังจะบอกเล่าเหตุการณ์สำคัญในอดีตกาลของมวลมนุษยชาติ แต่ละยุคแต่ละสมัย มีบางชนชาติที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นมา หนังก็พยายามจะบอกเราว่า คนพวกนั้นมีเหล่าฮีโร่พวกนี้ร่วมเติบโตไปกับพวกเขาด้วย แต่สิ่งที่พวกเขาทำ ส่วนใหญ่ก็มักเป็นการสังหารเหล่าเดเวียนส์ ส่วนการช่วยพัฒนาเครื่องมือต่างๆ นั้นก็มีบ้าง

จนบางครั้งก็ยังรู้สึกผิดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์อันน่าเศร้า

พวกเขาถูกสั่งให้วางเฉยต่อความขัดแย้งระหว่างเหล่ามนุษย์ด้วยกันเอง อาจมองดูคล้ายเย็นชาหรือเห็นแก่ตัว บางคนในทีมก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้สักเท่าใด แต่ก็นั่นแหละ ก็จำทนเก็บไว้ในใจเรื่อยมา จวบจนวันที่แสดงความคิดส่วนตัวออกมา แล้วพวกเขาก็แยกย้ายไปกันไม่ได้ติดต่อกัน

คิดต่าง หลากหลาย ต่อต้านหรือจงรักภักดี แต่มีความเป็นมนุษย์

หนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลเรื่องนี้ค่อนข้างจะมีเส้นเรื่องหลายเส้นที่วนทับซ้อนกันอยู่ จนอาจทำให้รู้สึกยุ่งเหยิง แต่ถ้ามองดูกันดีๆ แล้ว ด้วยความมันมาทีเดียวเป็นทีม มันจึงสามารถเล่าเรื่องที่อยู่ข้างในของแต่ละคนได้มากหน่อย

แต่ละคนย่อมต่างจิตต่างใจต่างนิสัยกัน แม้พวกเขาจะเป็นกลุ่มก้อนเดียว ได้รับคำสั่งเดียวกันมา แต่ไม่มีทางที่ทุกคนจะคิดเหมือนกัน หนังเรื่องนี้จึงสะท้อนความคิดที่แตกต่างในหมู่ซูเปอร์ฮีโร่ด้วยกัน มันก็เหมือนมนุษย์เรานี่แหละที่เรื่อง ‘คิดต่าง’ เป็นเรื่องปกติในสังคม และเมื่อพวกเขาคิดต่างกัน ก็ย่อมจะเลือกทำต่างกัน บางแสดงออกโจ่งแจ้ง บ้างเก็บงำ ซึ่งก็ทำให้เกิดเรื่องราวขึ้นมา

ในทีมนี้ยังมองเห็นได้ด้วยว่า พวกเขามีเบ้าหน้า ผิวพรรณ ภาษา ความพิการทางกาย ที่แตกต่างหลากหลาย มองดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของมนุษย์ที่มาจากต่างเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ นอกเหนือจากนั้น ก็มียังรสนิยมที่แตกต่างด้วย บางคู่คบหากันในทีม แต่บางคนก็เลือกจะอยู่กับมนุษย์ และบางคนก็มีรสนิยมทางเพศแบบ LTBGQ+

ยิ่งมองเข้าไปก็ยิ่งจะเห็นถึงระบบการปกครองของอีกเผ่าพันธุ์หนึ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่กลับมีความเป็นมนุษย์อยู่มาก พวกเขาถูกปกครองและต้องทำตามคำสั่ง มีผู้นำเป็นระดับชั้น และต้องใช้ความจงรักภักดีในการรักษาระบบ แต่พวกเขาก็มีความคิด เขาเลือกได้ว่าเชื่อฟังอย่างจงรักภักดี หรือคิดในแบบของตัวเอง

แต่ไม่ว่าจะคิดต่างอย่างไร พวกเขาต่างก็เลือกจะปกป้องในสิ่งที่ตนรัก

ช่วงสนทนาอาจเยอะหน่อย คาดหวังแอคชันระเบิดระเบ้ออาจไม่สมหวัง

ใครที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ก็คงจะเห็นเหมือนๆ กันในเรื่องงานภาพที่สวยแจ่ม ละเมียดละไมในการเลือกช็อต แต่ในเมื่อหนังค่อนข้างให้ความสำคัญกับความเป็นทีมและความคิดที่เป็นปัจเจก บทสนทนาของตัวละครจึงค่อนข้างจะมากหน่อย ทำให้หนังมีช่วงเวลาของพาร์ทแอคชันที่อัดแน่นอยู่ในช่วงต้นและท้าย จนใครที่เคยชินกับหนังในจักรวาลมาร์เวลและตั้งธงไปก่อน อาจจะรู้สึกไม่ได้เท่าที่หวัง ขณะที่คนที่มองเห็นอีกด้านหนึ่ง ด้านของความเป็นมนุษย์ที่อยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ใช่มนุษย์ อาจะรู้สึกแตกต่างไป

อาจเป็นหนังที่เดินเรื่องไม่เร็วนัก แต่ก็ไม่ได้ช้าไปจนเอื่อย บทสนทนาเป็นอะไรที่สามารถกระเทาะออกมาได้เป็นหลายคอนเทนต์เลยด้วยซ้ำ ขณะที่งานดีไซน์ออกแบบชุด งานไดอะล็อก-งานซับไตเติล นั้นอาจจะดูลิเกไปบ้าง แต่การออกแบบตัวเดเวียนส์นับว่าสวยงามมาก มีความเป็นเส้นสายและมีสีสัน ดูแปลกตาออกไป ขณะที่ฉากแอคชันก็ทำได้ตื่นตา แทรกมุกตลกมาบ้างไม่มากไม่น้อยไป ด้านการเกลี่ยบทถือว่าค่อนข้างโอเค โดยรวมจึงไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เสียงวิจารณ์จากเมืองนอกเขาโจษจัน

หนังจบแล้วไม่ต้องรีบลุก เพราะจะมี 2 ฉากแถมตรงกลางกับท้ายเครดิตที่จะเปิดเผยตัวละครใหม่และเฉลย [เล็กๆ] ของตัวละครตัวหนึ่งในเรื่อง

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง