รีวิวหนัง King Richard | พ่อผู้ผลักดันสองลูกสาวจนเป็นนักเทนนิสระดับโลก

ไม่ว่าใครๆ ที่เกิดมาใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างน้อยสักสามสิบปีก็น่าจะรู้จักนักเทนนิสสองพี่น้องที่ก้าวขึ้นมาอันดับหนึ่งของโลกอย่าง วีนัส และเซเรนา วิลเลียมส์ กันอย่างแน่นอน เธอคือนักเทนนิสเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันที่ก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ท่ามกลางบรรดานักเทนนิสผิวขาว เรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จนั้นได้ถูกถ่ายทอดไว้แล้วในหนังเรื่อง ‘King Richard’ ซึ่งมีชื่อไทยว่า ‘คิง ริชาร์ด’ ที่นายแพทจะหยิบมาบอกเล่ากันในวันนี้

มันเป็นหนังที่กำกับโดย Reinaldo Marcus Green (ผู้กำกับ ‘Monsters and Men’) เขียนบทโดย Zach Baylin ทั้งยังได้มีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 ตัวด้วยกัน ซึ่งก็ได้แก่ นำชายยอดเยี่ยม, ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, สมทบหญิงยอดเยี่ยม, ตัดต่อยอดเยี่ยม,​ บทดั้งเดิมยอดเยี่ยม และเพลงประกอบยอดเยี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องพิสูจน์ด้วยตาตนเอง

พร้อมไปรับรู้เบื้องหลังสำเร็จของสองพี่น้องนักเทนนิสกันแล้วหรือยังครับ

เรื่องย่อหนัง King Richard

ครอบครัวของ ริชาร์ด (Will Smith จากหนังเรื่อง ‘Bad Boys for Life’, ‘Aladdin’ และ ‘I Am Legend’) และแบรนดี้ (Aunjanue Ellis จากหนังเรื่อง ‘If Beale Street Could Talk’, ‘The Help’ และ ‘Notorious’) อาศัยอยู่ในย่านคอมป์ตัน ในบ้านหลังเล็กๆ ที่เขาไม่เคยอยากอยู่ วันๆ เจอแต่พวกแคลน ประกอบความเจ็บปวดที่เคยได้รับมาแต่วัยเด็ก ทำให้เขาคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นไปจากที่นี่ และเทนนิสคือทางออกที่ริชาร์ดค้นพบ

พวกเขามีลูกเพิ่มอีกสองคน กลายเป็นห้า ทันดี, ลินน์,​ อิชา, วีนัส (Saniyya Sidney จากซีรีส์เรื่อง ‘American Horror Story’, หนังเรื่อง ‘Fences’ และ ‘Hidden Figures’) และเซเรนา (Demi Singleton จากซีรีส์ ‘Godfather of Harlem’) และมุ่งมั่นฝึกฝนให้สองพี่น้องคนเล็กสุดเก่งกาจในกีฬาเทนนิส มุ่งหมายให้พวกเธอได้ก้าวขึ้นเป็นนักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลก ที่จะสามารถทำเงินได้มหาศาล ก้าวออกไปจากย่านนั้นสู่ความรุ่งเรืองที่ต่างออกไปราวฟ้ากับเหว

ริชาร์ดพยายามอย่างยิ่งที่จะปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อมั่นและภาคภูมิใจในตัวเองให้กับลูกสาวทั้งสอง เขาใช้ความรู้ความชำนาญเท่าที่มีใส่ลงไปจนหมด พร้อมกับหาแรงเกื้อหนุนจากโค้ชคนสำคัญอย่าง ริค มัคซี่ (Jon Bernthal จากหนังเรื่อง ‘Those Who Wish Me Dead’, ‘Ford v Ferrari’ และซีรีส์ ‘The Walking Dead’) และพอล​ โคเฮน (Tony Goldwyn จากซีรีส์ ‘Scandal’, หนังเรื่อง ‘Insurgent’ และ ‘The Mechanic’) ก่อนที่วีนัสและเซเรนาจะกลายเป็นตำนานอย่างเช่นทุกวันนี้

