รีวิวหนัง Black Adam | ปลุกชีพนักรบโบราณ แอนตี้ฮีโร่สุดมัน!

ไม่รู้ว่าเท่าไหร่แล้ว จำนวนของนักแสดงที่ได้ร่วมเล่นในหนังฮอลลีวู้ดแนวซูเปอร์ฮีโร่ และเมื่อถึงวันนี้ นักแสดงระดับแม่เหล็กอย่าง ดเวย์น จอห์น และ เพียร์ซ บรอสแนน ก็รวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เมื่อหนังเรื่องใหม่จากอ้อมอกดีซี‘Black Adam’ ส่วนชื่อไทยก็คือ ‘แบล็ก อดัม’ เข้าฉายในไทยแล้วตั้งแต่ 20 ตุลาคม 2022

เรื่องราวที่ย้อนไปไกลหลายพันปี นักรบโบราณที่ถูกปลุกขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง แต่เขาจะเป็นฮีโร่ของทุกนอย่างงั้นเหรอ หนังฮีโร่ดีซีที่หนนี้มอบหมายให้ Jaume Collet-Serra/เจาเม โกเยต-เซร์ร่า รับหน้าที่กุมบังเหียน หลายคนอาจรู้สึกไม่คุ้นหู แต่ถ้าเอ่ยชื่อหนังขึ้นมาแล้วทุกคนต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน ก็เขาเคยกำกับทั้ง ‘Jungle Cruise’, ‘The Commuter’, ‘The Shallows’, ‘Non-Stop’ จะเห็นว่ามีแต่หนังแอคชันที่เน้นความเร้าใจด้วยกันทั้งนั้น อ้อ.. ยังรวมทั้งหนังแนวสยองขวัญอย่าง ‘Orphan’ ด้วยนะครับนั่น

จนทำให้คาดหวังไว้ประมาณหนึ่งเลยทีเดียวว่าหนังเรื่องนี้จะออกมามันๆ แบบเดียวกัน

เรื่องย่อหนัง ‘Black Adam’

เกือบ 5,000 ปีแล้วที่เขาเป็นเพียงทาสในอาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองอย่างคาห์นัด แต่หลังจากเขาได้รับสุดยอดพลังจากเทพเจ้าโบราณ ไม่นานเขาก็ถูกคุมขัง และแล้วเกือบ 5,000 ปีต่อมา ในที่สุด แบล็ก อดัม (Dwayne Johnson จากหนัง ‘เกมดูดโลก ตะลุยด่านมหัศจรรย์’, ‘Skyscraper’ และ ‘Rampage ใหญ่ชนยักษ์’) ก็ถูกปลดปล่อยจากสุสานออกมาระเบิดมหาพลังทวงคืนความยุติธรรมบนโลกนี้อีกครั้ง

ในโลกปัจจุบัน ดินแดนคาห์นดักที่เคยรุ่งเรืองในอดีตกลายเป็นดินแดนที่เสื่อมโทรม มีคนกลุ่มหนึ่งที่ถูกเรียกว่าแก๊งอินเตอร์มุ่งหมายครอบครองมงกุฎซับบาส มีอาเดรียน่า (Sarah Shahi จากหนัง ‘Hangman’ และซีรีส์เรื่อง ‘Sex/Life’) หญิงสาวอีกคนที่ตกอยู่ท่ามกลางเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ เมื่อจู่ๆ แบล็ก อดัม ถูกปลุกขึ้นมา ก็ทำให้เหล่าฮีโร่นาม จัสตัซ โซไซตี้ ออกปฏิบัติภารกิจผู้พิทักษ์

รีวิวหนัง ‘แบล็ก อดัม’

พล็อตของหนังอาจจะดูเชยไปนิด แต่ก็คงจะไม่สำคัญสักเท่าไหร่เพราะมองเห็นได้ชัดว่าหนังให้ความสำคัญในสิ่งที่ผู้คนต้องการ เรื่องราวที่บอกว่าโลกไม่ได้มีแค่อารยธรรมที่ผู้คนรู้จัก แต่อีกหนึ่งอาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองในช่วง 2,600 ปีก่อนคริสตกาล นามว่า คาห์นดัก ทว่าเพียงร้อยปีถัดมาก็ล่มสลายไป พร้อมกับมงกุฎซับบาสที่สูญหายไปพร้อมกับชายผู้ได้รับพลังเทพนาม เท็ท อดัม ก่อนที่หญิงสาวนามอาเดรียนาจะพาแก๊งอินเตอร์ไปเจอมันอีกครั้ง พร้อมปลุกชายพลังเทพให้ตื่นขึ้นมา

เริ่มต้นด้วยการมาเจรจาขอให้ยอมแพ้โดยสันติ ก่อนจะกลายเป็นการฟาดฟันระหว่างหนึ่งคนผู้มีพลังเทพที่ไม่ได้รู้สึกว่าตนคือฮีโร่ กับเหล่าแก๊งจัสติส โซไซตี้ ที่เป็นฮีโร่จากภายนอกประเทศที่ประกอบไปด้วย Atom Smasher (Noah Centineo) ชายผู้ขยายร่างได้ใหญ่ยักษ์, Cyclone (Quintessa Swindell จากหนัง ‘คนอนาคตโลก’ และ ‘Master Gardener’) หญิงสาวผู้ควบคุมพลังลม, Hawkman (Aldis Hodge) ซูเปอร์ฮีโร่ผู้มากับปีกทอง และชายเคราขาวผู้มองเห็นอนาคต Doctor Fate (Pierce Brosnan จากหนัง ‘Die Another Day‘ และ ‘Remember Me’)

ด้วยนิยามว่าฮีโร่ต้องมีแต่ช่วยเหลือผู้คนแต่จะไม่ฆ่าใคร ทว่า แบล็ก อดัม (หรือชื่อดั้งเดิม เท็ท อดัม) นั้นเขาฆ่าคน แม้จิตใจข้างในนั้นจะมีความดีปรากฏให้เห็นเด่นชัด ในท่ามกลางความไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาเป็นอะไร แต่เขาไม่ได้รักสันติ และไม่เคยคิดจะคุกเข่าให้กับใคร เรื่องราวในภาคนี้ เขาต้องต่อสู้และทำความเข้าใจตัวเองก่อนจะได้รู้ว่าตัวเองเกิดมาเพื่อเป็นอะไร

ในโลกใบนี้ การแยกว่าใครดีใครชั่วนั้นมันยากนัก การมองทุกเป็นขาวกับดำนั้นคือการมองแบบในอุดมคติจนเกินไป ประเด็นที่ของการแยกแยะความดีความเลวในเรื่องนี้จึงค่อนข้างน่าสนใจในความรู้สึกของนายแพท

แค่นั้น มันยังไม่พอ เพราะนอกจากหนังจะสร้างให้ตัวเอกกลายเป็นแอนตี้ฮีโร่แล้ว พวกเขาก็ยังสร้างแก๊งซูเปอร์ฮีโร่ผู้มองตนเองเป็นฝ่ายธรรมะที่กำเนิดขึ้นมาเพื่อพิทักษ์ความดีกอบกู้โลก ที่ถูกตั้งคำถามว่าเป็นคนนอกที่เข้ามาก้าวก่ายเรื่องภายในของชาติอื่น แถมในเวลาที่พวกเขาต้องการทำไมจึงไม่มา จะมาก็เมื่อมีผลประโยชน์อย่างนั้นใช่มั้ย อันนี้ก็เหมือนแซะมหาอำนาจบางชาติอยู่กลายๆ

สิ่งที่หนังตอบโจทย์ที่คนดูต้องการคงเป็นเรื่องของฉากแอคชันที่มีเข้ามาอย่างเต็มอิ่มสมกับความคาดหวังของคนดูหนังแนวนี้ เดินเรื่องกระชับฉับไวไม่เยิ่นเย้อ ไม่ผ่อน ไม่ปล่อยให้หยุดพัก พร้อมกับอัดพลังระดับซูเปอร์ใส่แบล็ก อดัม อย่างเต็มอัตรา เขาปล่อยสายฟ้าได้ มีพลังมหาศาล กระสุนชนิดใดใหญ่เล็กแค่ไหนก็ไม่ระคายผิว แถมผู้สวมบทบาทยังเป็น ดเวย์น ‘เดอะร็อก’ จอห์นสัน ดาราแม่เหล็กที่หน้าตายเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งบทหนังก็นำพาแก๊กตลกชวนฮาแทรกเข้ามาเป็นน้ำจิ้มได้หลายหึ ไม่เท่านั้น พี่ยังเล่นมุกขยี้ตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ดีซีได้อย่างฮา

CG อาจไม่เนียนกริ๊บ วิชวลอาจจะไม่ตรึงตา แต่จัดใส่มาไม่ยั้งมือ เสริมด้วยดนตรีประกอบสุดเร้าใจ ใครดูก็คงบอกว่า ‘มัน’

แก๊งจัสติซ โซไซตี้ ก็เข้าท่าดี ฮอว์คแมน โดดเด่นที่ปีกทองฉายแววฮีโร่ได้วูบวาบดี แต่คนที่โดนใจกลับเป็นไซโคลนที่วิชวลเวลาใช้พลังมันดูดีไม่หยอก บวกกับสวยน่ามองไม่เบาเลยแหละ ขณะที่ตำแหน่งคนขโมยซีนเก่งตกเป็นของ ด็อกเตอร์เฟท รองลงมาคงเป็นของ อะตอมสแมชเชอร์ ไปๆ มาๆ ความสามารถของซูเปอร์ฮีโร่มันก็วนๆ กันอยู่แค่นี้แหละเนอะ

ไม่น่าเชื่อว่าตัวหนังดูยาวมากแต่เมื่อหันมามองเวลา มันมีความยาว 2 ชั่วโมง 4 นาทีเท่านั้นเองแฮะ แถมมีฉากแถมช่วง Mid-Credit ที่ชวนให้คนดูต่างปรบมือและร้องว้าวกัน 1 ฉากถ้วนด้วย ใครอยากสัมผัสกับ DC มาถูกทางแล้วหรือยัง ก็ไปจัดได้ในโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านก่อนจะโดนสปอยล์ และก่อนจะต้องได้นั่งดูในจอทีวีนะครับทุกคน!

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง