รีวิวหนัง Suicide Forest Village ป่า..ผีดุ | วัยรุ่นเดินป่าล้างคำสาปสุดเฮี้ยน

ในวันที่ประเทศไทยมีแต่หนังฟอร์มยักษ์รวมใจกันเข้าฉายไม่เว้นสัปดาห์ด้วยสาเหตุเพราะถูกเลื่อนมาจากวิกฤติโรคระบาดและการบริการจัดการที่ย่ำแย่ของรัฐบาล วันนี้ ขอลองหันหน้ามาลองดูหนังที่คล้ายจะอยู่นอกสายตาของบรรดาผู้คนกันดูบ้าง เรื่องหลอนระทึกในป่าสุดเฮี้ยน ‘Suicide Forest Village’ ที่ได้ชื่อไทยว่า ‘ป่า..ผีดุ’

เรื่องราวของเหล่าวัยรุ่น การเผชิญหน้ากับจุดรวมวิญญาณที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น หนังเรื่องที่ 2  ในซีรีส์หมู่บ้านสยองขวัญที่มีอยู่จริงในประเทศญี่ปุ่น ผลงานชิ้นล่าสุดจากผู้กำกับสายสยองระดับตำนาน Takashi Shimizu/ทาคาชิ ชิมิซึ (จาก ‘Ju-On ผีดุ’) หลังจากเคยสร้างเรื่องที่ 1 อย่าง ‘Howling Village’ มาก่อนแล้ว

ครั้งนี้เขายกทีมไปถ่ายทำในสถานที่จริง ทั้งยังมีนักแสดงวัยรุ่นมากฝีมือคับคั่ง! 

เรื่องย่อหนัง ‘Suicide Forest Village’

‘ป่าอาโอกิงาฮาระ’ เป็นป่าที่ขึ้นชื่อด้านเป็นสถานที่ฆ่าตัวตาย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของภูเขาไฟฟูจิ เพราะความเฮี้ยนและคำสาปแห่งป่า เรื่องราวความตายที่เล่าขาน ผู้คนเดินทางไปยังป่าผืนนั้นแล้วไม่มีใครได้กลับมา ตำนานเหล่านั้นชักพาให้วัยรุ่นทั้งห้าออกเดินทางเข้าป่าไปเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง

น้องสาวของ เม (Mayu Yamaguchi/มายุ ยามางุจิ จากเรื่อง Family Bond) อย่างฮิบิกิ (Anna Yamada/อันนะ ยามาดะ จากหนังเรื่อง Liverleaf) นั้น เธอสนใจในเรื่องลี้ลับมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะเรื่องป่าแห่งนี้ แถมดูๆ ไป คล้ายเธอจะมีพลังพิเศษมองเห็นผีได้ด้วยนะ

ในวันที่ทั้งคู่ช่วยขนของเข้าบ้านใหม่ให้กับคู่รักที่กำลังจะแต่งงานกันอย่าง อากิระ (Fuju Kamio/ฟูจู คามิโอะ จากหนัง High & Low The Worst) และมิยุ (Haruka Kudo/ฮารุกะ คุโดะ) ก็เป็นฮิบิกินี่แหละที่ดันไปกล่องไม้สีดำรูปร่างประหลาดชวนขนลุกเข้า จนเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ร้ายๆ ที่ติดตามมา

เจ้ากล่องปีศาจนี้ มันคือกล่องคำสาปที่เรียกว่า “Kotori Bako” สรรพคุณด้านร้ายของมันคือ เมื่อไปอยู่ที่ใด ผู้คนรอบข้างก็จะเริ่มตายลงทีละคน พวกเขาจึงออกเดินทางเพื่อหาทางหยุดคำสาปชั่วร้ายก่อนที่ความตายจะเข้ามาเยือน

ในเรื่องนี้ ยังมีตัวละครอีกหลายตัวที่จะมาช่วยกันแต่งเติมให้เรื่องเฮี้ยนของป่าแห่งนี้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ชินจิโระ (Yuki Kura/ยูกิ คุระ) แฟนหนุ่มของเมย์ที่มีพ่อเป็นพระ, โคโตเนะ (Yumi Adachi/ยูมิ อะดาจิ จากซีรีส์ ‘I’s’) คุณแม่ของสองสาวพี่น้อง, อากินะ นิชิดะ หรืออากินะจัง (Rinka Otani/ริงกะ โอตานิ จาก ‘Howling Village’ และ ‘Liverleaf’) สาวยูทูบเบอร์คนดังที่ไลฟ์สดเดินเข้าป่า แล้วก็ยังมีลุงสึนาฮิโตะ (Jun Kunimura/จุน คุนิมูระ จาก ‘The Wailing’ และ ‘The World of Kanako’) อีกคนที่มักขับรถเข้าไปในป่าอยู่บ่อยๆ เป็นต้น

รีวิวหนัง ‘ป่า..ผีดุ’

