รีวิวซีรีส์ Now We Are Breaking Up | เรื่องรักร้าวในแวดวงแฟชั่น

จะว่าไป ซีรีส์เกาหลีนี่ขีดเขียนเรื่องราวของผู้คนได้หลากหลายทั้งด้านพล็อตและด้านอาชีพเลยนะ ที่อาจจะเห็นกันเยอะหน่อยก็คงจะเป็นตำรวจ นักสืบ หรือทนายความ แต่วันนี้ มีซีรีส์อีกเรื่องที่บอกเล่าถึงคนในวงการแฟชัน แถมได้นักแสดงชื่อดังมาร่วมงานด้วย ผมกำลังหมายถึง ‘Now We Are Breaking Up’ นั่นเองครับ

ซีรีส์เรื่องนี้กำกับโดย อีกิลบก คนที่เคยกำกับ ‘Dr. Romantic 2’ มาก่อน โดยได้บทที่เขียนจากปลายปากกาของ เจอิน ผู้ที่เคยเขียน Misty มาแล้ว แม้จะดูว่าเป็นรุ่นใหม่ทั้งคู่ แต่การที่เขาได้ จางกียง และ ซงฮเยคโย มาแสดงเป็นคู่พระนาง ทำให้ทุกคนต่างหันมาสนใจในทันที

ว่าแล้วก็ได้เวลามาทำความรู้จักกับเรื่องย่อของซีรีส์เรื่องนี้กันแล้วล่ะครับ

เรื่องย่อซีรีส์ ‘Now We Are Breaking Up’

มันคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้บนโลกนี้ เพราะมันเกี่ยวกับความรักและการเลิกราที่มาพร้อมกับความเจ็บปวดอันยาวนาน

ฮายองอึน (Song Hye Kyo/ซงฮเยคโย หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า ซองเฮเคียว จากซีรีส์เรื่อง ‘Encounter’, ‘Descendants of the Sun’ และ ‘Full House’) เธอเป็นสาววัย 38 หัวหน้าทีมออกแบบเสื้อผ้าแบรนด์โซโนให้กับบริษัทเดอะวัน อันเป็นบริษัทชั้นนำในด้านเสื้อผ้าแฟชัน เป็นหญิงสาวที่มุ่งมั่นในการทำงานเป็นอย่างมาก เธอไม่เคยคบหากับผู้ชายคนไหนมาราว 10 ปีแล้ว แม้จะเพียบพร้อมในทุกด้าน ทั้งความสวย ความเก่ง มีระเบียบ แล้วก็ยังเป็นคนที่เข้าใจเทรนด์แฟชั่นเป็นอย่างดี

ในวันที่เธอพบเจอปัญหาและต้องการตากล้องมาถ่ายงานแบบเร่งด่วน เธอก็ได้รู้จักกับ ยุนแจกุก (Jang Ki Yong/จางกียง จากซีรีส์ ‘Search: WWW’, ‘My Mister’ และหนังเรื่อง ‘Sweet & Sour’) ตากล้องฟรีแลนซ์ที่มีชื่อเสียงเข้าโดยบังเอิญ จึงชักชวนมาทำงานด้วย

แน่นอนว่าฮายองอึนรู้สึกทึ่งในความเก่งกาจของแจกุกมาก ทั้งยังคิดไม่ถึงว่าจะเป็นตากล้องที่คนทั้งวงการต้องการตัวเช่นนี้ แต่เธอก็กลับพบว่า เขาคือน้องชายของแฟนเก่าที่จบกันด้วยไม่ดี และจนถึงบัดนี้เธอยังคงไม่ลืมเขา ทั้งดูเหมือนหน้าที่การงานของเธอจะต้องผูกติดกันไปกับตากล้องหนุ่มคนนี้…

คนที่มาทำหัวใจที่เจ็บปวดด้านชาให้กลับมาสั่นไหวอีกครั้ง

รีวิวซีรีส์ ‘Now We Are Breaking Up’

ถือว่าเป็นการเดินออกมาจากเซฟโซนอยู่เหมือนกันกับการดูซีรีส์เรื่องนี้ เพราะปกติ ไม่ใช่คนที่ชอบดูอะไรที่เกี่ยวกับแฟชั่นสักเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่จะเว้นไว้ให้คุณแฟนเขาดูไปมากกว่า แต่เมื่อเห็นว่าเป็นคู่นี้ จางกียง และซงฮเยคโย เลยอดใจไม่ได้ ต้องขอลองลิ้มชิมรสของซีรีส์เกาหลีที่เล่าเรื่องนี้เสียหน่อย

แล้วก็พบว่า สองตอนแรกค่อนข้างปั่นป่วนในหัวพอสมควร เพราะความไม่ค่อยเข้าใจแวดวงแฟชั่นดีนัก ทำให้อึนๆ ไปกับช่วงนั้นพอสมควร ก่อนที่จะเริ่มตั้งตัวได้ในตอนถัดๆ มา

เริ่มต้นด้วยความบังเอิญและความขัดแย้ง ก่อนกลับกลายเป็นความรัก

จากความสัมพันธ์แบบวันไนต์สแตนด์ของหญิงสาวที่ไม่ยอมคบกับผู้ชายคนใดมาเนิ่นนาน เธอเพียงคิดว่ามันก็แค่หนึ่งคนที่ผ่านไป แต่หารู้ไม่ว่า เธอจะไม่มีดิ้นหลุดไปจากเขาคนนี้ เมื่อจู่ๆ เธอก็กลับได้มาเจอเขาอีกถึงสองครั้ง ในวันที่เธอต้องไปนัดแทน และวันที่เธอต้องการตากล้องฉุกเฉินเพื่อถ่ายแบบเสื้อผ้า เธออาจไม่สนใจจะจำหน้าด้วยซ้ำ แต่ยังไงก็เถอะ

นั่นแหละเขา…ชายหนุ่มที่ปูซานในคืนนั้น

แท้จริงเขาคือ มิสเตอร์เจ และมีอีกหนึ่งชื่อเล่นว่า คุกกี้ แต่แท้จริงแล้วเขาชื่อ ยุนแจกุก ตากล้องฟรีแลนซ์มือฉมังที่ใครๆ ต่างก็ต้องการตัว แถมยังเป็นชายหนุ่มที่เกลียดการแต่งงาน ความบังเอิญทำให้เขาต้องไปนัดแทน ผอ.ฮวัง และเจอกับหญิงสาวที่เคยวันไนต์ด้วยกัน ความสัมพันธ์เริ่มก่อตัวพร้อมๆ กับความขัดแย้งระหว่างคนทั้งคู่ เมื่อชายที่เธอเข้าใจว่าเขาทิ้งเธอไปและทำให้ใจเธอยึดติดตลอดมานั้นหาใช่ใครอื่น แต่เป็นพี่ชายของแจกุกคนนี้นี่เอง…

ความสัมพันธ์ของน้องชายคนรักเก่า กับหญิงสาวผู้ช้ำรักมานานปี จะดำเนินไปอย่างไรน้าา??

ลงลึกรายละเอียดเกี่ยวกับวงการแฟชั่น

ด้วยความที่นางเอกอยู่ในแวดวงแฟชั่น เป็นหัวหน้าทีมออกแบบของ ‘เดอะวัน’ บริษัทแฟชันชั้นนำ งานของเธอจึงเกี่ยวข้องในหลายๆ ภาคส่วนของวงการ ซีรีส์จะพาเราไปซอกซอนถึงการเกิดดับของแบรนด์เสื้อผ้า นอกเหนือจากการออกแบบ การเดินแบบ การถ่ายแบบ ก็เดินเข้าไปหาถึงสถานที่ผลิตและตัดเย็บอีกต่างหาก ยิ่งซีรีส์ดำเนินผ่านมากตอนเข้า เราก็คงจะได้เห็นแง่มุมอื่นในวงการนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ว่าจะเป็นความจริงที่ว่า เทรนด์นั้นมาไวไปไวเสมอ การทำงานของพวกเขาเหมือนต้องจับกระแสให้ไวและส่งมันออกสู่ตลาดให้ทันกับกระแสที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ทั้งยังต้องพบเจอปัญหาหลายหลากระหว่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นการถูกลอกเลียนแบบทั้งที่เพิ่งวางขายหรือแม้กระทั่งสั่งตัดไปเพียงวันเดียว การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างที่ต้องถ่ายแบบกันใหม่เพราะอีกวันต้องใช้พรีเซนต์ แบรนด์แฟชันที่ลดความนิยมลงจนต้องหันมานำแบรนด์ต่างประเทศมาทำตลาด อะไรแบบนี้

ในเรื่อง ทำให้เราได้เห็นว่า เจ้าของแบรนด์ จำเป็นต้องทำงานประสานกับบริษัทประชาสัมพันธ์ ตรงนี้ ก็จะมีซอกโดฮุน (Kim Joo Hun/คิมจูฮอน จากซีรีส์เรื่อง ‘Start-Up’, ‘It’s Okay to Not Be Okay’ และ ‘Encounter’) จากบริษัทวิชันพีอาร์เข้ามา เรื่องราวจะชวนยุ่งขึ้นมาหน่อยก็ตรงที่โดฮุนสนิทสนมเป็นพี่น้องกับแจกุก

นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีห้างฮิลส์ที่พวกเขาวางขายสินค้า และเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ทั้งหลายที่จะช่วยนำผลงานของพวกเธอออกสู่สายตาผู้คน

เรื่องราวเดินไปกระชับประมาณนึง มีรายละเอียดบางอย่างที่อาจเข้าใจลำบากสำหรับคนนอกสายแฟชัน แต่เมื่อผ่านไปก็จะเข้าใจเอง งานนี้คงต้องดูกันยาวๆ ว่าเรื่องรักที่มาพร้อมกับความปวดร้าวจะดำเนินไปในรูปแบบใด เจออุปสรรคขวากหนามประเภทไหน อะไรแบบนั้น

นางเอกผู้ต้องรับบทเดอะแบก คอยเป็นพี่เลี้ยงให้กับลูกๆ ของซีอีโอ

ซีรีส์เรื่องนี้ เล่าเรื่องจากศูนย์กลางที่ เดอะวัน บริษัทออกแบบและวางขายเสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำในเกาหลี บริษัทนี้นอกจากจะมีฮายองอึน สาวหัวหน้าทีมออกแบบที่มีทั้งความสวยและเก่งแล้ว ก็ยังเป็นบริษัทของประธานฮวัง (Joo Jin Mo/จูจินโม จากซีรีส์ ‘Partners for Justice’ และ ‘Jirisan’) คุณพ่อคนหนึ่งที่หวังสร้างอาณาจักรในลูกสาวลูกชายได้ก้าวตาม แต่ก็ดูเหมือนพ่อคนนี้จะมีปัญหากับลูกๆ อยู่พอสมควรเลย เพราะลูกสาวที่เขาตั้งให้เป็น ผอ.​ฮวังชีซุก (Choi Hee Seo/ชเวฮีซอ จากซีรีส์เรื่อง ‘Stranger 2’ และ ‘Mistress’) เธอเป็นเพื่อนร่วมรุนของหัวหน้าฮา แต่ดูจะไม่ค่อยเอาการเอางานสักเท่าไหร่ วันๆ คิดถึงแต่เรื่องผู้ชาย หัวหน้าฮาคนนี้ต้องดูแลตามล้างตามเช็ดเพื่อให้งานที่เธอติดยึดนี้ออกมาราบรื่นที่สุด พร้อมๆ กันไปกับการได้เห็นผลงานของตนเฉิดฉายประสบความสำเร็จในตลาดแฟชั่น

ไม่เท่านั้นหรอก หัวหน้าฮาคนนี้ นอกจากประสบปัญหารักร้าวในอดีตที่เธอยังไม่ลืมมาจนปัจจุบัน เธอยังได้รับหน้าที่ฟูมฟักลูกชายอีกคนของ CEO อย่าง ฮวังชีฮยอง (Sehun/เซฮุน จากซีรีส์เรื่อง Dokgo Rewind) ผู้ที่เพิ่งถูกเรียกตัวกลับมาเพื่อเป็นดีไซเนอร์หน้าใหม่อีกด้วย

เคมีพระนางที่พาตรึงใจในทุกตอน

เพราะเหตุว่าเธอได้รับการสนับสนุนหลายอย่างจากประธานฮวัง ทั้งหมดนั้นเป็นเหตุให้เธอต้องเป็นแบ็กอัปให้ทั้งลูกสาวลูกชายของท่าน และมันก็คงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เธอได้เจอกับพระเอกผู้เป็นน้องชายของคนรักเก่าของเธอ

จากจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่เป็นวันไนต์สแตนด์ในค่ำคืนนั้น ฉากความใกล้ชิดชวนหวามไหวใส่มาตั้งแต่เริ่มต้นเรื่อง ฝ่ายหญิงไม่ได้จดจำ มองเป็นเพียงสิ่งผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่ฝ่ายชายกลับจดจำและตกหลุมรักเข้าอย่างเต็มเปา และความจริงในใจของฝ่ายหญิงก็มีเขาผุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว หรือไม่ก็พยายามข่มมันไว้อยู่ ซึ่งก็อย่างที่รู้ๆ เธอจะข่มมันไว้ได้สักแค่ไหนกัน

คนทั้งคู่ต้องกลับมาเดินบนเส้นทางเดียวกันอย่างกับฟ้าตั้งใจ ความรู้สึกที่อยู่ลึกๆ ข้างในจึงมักปลดปล่อยออกมา

บางตอนอาจมีฉากใกล้ชิดมากหน่อย บางตอนก็อาจเพียงเบาๆ แต่ไม่ว่าแบบไหน ก็คงชวนให้คนดูฟินไปตามๆ กัน ซึ่งบทแบบนี้ จำเป็นยิ่งที่นักแสดงต้องมีเคมีเข้ากันแบบสุดๆ และทั้งจางกียงและซงฮเยคโย ก็ทำมันออกมาได้ดี นอกเหนือจากความสามารถทางการแสดงที่ทำให้ จางกียงกลายเป็นตากล้องสุดหล่อที่สุดเก่งผู้เจ็บแค้นต่อการตายของพี่ชาย ขณะที่ซงฮเยคโยได้รับบทของหญิงสาววัย 38 ที่เจ็บปวดกับการเลิกราโดยไม่รู้อะไรมาหลายขวบปี หันไปมุ่งมั่นกับงานและคิดว่าตัวเองไม่สนใจความรักที่จริงจังอีก จนได้มาเจอกับพระเอกที่อ่อนวัยกว่าแถมเป็นน้องชายของชายคนรักเก่า

เอาล่ะสิ ต้องเอาใจช่วยให้ตากล้องสุดหล่อพาเธอหลุดออกจากเปลือกที่ห่อหุ้มตัวเองไว้มายาวนาน…ได้เสียที

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์