รีวิวซีรีส์ Ozark โอซาร์ก | มหกรรมฟอกเงินเพื่อครอบครัว

วันที่อยู่กับบ้าน เปลี่ยนผ่านจากซีรีส์เรื่องนั้นไปสู่ซีรีส์เรื่องนี้ จากชาตินั้นมาสู่ชาตินี้ นาทีลองเปลี่ยนจากซีรีส์เกาหลีมาเป็นซีรีส์อเมริกา เรื่องที่เล่าเรื่องราวของครอบครัวที่ต้องย้ายกันไปอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลที่ไม่แจ้งบอกกันล่วงหน้า มีฉายต่อกันมาสามซีซันแล้ว แต่เพียงจะเปิดดู ผมหมายถึง ‘Ozark’ ครับ

เป็น Netflix Originals อีกเรื่องที่นำโดย Jason Bateman ชายที่คุ้นหน้าพอประมาณ เพราะเราเคยดูหนังที่เขาแสดงมาก่อนนั่นเอง ในซีรีส์เรื่องนี้ นอกเหนือจากเขาจะเล่นในบทที่เด่นสุด สามีและพ่อผู้ที่พาทั้งครอบครัวย้ายถิ่นฐานมายังมิสซูรีแล้ว

เขายังรับหน้าที่กำกับในบางตอนด้วยนะ

เรื่องย่อ Ozark

มาร์ติน ‘มาร์ตี้’ เบิร์ด (Jason Bateman จากหนังเรื่อง ‘Central Intelligence’, ‘Zootopia’ และ ‘The Gift’) ที่ปรึกษาทางด้านการเงินผู้มีปัญญาที่ชาญฉลาดและยังมีวาจาวาทะที่ยอดเยี่ยมที่ชิคาโก แต่เพราะผู้ร่วมธุรกิจของเขาดันไปโกงพ่อค้ายาเสพติดตัวเอ้เข้า

เมื่อเข้าถึงตาจน มาร์ตี้จำเป็นต้องรักษาทั้งชีวิตตัวเองและครอบครัวไว้ เขาจึงมีข้อเสนอ เขาจะใช้ความสามารถในวิชาการฟอกเงินที่เขามี นำเงินที่พ่อค้ายาเสพติดคนนั้นถูกโกงไปคืนมาให้ และวิธีการของเขาก็คือการถอนเงินทุกดอลล่าร์ออกไปจากธนาคาร และย้ายถิ่นฐานไปอยู่ยังมิสซูรี ที่นั่งมีทะเลสาบที่เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อน ที่นั่นยังห่างไกลสายตาของฝ่ายตรวจสอบ

ทว่า เหตุฆาตกรรมของผู้ร่วมธุรกิจกับพฤติกรรมการย้ายรกรากแบบกะทันหันก็ทำให้เอฟบีไอสนใจ การย้ายไปทำธุรกิจฟอกเงินถึงโอซาร์กเพื่อส่งเงินคืนให้พ่อค้ายาตัวเอ้จึงไม่ใช่สิ่งง่ายอย่างที่คิด

เมื่อมาร์ตี้ย้ายทั้งครอบครัวไปที่นั่น มีปัจจัยมากมายหลายอย่างที่ต้องแก้ไขไม่หยุดหย่อน

ซีซันแรก

เริ่มต้นที่เหตุนำไปสู่การเคลื่อนย้ายครอบครัว โอซาร์กเป็นเมืองริมทะเลสาบที่มีที่มา แต่เพราะความห่างไกลปืนเที่ยงส่งผลให้มีความดำมืดแฝงเร้นอยู่ทุกที่ ครอบครัวตัวเอกของเรื่องต้องดิ้นรนในทุกทาง ทั้งภายในกันเอง คนในเมือง และเอฟบีไอที่มาจากชิคาโก

มาร์ตี้คือชายผู้โดดเด่นในวาทศิลป์ มันสมองในการแก้ไขปัญหา ช่วงเวลาใน 10 ตอนแรกเขาทำให้ลูกสาวคนโตและลูกชายคนเล็กเติบโตขึ้นมาก เรื่องราวที่เวนดี้ (Laura Linney จากหนัง ‘Sully’ และ ‘Nocturnal Animals’) ภรรยาแอบไปคบชู้เมื่อผ่านเหตุการณ์ในซีซันนี้ไปก็น่าจะทำให้ทั้งมาร์ตี้และเวนดี้ได้เรียนรู้และผ่านมันไปอีกขั้น

เมื่อเขาไปถึงเมืองริมทะเลสาบที่เกิดจากการสร้างเขื่อน น้ำที่ไหลทะลักเข้ามาจมทุกสิ่งไว้ใต้พื้นน้ำ ไม่พอ มันยังเป็นที่ทิ้งของอีกมากมายหลายสิ่งที่ผู้คนต้องการจะเก็บเป็นความลับ

การย้ายถื่นฐานมาเพื่อหาเงินใช้คืนแก๊งค้ายาที่นี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมืองยิ่งห่างไกล อะไรล่ะที่จะหาเงินได้มากๆ หากมิใช่กิจการสีเทาๆ

มีตอนหนึ่งที่ย้อนกลับไปเล่าที่มาที่ไปของหลายๆ ตัวละครที่เราได้ทำความรู้จักไปพอควร ตอนนั้นอาจจะอึนๆ ง่วงๆ หน่อย แต่ก็จำเป็นต้องมีคือจะได้เข้าใจปูมหลังของเหตุการณ์ในปัจจุบันมากขึ้น

ซีซันถัดมา

รูธ แลงมอร์ (Julia Garner จากหนัง ‘The Perks of Being a Wallflower’) คือตัวแปรที่พิเศษในสถานการณ์นี้ จากที่เธออยู่ในครอบครัวตัวร้ายแต่ได้รับโอกาสในการทำงานและหาเงินจากมาร์ตี้ วันนี้เธอมีสภาพเหมือนคนที่จิตใจกลับไปกลับมาระหว่าง เห็นค่าในสิ่งที่มาร์ตี้หยิบยื่นให้ กับยังมองเห็นว่าครอบครัวนี้คือแหล่งเงินอันมหาศาลที่จะแปรเปลี่ยนสภาพของครอบครัวจากหลังเป็นหน้ามือ

มาร์ตี้ยังคงยุ่งเหยิงกับการแก้ปัญหาและความยุ่งเหยิงที่เทเข้ามาไม่หยุดหย่อนจนขาดสติและเวลาจะดูแลลูกทั้งสอง ถึงขนาดที่ลูกชายคนเล็กอย่างโจนาห์ (Skylar Gaertner) ยังรักและสนิทกับลุงบัดดี้ (Harris Yulin จากหนัง Training Day และซีรีส์ Unbreakable Kimmy Schmidt) เจ้าของบ้านคนเดิมที่ป่วยหนักอยู่ในห้องใต้ดินคนนั้นเสียมากกว่าพ่อตัวเอง

ซีซันนี้ครอบครัวเบิร์ดเริ่มไปไกลด้วยธุรกิจที่ทำเงินได้มากกว่าอย่างกาสิโน แต่หนทางจะทำให้สำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องฝ่าฟันล็อบบี้ทุกอย่าง และเหมือนเช่นทุกภาค

ต้องมีคนตาย!

ซีซัน 3

จากความคลุมเครือไม่แน่ใจว่า สามีและภรรยาคู่นี้ยังรักกันอยู่ดีหรือเปล่า หลังมาร์ตี้ได้รับรู้ว่าเวนดี้มีชู้ และทุกอย่างได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ทั้งคู่ต่างก็เก่งกาจในมุมของตัวเองกันทั้งคู่ และดูเหมือนพวกเขาจะขัดแย้งกันใหญ่โตมากขึ้น คิดเห็นในทางตรงกันข้ามกันมากขึ้น

และการไม่เชื่อกันของแต่ละฝ่ายก็นำมาซึ่งความเลวร้ายที่มากขึ้น

ซีซันนี้มีรายละเอียดบางอย่างในเรื่องราวที่เข้าใจยากมากกว่าเดิม บางจุดยังไม่ค่อยจะเก็ทนักในสิ่งที่ตัวละครบางตัวคิดแต่ก็จำเป็นต้องติดตามเดินต่อ นับวันตระกูลเบิร์ดยิ่งเข้าใกล้จุดวิกฤติ ทุกอย่างเริ่มยากขึ้นทุกที แก๊งค้ายาที่เล่นเกมดูเข้าใจยาก เอฟบีไอก็บี้หนัก ธุรกิจกาสิโนจะไปต่อได้แค่ไหน แก๊งค้ายาจะเอาอะไรกับพวกแกอีก

ตื่นเต้นมากขึ้นทุกวินาที

โดยรวมแล้ว ตัวละครในซีรีส์เรื่องนี้ทุกตัวล้วนไม่ได้มีความเป็นคนดีเลยสักคน แม้แต่คนที่บอกว่าตนเองเชื่อในพระเจ้าก็กลับดำดิ่งเข้าสู่ด้านมืดเพราะการมองโลกที่บิดเบี้ยวของตนเอง สามีภรรยาครอบครัวเบิร์ดผู้ต้องดิ้นรนทำภารกิจฟอกเงินคืนนายใหญ่พร้อมๆ กับหาทางเอาตัวให้รอดพ้นจากชะตาอันเลวร้ายต่อเนื่อง พวกเขาต้องทั้งทำธุรกิจบาร์โชว์นม ร้านอาหารและท่าจอดเรือ ฟาร์มเลี้ยงม้า ไปจนถึงธุรกิจกาสิโน ซึ่งก็ไม่พ้นต้องยุ่งเกี่ยวกับคนค้ายา พวกเขาจำต้องพึ่งพาเด็กสาวผู้เกิดมาในครอบครัวคนขี้คุก เกือบฉุดรั้งเธอขึ้นมาได้แต่สุดท้ายเธอก็กลับลงไปใหม่ และยังมีตัวละครอีกหลายหลากที่พาเหตุพลิกผันไม่มีวันหยุด

ไอเดียโดยรวมของโอซาร์กนั้นอาจดูคล้ายกับ Breaking Bad ที่ว่าด้วยเรื่องราวของชายนักเคมีที่ต้องผลิตยาเสพติดขายเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว แต่เรื่องนี้กลับเน้นไปที่การฟอกเงิน แต่สุดท้าย ชีวิตแบบอเมริกันๆ จึงไม่พ้นต้องเอายาเสพติดเข้ามาเอี่ยว

ตัวเรื่องบางส่วนมีไดอะล็อกที่ชวนฉุกคิดเรื่องของเงินสกปรกจากการค้ายา ที่บางสถานการณ์ก็ค้ำจุนเศรษฐกิจของอเมริกาเหมือนกันนะ ทำให้คิดไปถึงกิจการค้าสงครามของอเมริกาเลยแหละ

ชื่อซีรีส์: Ozark / โอซาร์ก
Creators: Bill Dubuque, Mark Williams
นักแสดงนำ: Jason Bateman, Laura Linney, Sofia Hublitz, Skylar Gaertner
ซีซัน 1: ปี 2017 จำนวน 10 ตอน
ซีซัน 2: ปี 2018 จำนวน 10 ตอน
ซีซัน 3: ปี 2020 จำนวน10 ตอน
ผู้ผลิต/ผู้สร้าง: Zero Gravity Management, Media Rights Capital (MRC)
ช่องทางการรับชม: Netflix