ผู้กำกับคนนี้เป็นที่รู้จักจากการกำกับ ‘The Grudge’ หรืออีกชื่อที่คุ้นหู ‘Ju-On ผีดุ‘ ส่วนหนึ่งเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของไตรภาคหนังสยองขวัญที่อิงจากตำนานและสถานที่สุดเฮี้ยนที่มีอยู่จริงในญี่ปุ่น ตามต่อมาจากเรื่อง Howling Village (อุโมงค์ผีดุ) ที่เล่าเรื่องของอุโมงค์ผีสิงอินุนากิในจังหวัดฟุกุโอกะ แต่ครั้งนี้ย้ายมาเล่าถึงป่าอาโอกิงาฮาระ ‘ป่าฆ่าตัวตาย’ ที่มีชื่อเสียงลือเลื่อง

ผู้กำกับที่ร่วมเขียนบทด้วยก็นำแรงบันดาลใจของเรื่องจริงนั้นมันเรียงร้อยให้เป็นเรื่องสยองขวัญ โดยผูกมันเข้ากับความลี้ลับกึ่งน่ากลัวของกล่องไม้สีดำสุดอาถรรพ์กล่องหนึ่ง ที่ถ้าผู้ใดสัมผัสหรือแม้แต่ใกล้ชิดก็จะมีอันเป็นไป ส่วนใหญ่ถึงตายเลยทีเดียว

หนังใช้กลวิธีเล่าอ้อมไปอ้อมมา กะว่าจะให้คนปะติดปะต่อเอาเอง บางความสัมพันธ์ของตัวละคร คนดูอาจจะงงๆ ในทีแรก แต่ดูๆ ไปก็จะเริ่มแกะออกมาได้เอง การติดตามทำความเข้าใจหนึ่งจึงอาจต้องใช้สมาธิบ้างบางช่วง

อย่างเช่น คุณลุงที่มักจะขับรถเข้ามาในป่าแห่งนี้ ดูจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับป่าเรื่องนี้มากมายทีเดียว แล้วหนังก็กระโดดไปเล่าเรื่องสองพี่น้องที่อาศัยอยู่กับคุณย่าในบ้านหลังหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะไปช่วยขนของที่บ้านอีกหลังหนึ่ง ทีแรกนั้น เราก็ไม่รู้เลยว่า คุณลุงจะเกี่ยวข้องกับพี่น้องคู่นี้ยังไง แต่ดูไปเรื่อยๆ ก็จะรู้เองครับ หรืออย่างที่เราจะรู้จากเรื่องย่อว่า พวกวัยรุ่นจะต้องเข้าป่าฆ่าตัวตายไปเพื่อหาทางลบล้างคำสาป แต่พาเข้าไปแล้ว หนังก็หันไปเล่าเรื่องอื่น กว่าเขาจะวกกลับมาอีกที ได้แต่รำพึงในใจ อ้อ พวกเขายังอยู่ในป่า เป็นต้น

แต่ก็นั่นแหละ ด้วยการเล่าเรื่องที่เล่นท่ายากหรืออะไรก็ไม่ทราบ บางทีก็บอกยากว่าตอนนี้เขาจะเน้นไปที่ตัวละครตัวไหน ทิ้งข้อมูลตามรายทางไปเรื่อยเปื่อย เล่าสลับไปสลับมา ตัวนั้นที ตัวนี้ที อาจจะมีขัดใจกันบ้างก็คงจะไม่แปลก

และเช่นกัน พอมีเรื่องกล่องดำเข้ามา คนดูอย่างเราก็จะสงสัยว่า แล้วกล่องมันเกี่ยวกับป่าฆ่าตัวตายนี้อย่างไร กว่าจะไปถึงตรงนั้น เรียกได้ว่าต้องใจเย็นกันพอสมควรในการติดตามเรื่อง

แต่ต้องยอมรับว่า เขาเก่งในการสร้างบรรยากาศ สีทึมๆ ดนตรีประกอบชวนตื่นตระหนก และบางคราว สิ่งที่ไม่คาดฝันก็จะเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน เล่นเอาหัวใจเกือบวายไปก็มี หลายฉากทำได้น่ากลัว ระหว่างดูยังรู้สึกได้ว่าตัวเองขนลุกไปด้วย ทั้งๆ ที่ปกติก็ไม่ใช่คนที่กลัวผีในหนังสักเท่าไหร่

ช่วงหลังเหมือนว่า เรื่องราวจะเริ่มอัดแน่นมากขึ้น แต่ก็ดูเหมือนบางช็อตชวนรู้สึกว่า “ไปทางนี้ก็ได้เหรอะวะ? เอาก็เอา!” มันมีความไหลเรื่อยของบทจนรู้สึกได้ แม้ในระหว่างนั้น อีกอย่างที่คิดคือ เหมือนเป็นงานโชว์เทคนิคพิเศษเลยแฮะ คือทำได้ดี เนียน และน่ากลัว

ใครเข้าไปดูเรื่องนี้ อย่าเพิ่งรีบลุกเพราะระหว่างเครดิตยังมีอีกฉากด้วยนะ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง