ดีใจหลายๆ ที่มีทุกคนติดตามบทความซีรี่ส์เรื่องนี้ ขออภัยที่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ไม่รู้เป็นไง หลังจากกลับจากภู รู้สึกว่าง่วงเร็วขึ้น ทำให้นอนเร็วขึ้นไปด้วย บางทีก็ต้องลุกมาเขียนตอนเช้า น่าแปลกจริงๆ
ไม่รู้ว่ามันจะแปลกไปถึงเมื่อไหร่กันนะ….
ศ.7.12.2550 | 10.48 น.
พันธมิตรทั้งเก้า ก็เดินทางมาถึงป้าย เนินส่งญาติ ของจริงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว หลายคนมองขึ้นไปก็พบกับเนินสูงชัน ที่ระดับความลาดเอียงต่างกับที่ผ่านมาอย่างชัดเจน แต่พวกเราต้องไม่ท้อ เพิ่งจะเริ่มเนินแรกเท่านั้นเอง
ผมเองก็ยังสนุกกับการถ่ายรูปอยู่ แม้ว่าจะเหนื่อยยังไงก็ตาม ผมคิดว่า การถ่ายรูป ช่วยให้ผมผ่อนคลาย และทำให้ร่างกายได้พักระหว่างทางได้อย่างดี
Olympus E-500 ของผมนี่ ให้สีที่สดใสเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้น เมื่อมารวมเข้ากับคนที่ถ่ายรูปโดยไม่ใช้หลักการใดๆ จึงทำให้ป่าออกมาเขียวสดอย่างนี้แหละครับ
การมาเที่ยว[tag]ภูสอยดาว[/tag]ในหน้าหนาว ทำให้เราพลาดที่จะได้พบกับดอกไม้พรรณไม้ที่บานสะพรั่งเช่นในหน้าฝน ทำให้ผมหาภาพดอกไม้มาฝากได้น้อยมากๆ (ว่าแต่ จะมาอีกในฤดูฝนดีมั้ยนะ ใครจะมากับเราบ้างเนี่ย? คิดในใจ)
11.11 น.
แล้วเราก็มาถึงจุดพักจุดแรก ถ่ายรูปกันเสียจนหนำใจ แล้วก็เดินทางต่อ มองไปที่ป้าย เหลือระยะทางอีก 5.1 กม. สู้ๆ แต่ส้มชักจะไม่ไหว เริ่มต้องการพี่เลี้ยง ครั้งนี้ เลยมีวองผู้อารีคอยเป็นพี่เลี้ยงให้
ระหว่างทางก็พบกับเจ้าต้นนี้ มันคืออะไรกันหนอ แทงหน่อออกมาจากพื้นดิน แล้วก็กลายเป็นเจ้าลูกๆ พวกนี้เลย ใครบอกได้ ช่วยบอกที
เนินส่งญาตินี่ชันจริงๆ เล่นเอาเหนื่อยหอบไปตามๆ กัน แต่นี่เพิ่งเนินแรก ยังพอมีกำลังใจสู้ต่อ ขากลับถึงได้มารู้ว่า ตอนลงเนี่ย เนินส่งญาติจะยากและเหนื่อยสุดๆ มากกว่าเนินใดๆ อีก จริงๆ นะ
11.49 น.
การเดินของพวกเรา ออกจะช้าไปนิดหน่อย เนื่องจากทุกคนเดินรอส้ม ที่แบกน้ำหนักตัวมากกว่าเพื่อนในการพาตัวเองหนีแรงโน้มถ่วง ความเป็นจริงแล้ว “ใจ” เท่านั้น ที่จะพาพวกเราสู่จุดหมาย ขนาดไม่เคยออกกำลังกายเลยสักวัน ก็ยังขึ้นภูได้โดยไม่เป็นอะไรสักนิด
มาถึงแล้ว เนินถัดมา เนินปราบเซียน เหลือระยะ 4.8 กม. เราใช้เวลาไปแล้ว 2 ชั่วโมง แต่เดินผ่านมาได้ แค่ น้ำตกภูสอยดาว กับ เนินส่งญาติเท่านั้น หลายคนเริ่มมีไม้เท้าประจำตัว ทำให้เริ่มคิดกันแล้วว่า ต้องกินข้าวที่แบกๆ กันมาแล้วละ เพราะใกล้เที่ยงเต็มที…
ภาพแรก คือภาพที่ถ่ายจากด้านล่างมองขึ้นไป พบกับขั้นบันไดที่ค่อนข้างชัน อีกภาพ มองลงมา เห็นวองกับส้มที่อ่อนล้า
ในที่สุด เราก็มาพักที่ขอนไม้ใหญ่ เพื่อกินข้าวเที่ยงกันกลางทางของเนินปราบเซียนนี่เอง
ดูสีหน้าของแต่ละคนสิครับ
————————————-
ระหว่างพักกินข้าว ของดถ่ายรูปครับ แล้วไปเจอกันใหม่ในตอนหน้าก็แล้วกันครับผม
แบบนี้ต้องมาเจอกันที่ภูกระดึงนะครับ เอิ๊กๆจะได้เหนื่อยจนขาลาก
กลางทางเริ่มแก่ตัว มีไม้เท้ายันกันแล้ว
ถ้าผ่านภูสอยดาวแล้ว ภูกระดึงก็สบายมากครับ เหอๆ
ถ้าผ่านภูสอยดาวแล้ว ภูกระดึงก็สบายมากครับ เหอๆ
แท่งน้อยๆ นั้นเรีกว่าบุก
ตอนก่อนเป็นแบบนี้มันจะดอกสีม่วงใหญ่มากติดกับดิน ชาวบ้านเรียกบุกคางคก เหม็นมาก พอมันบานเสร็จ มันจะค่อยๆ สูงขึ้นเหนือดินแบบนั้น เขาจะเรียกบุกเกียง มันคล้ายตะเกียง (เรียกตามภาษาใต้นะครับ) เจ้าบุกเกียงเอามาย่างไฟกินกับน้ำพริกก็อร่อย แต่ปกตินกจะมากิน เขาจะเอาไปใช้ทำแร้วดักนก
แท่งน้อยๆ นั้นเรีกว่าบุก
ตอนก่อนเป็นแบบนี้มันจะดอกสีม่วงใหญ่มากติดกับดิน ชาวบ้านเรียกบุกคางคก เหม็นมาก พอมันบานเสร็จ มันจะค่อยๆ สูงขึ้นเหนือดินแบบนั้น เขาจะเรียกบุกเกียง มันคล้ายตะเกียง (เรียกตามภาษาใต้นะครับ) เจ้าบุกเกียงเอามาย่างไฟกินกับน้ำพริกก็อร่อย แต่ปกตินกจะมากิน เขาจะเอาไปใช้ทำแร้วดักนก
ชอบ Oly เช่นกันค่ะ ชอบสีสันของภาพที่ได้จากกล้องยี่ห้อนี้ จนทำให้ติดใจ ซื้อกล้องใหม่ก็ยังเป็น Oly อยู่
อีกอย่าง ชอบเดินไป ถ่ายรูปไปเช่นกัน ช่วยให้เราเหมือนพักไปกลายๆนะ
ชอบ Oly เช่นกันค่ะ ชอบสีสันของภาพที่ได้จากกล้องยี่ห้อนี้ จนทำให้ติดใจ ซื้อกล้องใหม่ก็ยังเป็น Oly อยู่
อีกอย่าง ชอบเดินไป ถ่ายรูปไปเช่นกัน ช่วยให้เราเหมือนพักไปกลายๆนะ