เป็นประจำในช่วงท้ายๆ ของเกือบทุกปี ที่ผมกับเพื่อนๆ จะชักชวนกันไปหาที่เที่ยวกัน ช่วงที่หยุดยาววันรัฐธรรมนูญ (ถึงวันหยุดจะไม่ต่อกัน แต่เราก็ทำให้ต่อกันได้ครับ) ผมไปเที่ยวมาครับ คราวนี้ ลงใต้สู่ จ.สุราษฎร์ธานี ด้วยพาหนะอย่างรถตู้ มีพี่เวียงที่เคยร่วมทางกับเราใน ‘ภูสอยดาวทริป’ คราวนั้นเป็นคนขับ
ค่ำคืนของวันที่ 9 ธ.ค. 52
ผมและเพื่อนๆ มารวมตัวกันที่บ้านของวอง สถานที่ที่เราจะเริ่มออกเดินทางกัน ไม่ได้หลับได้นอนกันหรอก เพราะเมื่อทุกคนมารวมตัวกันความเมามัน(ของการเม้าต์)จึงเกิดขึ้น เวลาล่วงเลยถึงเกือบตีสาม รถตู้ของพี่เวียงจอดเทียบท่าที่หน้าบ้าน ทุกคนขนสัมภาระของตนขึ้นรถ แล้วล้อก็หมุนตรงเวลา…
03.00 น. วันที่ 10 ธ.ค. 52
รถตู้ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่ดินแดนภาคใต้ของประเทศสยาม ผ่านประจวบคีรีขันธ์และชุมพร ก่อนจะเข้าสู่เขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี แวะทานกาแฟตามปั๊มน้ำมันบ้าง เพื่อพบว่า บรรยากาศในปั๊มตามจังหวัดภาคใต้ ช่างแตกต่างจากวันที่เราไปเที่ยวเหนือมากมาย ที่นี่ เราไม่ต้องแย่งกันกินแย่งกันใช้ในปั๊มแบบนั้นเลย บรรยากาศสบายๆ คงเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกไปเที่ยวเหนือหน้าหนาวกันเสียเกือบหมดนั่นเอง
หลับๆ ตื่นๆ กันตลอดทาง จนถึงเวลาเที่ยงวัน เราวนไปวนมาจบพบกับสถานที่ที่เราจะแวะเป็นจุดแรก นั่นคือ ‘สวนโมกข์’ หรือชื่อเต็มๆ ว่า ‘สวนโมกขพลาราม’ หรือชื่อ ‘วัดธารน้ำไหล’ ที่หลายคนไม่คุ้น อย่างที่รู้กันว่า เป็นสวนป่าที่เป็นที่รู้จักกันดี ด้วยชื่อของท่านพุทธทาส ผมเองได้ยินชื่อมา คุ้นเคยกับลายมือของท่านมานาน แต่ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือน
ภายในสวนป่าดูเงียบสงบ มีสิ่งก่อสร้างที่ไม่เน้นความสวยงาม หากแต่เน้นจุดประสงค์ของการใช้งานเสียมากกว่า เราลองมาดูแผนที่กันสักหน่อย
บางจุดอย่าง “ลานหินโค้ง” เป็นจุดที่หลายคนได้เห็นในภาพกันบ่อยๆ แต่อย่าง “โรงมหรสพทางวิญญาณ” ดูจะไม่มีคนคุ้นกัน เป็นอาคารที่มีภาพเขียนที่เปิดให้เรามองและค้นหาปริศนาธรรมจากภาพเหล่านั้น นอกจากนี้ เรายังเดินทาง ศาลาธรรมโฆษณ์ ขึ้นบันได ผ่านทางเดินในลักษณะป่าบนเนินเขา ไปจนถึง “โบสถ์แบบสวนโมกข์” ที่เป็นลานขนาดกลางๆ ในโอบล้อมของแมกไม้ร่มรื่น
ออกจากสวนโมกข์ ไม่ไกลกันนัก เรามาเยือนสถานที่สำคัญอีกแห่งในสุราษฎร์ฯ นั่นคือ “พระบรมธาตุไชยา”
พระบรมธาตุไชยา อยู่ในวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร มีประวัติอันยาวนาน เด็กน้อยที่เป็นไกด์อาสาเล่าให้ฟังอย่างยาว จำได้แค่คร่าวว่า สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นในประมาณปี พ.ศ. 1300 ในสมัยศรีวิชัย มีการขุดดินรอบๆ จนเห็นองค์พระบรมธาตุเต็มๆ อย่างทุกวันนี้ เพราะระดับพื้นดินในสมัยอดีตนั้นต่ำกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมากนั่นเอง และที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ก็ยังไม่ได้ขุดดินออกทั้งหมด อาจยังมีพระบรมธาตุไชยาบางส่วนที่อยู่ใต้พื้นดิน องค์พระบรมธาตุถูกล้อมรอบด้วยน้ำ และมีพระพุทธรูปขนาดต่างๆ รายรอบ มีการบูรณะปฏิสังขรณ์บ่อยครั้ง จนมีลักษณะอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
หลังจากนมัสการพระบรมธาตุฯ เรียบร้อย พวกเราก็เดินทางกันต่อ คราวนี้ เราจะหยุดก็ต่อเมื่อเราถึงที่พักของเรา ‘ภูผาและลำธาร’ หรือ The Cliff and River เท่านั้น ….
โอ้ บ่ายสองแล้วรึนี่ ออกเดินทางกันต่อดีกว่า