รีวิวหนัง คิง ริชาร์ด

เอาจริงๆ ก็ไม่ได้เป็นแฟนเทนนิสที่ติดตามอย่างจริงจังอะไรขนาดนั้น แต่ก็เหมือนกับหลายๆ คน ชีวิตผมเองก็เติบโตมาพร้อมๆ กับข่าวกีฬาและการถ่ายทอดสด ชื่อนักเทนนิสระดับโลกหลายคนต้องผ่านเข้ามาในหัวเป็นสิบครั้ง แต่แน่นอนว่า ถ้าเป็นชื่อโค้ชนี่คง blank เลย ก็ไม่ได้อินไซด์อะไรขนาดนั้น การได้มาทำความรู้จักกับ ริชาร์ด วิลเลียมส์ ถือเป็นสิ่งใหม่ในชีวิตเลยแหละ

หนังเรื่องนี้ ทำให้เราได้รู้ว่า เบื้องหลังความสำเร็จระดับโลกของวีนัสและเซเรนา คือ ครอบครัว ต้องถือว่า วีนัส และ เซเรนา เมื่อจะเกิดมาในครอบครัวคนผิวสีที่ต้องใช้ชีวิตยากในช่วงเวลานั้น แต่พวกเธอมีครอบครัวที่เป็นแรงผลักดันเสมอมา มีพี่สาวทั้งสามที่นั่งรถตู้คันนั้นไปซ้อมในสนามเทนนิสโทรมๆ แห่งนั้นด้วยเสมอ มีพ่อที่คอยปลุกเร้า ปลุกปั้น เข้มงวด ผลักดัน และคอยปกป้องพวกเธออยู่ไม่เคยขาด

มันคือ ‘แผน’ ที่ริชาร์ดวางไว้หมดแล้ว

ริชาร์ด วิลเลียมส์ ที่ วิล สมิธ ถ่ายทอดมาอย่างดีเยี่ยมนั้น เป็นพ่อที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกก้าวไกล โดยมีแรงผลักภายในเป็น ‘การหนี’ แม้ภายนอก เขาอาจมีบุคลิกหนีปัญหา แต่ภายในใจของเขาคือ การหนีไปให้พ้นจากชีวิตตรงนี้

เพราะชีวิตในวัยเด็กที่เขารู้สึกเจ็บปวด สังคมที่เหยียดหยามคนผิวสีให้จมดิน ทำให้เขาเลือกจะถีบตัวขึ้นมา แม้เมื่อโตแล้ว บางคนในชุมชนก็ยังทำตัวกร่าง ความเจ็บปวดที่ถูกทำร้าย ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้ยิ่งต้องก้าว เขาไม่เคยหลุดออกจากแผน มุ่งมั่นเสียจนท่าทีของเขาอาจจะดูแข็งกระด้าง หยิ่งทะนง และมีความคิดอ่านที่ไม่ประนีประนอม

แต่ทั้งหมดก็เพื่อความสำเร็จเบื้องหน้าตามที่เขาได้วาง “แผน” เอาไว้

แต่ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากริชาร์ดคนเดียว

แม้หนังจะตั้งชื่อว่า คิง ริชาร์ด ชื่อที่ใครบางคนเรียกขานเขาเช่นนั้น แต่ที่จริงแล้ว คนสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือ โอราซีน “แบรนดี้” วิลเลียมส์ ที่รับบทโดย อันจานู เอลลิส แม้เธอจะมีอาชีพเป็นพยาบาล แต่ก็มีความสามารถด้านกีฬาเทนนิส เป็นภรรยาผู้คอยปรามสามีที่อาจจะทำเกินไปในบางสิ่งบางอย่าง ทั้งคอยเตือนให้สามีล่วงรู้ว่า ความสำเร็จทั้งหมดไม่ได้ของเขาแต่ผู้เดียว ซึ่งเราคนดูก็เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า เธอเองก็มีส่วนร่วมในความสำเร็จของลูกมากไม่แพ้คิงริชาร์ดเลย

หนังจึงแสดงให้เราเห็นทั้งมุมบวกมุมลบของผู้ชายคนนี้ ทำให้เขาไม่ได้ดูเป็น ‘คิง’ ที่สูงส่ง แต่เป็นคนธรรมดาที่พลาดได้ คิดผิดได้ ถูกตักเตือนได้ อะไรแบบนั้น

อีกมุมที่มองเห็นก็คือ หลายครั้งที่วีนัสมักได้รับก่อนน้องสาว เซเรนาอาจรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม มีอยู่สองสามหนที่นายแพทเองก็ได้แต่ถามอยู่ในใจว่า แล้วเซเรน่าล่ะ? แต่ยังดีว่า เธอมีแม่เป็นอีกแรงผลักดัน ความจำกัดจำเขี่ยของครอบครัว บางทีก็ทำให้ไม่อาจเกลี่ยทรัพยากรได้เท่าๆ กัน แต่ดูสิ ในทุกวันนี้ ทุกคนต่างรู้ว่า เซเรน่าประสบความสำเร็จมากมายแค่ไหน มากกว่าวีนัสเสียอีก

ทั้ง Saniyya Sidney และ Demi Singleton น่าจะมีพื้นฐานเทนนิสที่ดีอยู่ก่อนแล้ว แต่ละช็อตจึงดูแนบเนียน คนที่ไม่ดูเทนนิสจนเข้าเส้น เห็นแล้วก็เชื่อสนิทใจ

แต่นอกเหนือจากครอบครัว การมีโค้ชบางคนที่มองเห็นพรสวรรค์ทั้งเด็กทั้งสอง และก้าวเข้ามาร่วมพัฒนาฝีมือทั้งที่แทบจะไม่ได้เงินสักแดง เราได้เห็น Jon Bernthal ในรูปลักษณ์ของโค้ชเทนนิสไว้หนวด ที่ต้องรับมือกับริชาร์ดผู้ที่คิดอะไรไม่เหมือนใคร ทำให้หนังมีเสียงหัวเราะปะปนเข้ามา

ผู้ชมอย่างเราๆ อาจจะรู้สึกรำคาญริชาร์ดอยู่หน่อยๆ ตรงที่มักจะพล่ามเรื่องแผนที่ตัวเองวางไว้อยู่เสมอ แต่ก็ต้องยอมปล่อยผ่าน เพราะท้ายที่สุด แผนที่เขาวางไว้ตั้งแต่เด็กทั้งสองยังไม่เกิด มันก็ได้กลายเป็นจริงไปแล้วอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ จะมีใครในโลกนี้ที่วางแผนไว้ซะยิ่งใหญ่อลังการเกินฝัน แต่ดันทำได้สำเร็จจริงๆ อย่างนี้บ้าง

สุดตื่นเต้น ตื้นตันน้ำตาปริ่ม

ในช่วงแรก ช่วงจังหวะการเดินเรื่องดูไม่ชวนตื่นเต้นนัก แต่ก็ไม่ราบเรียบเสียทีเดียว มีอะไรให้สะดุด ให้แปลกใจได้ตลอด จนเมื่อมันดำเนินมาถึงองก์สุดท้าย ผู้ชมจึงได้เห็นชัดแจ้งว่า การเป็นนักกีฬาเทนนิสนั้น ไม่ใช่แค่ฝีมือและการฝึกซ้อมหนักเท่านั้น เมื่ออยู่ในสนามก็ต้องนิ่งพอ จึงจะวาดลวดลายได้อย่างที่ฝึกปรือมา ต้องมีการวางแผนที่ดี ซึ่งสิ่งนี้ต้องพึ่งพาประสบการณ์ ความพ่ายแพ้จะเป็นบทเรียนให้ ความเข้มแข็งและลุกขึ้นมาสู้ใหม่ วันหนึ่งจะกลายเป็นความสำเร็จ

ระหว่างดู ความตื่นเต้นผุดอยู่ข้างในเหมือนกำลังดูการแข่งขันจริงๆ บทสนทนาและแววตาที่ส่งถึงกันชวนน้ำตาให้ไหลเอ่อ

หนังปิดท้ายด้วยคลิปภาพจริงของครอบครัววิลเลียมส์ ทำให้มองเห็นว่า หลายสิ่งที่ถูกถ่ายทำมา ล้วนเก็บรายละเอียดและทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ก็คงต้องชื่นชมทีมงานเขาแหละ ที่ตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของความสำเร็จระดับโลกในวงการเทนนิส และความยิ่งใหญ่ที่สร้างแรงบันดาลใจต่อคนผิวสีทั่วสหรัฐและอาจจะทั้งโลก

ดีใจที่วันนี้ ได้ดูหนังดีๆ อีกแล้ว ขอให้ได้ออสการ์มาหลายๆ ตัวเลยนะครับ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง