รีวิวหนัง ธี่หยด 3 | เมื่อยักษ์ต้องไปช่วยยี่ในป่า แต่น่ากลัวน้อยลง

กลายเป็นหนังไทยที่เดินชนความสำเร็จในระดับสูง ด้วยความที่เป็นหนังผีไทย สไตล์สยองขวัญ บวกความระทึกและแอ็คชัน ด้วยวัตถุดิบชั้นดีดัดแปลงจากผลงานเลื่องชื่อ มีนักแสดงแม่เหล็ก ทำให้ผีที่มากับบทสวดกระซิบถูกสร้างต่อมาถึง ‘ธี่หยด 3’ ภาคที่สามของครอบครัวตัว ย. ที่ไม่พ้นวังวนถูกผีรังควาน

คิดเห็นเช่นไรกับหนังผีไทยเรื่องนี้?

งานนี้ ต้องถ่อไปไกลถึงไอคอนสยาม เพื่อพบกับหนังภาคสามที่พระเอกสุดหล่อกล้ามโตได้รับภารกิจต้องไปช่วยน้องสาวที่ถูกผีลักพาตัว หนังพาคนดูเข้าป่าอีกครั้ง ไปพบกับตำนานเรื่องใหม่ ผีตัวใหม่ ในบทที่ค่อนข้างเล่าเป็นเส้นตรง แถมดูเป็นละครหลังข่าวมากไปนิด การดำเนินเรื่องที่เน้นแอ็คชัน การมาของผีที่ไม่ชวนสะพรึงเท่าเก่า

แต่หนังก็ยังดีที่ณเดชน์ได้โชว์กล้ามตลอดเรื่อง นีน่าที่เล่นได้โดดเด่น กับบทที่เกลี่ยให้สมาชิกในครอบครัวกว่าเดิม

เรื่องย่อหนัง ‘ธี่หยด 3’

เรื่องราวของครอบครัวตัว ย. ที่ผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ มาใน 2 ภาคแรก เหมือนจะกลับมาเป็นปกติสุขแล้ว ยักษ์ (ณเดชน์ คูกิมิยะ​ จากหนังเรื่อง ‘อ้าย..คนหล่อลวง’) เริ่มคิดถึงการกลับไปเป็นทหาร ขณะที่หยาด (เดนิส เจลีลชา คัปปุน จากละครเรื่อง ‘อีบัวกับไอ้ขวัญ’) ก็เริ่มตั้งท้องใกล้คลอด ส่วนยี่ (ณัฐชา นีน่า เจสซิกา พาโดวัน จากหนังเรื่อง ‘Taklee Genesis’) ฟันน้ำนมซี่สุดท้ายก็หลุดแล้ว ในวันที่พวกเขาได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา

แต่แล้ว เหตุการณ์ร้าย ๆ ก็กลับเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อยี่ น้องสาวคนเล็กของบ้านโดนผีร้ายที่ยักษ์ไม่เคยพบเจอมาก่อนจับตัวไป

อีกครั้งที่ยักษ์และจ่าปพันธ์ (องอาจ เจียมเจริญพรกุล) ร่วมกันเดินทางเข้าป่าเพื่อพาตัวน้องสาวกลับมา โดยมี ยศ (กาจบัณฑิต ใจดี), ยอด (พีระกฤตย์ พชรบุณยเกียรติ) แอบติดตามไปด้วย แต่คราวนี้เป็นป่ามรณะ ดินแดนที่มีผีร้ายและไม่มีใครย่างกรายเข้าไปแล้วจะรอดกลับออกมา เป็นเหมือนการเดินทางที่พวกเขาจะต้องไปเจอกับความสยดสยองเกินคาดเดา

อ่านเพิ่มเติม:

• รีวิวหนังไทย ‘ธี่หยด’
• รีวิวหนังไทย ‘ธี่หยด 2’

รีวิวหนัง ‘ธี่หยด 3’

หลังความสำเร็จที่ท่วมท้นถาโถมเข้ามา ทำให้ค่ายเจ้าของหนังมองเห็นช่องทางและตัดสินใจสร้างภาคที่สามต่อ ผู้ชมหลายส่วนคาดคิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่เล่าในสไตล์ภาคแยก แต่เมื่อได้พบกับหนังจริง ๆ มันกลับไม่ใช่ มันยังคงเป็นภาคต่อที่เล่าเรื่องต่อจาก 2 ภาคแรก ราวกับยังมีเรื่องราวที่ไม่ยอมจบ

ครอบครัวตัว ย. ที่คิดว่าเคราะห์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แม้ต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวอย่างแย้มไป พวกเขาจึงพยายามมูฟออนและดำเนินชีวิตต่อ แต่ก็ปรากฏว่า ผีร้ายยังคงตามรังควานไม่เลิก ฟันน้ำนมซี่สุดท้ายของยี่ที่ครอบครัวดันเลือกจะขว้างขึ้นหลังคา กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้มันตามมาทำร้ายลูกสาวคนเล็กของเฮียฮั่งและแม่บุญเย็น และนั่นก็เป็นเหตุผลของภารกิจของยักษ์ในหนังผีไทยภาคที่สาม…ภาคนี้

ฉากหลังส่วนใหญ่ของหนังภาคนี้ยังคงเล่นกับป่า ที่เปลี่ยนมาเป็น “บ่องสะโหนดเบียง” ที่เป็นเหมือนแดนมรณะที่ผีร้ายแฝงตัวอยู่ หนังใช้ทัศนียภาพของผืนป่าและสายน้ำสร้างฉากของการหลอกหลอนของผีในรูปแบบต่าง ๆ ฟีลของมันออกมาไม่ต่างกับภาคก่อนหน้าสักเท่าไหร่ เปลี่ยนเป็นไล่ล่าเพื่อช่วยเหลือสมาชิกของครอบครัว แทนที่จะเข้าป่าไปเพื่อแก้แค้นผี

ทว่า จังหวะจะโคนในการเล่ามันดูไม่ชวนให้สะพรึงหรือหลอนอะไรสักเท่าไหร่ บางจังหวะ ควรจะตัดให้ไว กลับไปอย่างเชื่องช้า อีกอย่าง ก็คือ ผีในภาคนี้ดูไม่น่ากลัว ขณะที่บางซีนก็ดูจงใจให้มันเว่อร์เกินเหตุ ส่งผลต่อความไม่น่าเชื่อถือของเรื่องราวเข้าไปอีก หากไม่ดูใจร้ายเกินไป การเปลี่ยนผู้กำกับน่าจะมีผลต่อโทนหนังโดยรวมพอสมควร

น่าเสียดายที่หนังปูย้อนไปไกล บอกเล่าถึงสงครามที่นำมาซึ่งความตายและความอาฆาตแค้น จนส่งผลให้เกิดเรื่องเกิดราวยาวมาถึงปัจจุบัน แต่ก็ดูบทหนังจะไม่สนใจจะแก้ปมอดีตของมันสักเท่าไหร่ ใส่ใจจะพูดถึงแต่การตามหาและช่วยเหลือน้องนุชคนสุดท้องให้กลับออกมาอย่างปลอดภัยซะมากกว่า แต่สิ่งที่หนังยังทำอยู่คือเรื่องความเป็นครอบครัว

แม้ว่า บทมันจะดูเป็นละครหลังข่าวไปสักหน่อยก็ตามที

สิ่งที่พอจะเป็นจุดดีของหนังยังพอมีอยู่บ้าง ก็อย่างเช่น ณเดชน์ ที่ได้โชว์กล้ามสวย ๆ และเล่นเป็นพี่ชายที่ต้องดูแลน้อง ๆ ตลอดเวลา หรือ ณัฐชา นีน่า ที่เล่นเป็นยี่ได้อย่างโดดเด่นและน่าทึ่ง บทหนังเองก็กระจายไปให้กับตัวละครอื่น ๆ ในครอบครัวมากขึ้น โดยเฉพาะกับยอดและยศ มีตัวละครใหม่ที่รับบทโดย เฌอมาวีร์ งานเทคนิคพิเศษทำออกมาดี ส่วนงานดนตรีประกอบก็ตั้งใจใช้วงออเคสตร้ามาบรรเลงทั้งเรื่อง

หนังปิดท้ายด้วยการมีฉากแถมในช่วงมิดเครดิต บอกถึงตัวละครใหม่ที่ได้นักแสดงชวนว้าว ให้คนดูเฝ้ารอภาคหน้าที่วาดหวังว่าจะเล่นทางใหม่ได้น่าสนใจกว่านี้

รายละเอียดเกี่ยวกับหนังไทยเรื่องนี้