รีวิวหนัง Kyrie คิริเอะ เพลงรักคือเธอ | รวดร้าว เคล้ากับเสียงเพลง

งานของ ชุนจิ อิวาอิ นั้นมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ และเมื่อยิ่งนานวันไป มันก็ยิ่งกลายเป็นหนังที่ผู้คนพูดถึงและจดจำ หลายคนน่าจะเคยผ่านการรับชมหนังในตำนานอย่าง ‘All About Liy Chou-chou’ และ ‘Last Letter’ กันมาบ้างแล้ว จึงเชื่อว่า คุณต้องรอคอยผลงานล่าสุดอย่าง ‘Kyrie no Uta’ หรือชื่อไทย ‘คิริเอะ เพลงรักคือเธอ‘ นี้อยู่อย่างแน่นอน

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

เรื่องราวชีวิตของคิริเอะคนที่พูดไม่มีเสียง แต่ร้องเพลงเพราะมาก ชุนจิ อิวาอิ เล่าเรื่องราวและงานภาพอันเป็นเอกลักษณ์ เขาพาเราไปเที่ยวไปใน 4 เมืองของญี่ปุ่น บอกเล่าชีวิตของคนอย่างน้อย 4 คน ที่พบเจอ ผูกพันและจากลา ผ่านเรื่องราวทั้งสุข ทุกข์ เจ็บปวดรวดร้าว สิ้นหวัง แต่ยังมีกำลังใจเดินต่อ และมีเสียงเพลงขับขานบอกความรู้สึกนึกคิด

แม้บางส่วนยังรู้สึกขาดหาย แต่ก็ยังอยากจะเติมเต็มมันอีกครั้งในเวอร์ชั่น 3 ชั่วโมง

เรื่องย่อหนัง ‘Kyrie no Uta’

หนังเล่าเรื่องราวความรัก ชีวิต และความฝันของ 4 ตัวละคร หนึ่งคือ คิริเอะ (Aina the End/ไอนะ ดิ เอนด์) นักดนตรีสาวข้างทางผู้ซึ่งไม่สามารถพูดได้ แต่มีความสามารถด้านการร้องเพลงที่โดดเด่น เธอได้ทำความรู้จักกับ อิ๊กโกะ (Suzu Hirose/ฮิโรเสะ ซึสึ จากหนังเรื่อง ‘Our Little Sister’ และ ‘The Third Murder’) หญิงสาวลึกลับผู้ละทิ้งอดีตของตน ละทิ้งชื่อของตนเอง และมอบเสียงให้กับ คิริเอะ ในฐานะผู้จัดการของเธอ

แล้วหนังก็ยังเล่าถึง นัตสึฮิโตะ (Hokuto Matsumura/มัตสึมุระ โฮคุโตะ แห่ง SixTONES) ชายหนุ่มผู้พยายามหาคู่หมั้นที่หายไปในอดีต และคนสุดท้าย เขาคือ ฟุมิ (Haru Kuroki/ฮารุ คุโรกิ จากหนังเรื่อง ‘Wolf Children’ และ ‘The Great Passage’) คุณครูชั้นอนุบาล ผู้ปกปิดอดีตและความลับบางอย่างเอาไว้ในใจ

รีวิวหนัง ‘KYRIE คิริเอะ เพลงรักคือเธอ’

ในระยะหลังๆ เหมือนผมจะไม่ค่อยได้เดินมาเจอกับผลงานหนังของ ชุนจิ อิวาอิ สักเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งก็คงเพราะแต่ละผลงานของเขาจะมีระยะห่างอยู่ กับมันเข้าฉายในไทยเป็นบางเรื่อง แต่ความที่งานของเขามันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้คนที่เคยดูมาจะรู้ถึงความพิเศษนั้น เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน

หนังเรื่องนี้ ดำเนินเรื่องไปพร้อมๆ กับเสียงเพลง มันจะมีอย่างน้อยสักเพลงหนึ่งที่ดังขึ้นในแต่ละช่วงเวลาในหนัง ไม่เพลงที่ไอนะร้องในบทบาทของคิริเอะ ก็เป็นเสียงเพลงที่ประกอบอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ แม้ผมจะไม่ได้เป็นแฟนคลับของ ไอนะ ดิ เอนด์ แต่พอนึกภาพออกเวลาเธอเฉิดฉายอยู่ในเพลงสไตล์นั้น และในหนังเรื่องนี้ เธอได้สร้างเพลงไว้ถึง 6 เพลง ต้องบอกว่าเสียงแหบๆ เต็มไปเสน่ห์ที่ดังก้องอยู่ในนั้นมันไพเราะอย่างน่าอัศจรรย์

ถ้ามองว่านี่เป็นการแสดงบทนำครั้งแรกของเธอ ผมก็ว่า เธอเล่นได้ดีเลยนะ โดยเฉพาะมันดึงเอาความสามารถทางด้านการร้องเพลงมาใช้เป็นหลักเนี่ย ถือว่าเหมาะเลย เพราะเธอมีเสียงและสำเนียงการร้องที่มีความรวดร้าวเจืออยู่ในระดับสูง ซึ่งเข้ากันได้ดีกับเรื่องราวที่ถูกบอกเล่า ขณะที่ ฮิโรเสะ ซึสึ เธอมาในลุคที่แตกต่างออกไป เป็นหญิงสาวลึกลับที่เปลี่ยนวิกไปเรื่อย กลายเป็นคนที่ทรงผมและสีผมทำให้เธอดูเป็นคนใหม่อยู่ตลอดเวลา เข้ากันได้ดีกับความลึกลับของเธอ

การสวมบทบาทเข้าคู่กันไป ทำให้ได้มองเห็นถึงมิตรภาพระหว่างเพื่อน ที่อาจห่างไกลกันไปบ้างในบางที แต่ก็อบอุ่นได้เสมอเมื่อได้มาอยู่ร่วมกัน

หนังมันบอกเล่าถึงชีวิตของคนกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องเผชิญกับหลายสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ความสุขกับมิตรภาพดีๆ ความสิ้นหวัง ความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า ชะตาชีวิตที่ไม่ง่ายดาย [แต่เธอยังดำรงชีวิตอยู่ได้เนี่ยนับถือใจเหมือนกันนะ] รวมทั้งการจากลา และมูฟออนก้าวต่อไป หนังมันจึงมีทั้งมุมอบอุ่น รวดร้าว และโอบอุ้มชีวิตที่สิ้นหวัง รวมๆ ไว้ในเรื่องเดียวกัน

กับมุมมองงานภาพ เขาไม่เคยใช้มุมกล้องที่แช่นิ่งอยู่กับที่ หากแต่เคลื่อนไหวไปมาอยู่ตลอด แถมยังเน้นภาพมุมกว้าง คือหนึ่งในเอกลักษณ์ของชุนจิ อิวาอิ นอกเหนือจากการให้นักแสดงคนเดียวเล่นมากกว่าหนึ่งตัว เรื่องราวในหนังถูกบอกเล่าอยู่สลับช่วงเวลา เหมือนจะสะเปะสะปะ แต่เมื่อถูกเล่าไปเรื่อยๆ คนดูก็จะเริ่มปะติดปะต่อในหัวได้เอง แค่อาจจะยากและมึนหัวนิดหน่อย แต่ผมเชื่อว่ามันจะง่ายขึ้นเองเมื่อดูรอบสองรอบสาม

ด้วยความที่หนังมันถ่ายทำใน 4 เมืองสำคัญของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น อิชิมากิ, โอซาก้า, โอบิฮิโระ และโตเกียว ทำให้เราได้เห็นทัศนียภาพที่แตกต่างหลากหลายในหนังเรื่องเดียว และก็ได้เห็นชีวิตของตัวละครตัวนึงที่ระหกระเหินพอสมควรกว่าจะมาถึงวันนี้ ชีวิตที่แลดูสิ้นหวัง แต่ก็ได้มิตรภาพดีดีจากหลายคน

ซึ่งเมื่อดูจากเวอร์ชัน 2 ชั่วโมง ก็ยังรู้สึกถึงการขาดหายของบางตัวละคร จนคิดถึงการได้ดูเวอร์ชัน 3 ชั่วโมงของ KYRIE ว่ามันจะเติมเต็มได้สักแค่ไหนนะ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง