รีวิวซีรีส์ Secret Invasion มหันตภัยอำพราง | ภารกิจสายลับฉบับฟิวรี่

หลังจากปรากฏตัวอยู่ในหนังซูเปอร์ฮีโร่ของฝั่ง MCU มานานราว 11 เรื่องแล้ว แต่ตัวละครตัวนี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้มีเรื่องราวของตัวเองแบบเป็นจริงเป็นจังสักที หลังๆ ก็หายหน้าไปจนคนแทบจะลืมไปละ แต่ในที่สุด ก็มีข่าวดีที่ทางสตูดิโอหยิบคาแรกเตอร์ของ นิค ฟิวรี่ ชายตาเดียวคนนี้ขึ้นมาสร้างเป็นซีรีส์ ‘Secret Invasion มหันตภัยอำพราง’ ฉายทาง Disney+ Hotstar

ผลงานจากผู้สร้างและโชว์รันเนอร์ Kyle Bradstreet ที่เคยอยู่เบื้องหลังซีรีส์ดังอย่าง ‘Mr. Robot’ และ ‘Copper’ กับซีรีส์ที่มีความยาว 6 ตอน เรื่องราวแนวสายลับที่ดูแตกต่างจากซีรีส์ของตัวละครมาร์เวลอื่นๆ เพราะเขาไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไร แต่ไม่ว่ายังเขาก็คือตัวละครสำคัญผู้ที่เป็นถึงอดีตผู้บัญชาการหน่วยชีลด์ (S.H.I.E.L.D) ทั้งยังเป็นผู้ที่รวบรวมเหล่าซูเปอร์ฮีโร่มาฟอร์มทีม Avengers อีกด้วยนะ

การได้มาชมซีรีส์เรื่องนี้ทำให้ได้รู้ซะทีว่า ที่ผ่านมาเขาไปอยู่ที่ไหนกัน?

เรื่องย่อซีรีส์ ‘Secret Invasion’

ซีรีส์ 6 ตอนเรื่องนี้ จะบอกเล่าเรื่องราวของ นิค ฟิวรี่ (Samuel L. Jackson จากหนังเรื่อง ‘Captain Marvel’ และ ‘The Hateful Eight’) ในเวลาปัจจุบัน หลังจากที่เขาหายหน้าไปหลายปี เมื่อเขาได้ล่วงรู้แผนการณ์รุกรานโลกของชาว Skrull กลุ่มหนึ่งที่นำโดย กราวิก (Kingsley Ben-Adir จากซีรีส์เรื่อง ‘Peaky Blinders’) พวกเขาพยายามจะรุกรานโลก เขาจึงเดินทางกลับมายังโลกแบบลับๆ

เป้าหมายของเขาในครั้งนี้ คือ การขัดขวางมหันตภัยและปกป้องโลก โดยอาศัยความร่วมมือของเหล่าพันธมิตรของเขา ไม่ว่าจะเป็น เอเวอเร็ตต์ รอสส์ (Martin Freeman จากหนังเรื่อง ‘Black Panther’ และ ‘The World’s End’), มาเรีย ฮิลล์ (Cobie Smulders จากหนังเรื่อง ‘The Avengers’ และซีรีส์เรื่อง ‘Stumptown’) และ เทลอส (Ben Mendelsohn จากหนังเรื่อง ‘Rogue One: A Star Wars Story’ และ ‘Robin Hood’) ที่ก็เป็นหนึ่งในผู้นำของชาวสโครลล์ 

รีวิวซีรีส์ ‘มหันตภัยอำพราง’

จะว่าไป นิค ฟิวรี่ ก็เคยอยู่ในภาพยนตร์ในตระกูลมาร์เวลมาหลายเรื่อง หนนี้ คงเป็นเวลาที่ได้ออกโรงแบบเต็มๆ สักที และด้วยความที่เนื้อหาของซีรีส์จะพาดพิงถึงชาวสโครลล์อย่างเต็มๆ ทำให้บางส่วนที่ไม่ค่อยรู้จักพวกเขาอาจมีปัญหาในการติดตามได้ จึงต้องขอให้เริ่มต้นด้วยการเปิดดูหนังเรื่องที่เป็นต้นตอซะก่อน นั่นคือเรื่อง ‘Captain Marvel’ ดูเรื่องนี้ แล้วคุณจะไม่เพียงรู้จักจุดเริ่มต้นของกัปตันมาร์เวล คุณยังได้รู้ด้วยว่า ชาวสโครลล์คือใคร มีความเกี่ยวข้องกับ นิค ฟิวรี่ ยังไง ทำไมเขาจึงมาอาศัยอยู่บนโลก แต่คิดจะยึดครองโลกในซีรี่ส์เรื่องนี้

การละเลยต่อคำสัญญา นำมาซึ่งความยุ่งยากที่ต้องจัดการ

อย่างที่รู้ๆ กันว่า ชาวสโครลล์นั้นถูกมนุษย์บางคนล้อเลียนว่าเป็นเอเลี่ยนหน้าตาคล้ายกิ้งก่าตัวเขียว แต่พวกเขามีความสามารถในการลอกเลียนแบบมนุษย์ได้ถึงระดับบุคลิกและนิสัย รวมไปถึงความทรงจำระยะสั้น ทำให้พวกเขาสามารถแทรกซึมอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างแนบเนียน โดยที่เราไม่มีทางรู้เลยสักนิดว่า คนตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสโครลล์ คงเป็นเรื่องอันตรายไม่น้อย ถ้าพวกเขาคิดจะยึดครองโลกขึ้นมาจริง ๆ

มันเป็นเพราะคำสัญญาที่นิค ฟิวรี และกัปตันมาร์เวลที่เคยให้ไว้กับชนเผ่าสโครลล์ ว่าจะหาดาวดวงใหม่ที่ห่างไกลจากการรุกรานของชาวครี ที่จะเป็นบ้านให้กับพวกเขา แต่เวลาผ่านไปเกือบ 30 ปี กราวิกก็หมดความอดทน จึงสั่งสมกองกำลังชาวสโครลล์เอาไว้ ด้วยจุดมุ่งหมายจะยึดครองโลกเป็นบ้านใหม่ของเขาเสียเอง วิธีการของกราวิกก็คือ สร้างความโกลาหล ความขัดแย้งในหมู่มนษย์ด้วยกันเอง ซึ่งถูกเรียกว่า “ก่อการร้าย” และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหลายมุมโลก ทำให้นิค ฟิวรี่ ที่หลังร่างสลายจากเหตุดีดนิ้วและกลับมาใน 5 ปีต่อ เขาก็ใช้ชีวิตอยู่บนสถานีอวกาศที่ชื่อ “เซเบอร์” ต้องกลับมาพื้นโลกอีกครั้งเพื่อจัดการแก้ปัญหานี้ด้วยตนเอง

และด้วยความที่ตัวละครเอกในซีรีส์เรื่องนี้ ไม่ได้เป็นซูเปอร์ฮีโร่ เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาที่เป็นผู้บัญชาการหน่วยชีลด์เท่านั้น เรื่องพลังกำลังหรือความสามารถพิเศษที่เหนือมนุษย์จึงไม่มี แถมปีนี้ก็แก่ลงไปเยอะ หันไปเน้นที่การสืบและขัดขวาง

ตัวละครสำคัญใน มหันตภัยอำพราง ยังมีอีกหลายตัว

เทลอส กลายเป็นสโครลล์คนเดียวที่ยังอยู่ข้างเดียวและเชื่อใจฟิวรี่ ขณะที่สโครลล์คนอื่นก็หันไปเข้าพวกกับกราวิก ผู้นำสโครลล์ที่เจ็บแค้นกับการไร้บ้าน ซึ่งหนึ่งในสโครลล์ที่เข้าร่วมกับกราวิก มีไกอาห์ (Emilia Clarke จากซีรีส์เรื่อง ‘Game of Thrones’ และหนังเรื่อง ‘Me Before You’) ลูกสาวของเทสอสรวมอยู่ด้วย

ในซีรีส์เรื่องนี้ ยังมีตัวละครอีกตัวที่เราคุ้นเคย เขาคือผู้พันโรห์ด (Don Cheadle จากหนังเรื่อง ‘Hotel Rwanda’ และ ‘Captain America: Civil War’) ทุกคนคงจดจำเขาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น วอร์แมชชีน เคียงข้างเหล่าอะเวนเจอร์ส

ความร่วมมือยังมาจากอีกด้านหนึ่ง ซอนย่า ฟัลส์เวิร์ธ (Olivia Colman จากหนังเรื่อง ‘The Lost Daughter’ และ ‘The Favourite’) หญิงสาวชุดแดงที่ออกแนวๆ สายลับอังกฤษ เธอน่าจะเป็นหน่วยข่าวกรองอะไรสักอย่างที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับภัยเหนือมนุษย์ เธอดูไม่ค่อยเชื่อน้ำยาว่าฟิวรี่จะเอาอยู่ ท่าทีของเธอดูเท่และแกร่ง ไม่เลวเลย

คือการลุกฮือของชนกลุ่มน้อยที่ลุกฮือขึ้นหมายยึดโลก

สโครลล์เป็นชนเผ่าต่างดาวผู้มีร่างจริงที่มนุษย์รังเกียจ พวกเขาอยู่บนโลกในฐานะผู้ลี้ภัย ไม่มีบ้านของตนเอง ไม่มีมนุษย์หน้าไหนยอมรับ พวกเขาเลือกจะสวนกลับด้วยการใช้ความสามารถพิเศษ สวมรูปลักษณ์และจิตใจได้แนบเนียน แทรกซึมเข้าไปอยู่ทุกจุดในสังคมมนุษย์ แถมกราวิกก็เป็นนักรบที่ฉลาดเป็นกรด แม้จะกบดานและเคลื่อนไหวอยู่ในรัสเซีย แต่เขาส่งชาวสโครลล์เข้าแทรกซึมในกลุ่มผู้นำหลากชาติหลายกองกำลัง ทำให้ปฏิบัติของเขาน่ากลัวมาก นอกจาก ตัวเขาเองก็ระวังตัวแจ ไม่ได้ไว้ใจคนของตนไปซะทั้งหมด ลอบทดลองลับบางอย่างที่น่าจะมีส่วนสำคัญในตอนปลายของเรื่อง

ไปๆ มาๆ ตัวแปรที่สำคัญที่จะทำให้ปฏิบัติการนี้พลิกผันก็คือ ไกอาห์ เพราะเธอเป็นลูกสาวของเทลอส เป็นคนที่ทาลอสสามารถจะกล่อมและเปลี่ยนใจเธอให้กลายเป็นไส้ศึกภายในกองกำลังของกราวิกได้ ขณะที่ไกอาห์เองก็คงต้องสับสนและชั่งน้ำหนักในหัวใจตัวเองให้ดี ว่าควรจะอยู่ข้างฝ่ายไหน เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็คือเผ่าพันธุ์สโครลล์เหมือนๆ กัน แค่คิดกันคนละอย่าง

เมื่อดูรวมๆ แล้ว ‘มหันตภัยอำพราง’ เล่าเรื่องออกมาในแนวซีรีส์สายลับ ดนตรีประกอบก็จะออกมาแนวๆ นั้นเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีบทสนทนาบางส่วนที่แอบจิกกัดเรื่องชนชาติ โดยเฉพาะเรื่องเหยียดผิว ทั้งยังให้มนุษย์มองตนเองเหมือนเจ้าบ้านที่มีสิทธิจะทำอะไรก็ได้กับสโครลล์ที่เหมือนเป็นผู้ลี้ภัยบนโลก รวมทั้งมนุษย์เองก็มัวแต่รบราฆ่าฟันกันเองจนไม่เหลือพื้นที่ให้คนนอก การเดินเรื่องก็นับว่าไม่เลว มีอะไรระหว่างทางให้ชวนรู้สึกเซอร์ไพรส์ตลอดๆ

อาจไม่ใช่ซีรีส์ที่ชวนลุ้นหนัก แต่ก็ดูดีจนอยากติดตามต่อไปจนจบแหละน่า

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์