ภาพยนตร์

รีวิวหนัง Son of Saul ซัน ออฟ ซอล | ตีแผ่ความเลวร้ายในค่ายกักกัน

หนังฮังการีที่ขึ้นไปผงาดเข้าชิงรางวัลออสการ์

หลังคว้ารางวัลเกียรติยศอันดับสองหรือ Grand Prix ในเทศกาลหนังเมืองคานส์มาแล้ว ‘Son of Saul ก็ประกาศศักดาด้วยการเข้าชิงสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ครั้งที่ 88 เรื่องราวความเลวร้ายของค่ายกักกันชาวยิวที่ปรากฏบนแผ่นฟิล์ม

Son of Saul ซัน ออฟ ซอล
ภาพจากหนัง ‘ซัน ออฟ ซอล’

จะว่าไป หนังต่างประเทศที่ได้เข้าชิงออสการ์นี่เป็นอะไรที่หาดูในโรงหนังบ้านเรายากหน่อยนะ ส่วนใหญ่เรามักจะได้ดูหนังอเมริกันที่มีชื่อเข้าชิงเสียมากกว่า นั่นเพราะหนังต่างประเทศที่ไม่ใช่หนังฮอลลีวูด ไม่ใช่หนังเกาหลีญี่ปุ่นจีน มักจะมีโอกาสน้อยที่จะได้เข้าประเทศ โดยเฉพาะยิ่งเป็นหนังรางวัลนี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย

ที่เราจะได้ชมกัน ณ บัดนี้…


เรื่องย่อหนัง ‘Son of Saul’

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ค่ายกักกันในค่ายเอาชวิทซ์ ซอล ออสแลนเดอร์ (Géza Röhrig) คือนักโทษชายชาวฮังกาเรียน-ยิวที่ทำงานอยู่ที่นั่น ดูเหมือนเขาจะมีสังกัด มีพี่ใหญ่เป็นของตัวเอง ได้พบเห็นการขนนักโทษชายหญิงมาแล้วก็ฆ่าทิ้งด้วยการรมควัน เขาทำงานทุกอย่าง ทั้งขนศพ ทำความสะอาด และแม้กระทั่งตักขี้เถ้าทิ้งลงน้ำ

ตัวอย่างหนัง ‘ซัน ออฟ ซอล’

ไม่มีใครอยากอยู่เป็นนักโทษที่ไร้อิสรภาพเฉกเช่นนี้หรอก เพราะสำเหนียกได้ว่าวันหนึ่งก็อาจต้องลงเอยกลายเป็นศพเหมือนกับคนอื่นๆ แต่ภารกิจของการเอาชีวิตออกจากที่นั่นกลับพันพัวอยู่กับเหตุการณ์ใหม่ที่เขากำลังสร้างขึ้นมาเอง นั่นคือ การที่เขาพบว่าลูกชายของตัวเองกลายเป็นศพหนึ่งในนั้น และเขาปรารถนาที่จะจัดการศพด้วยการฝังและมีแรบไบมาสวดให้มันถูกต้องตามพิธีการ

แต่เขาจะหาได้อย่างในสถานกักกันแห่งนี้


รีวิวหนัง ‘Son of Saul’

ดูๆ ไปแล้ว หนังเรื่องนี้ไม่ได้เน้นคนกลุ่มใหญ่แต่อย่างใด เพราะคนชอบดูหนังสงครามนั้นเป็นส่วนน้อย นี่ไม่ใช่หนังเพื่อความบันเทิง เพราะดูแล้วไม่ได้บันเทิงเริงใจใดๆ นอกจากความขึงขัง น่าอึดอัด และกดดัน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างนั้นจวบจนหนังจบลง

ใช้งานภาพ สร้างความรู้สึกกดดัน

หนังถ่ายทำด้วยการใช้ภาพขนาดไม่ปกติสำหรับหนังในยุคสมัยปัจจุบัน สัดส่วนภาพ 1.37 : 1 นั้นนับว่าพบเห็นไม่บ่อยนัก แต่พอเข้าใจว่าทำไม ผกก. จึงเลือกจะใช้ภาพแบบนั้น (แถมยังเป็นภาพแบบขอบมนเสียด้วยสิ) มันทำให้เราเห็นเพียงมุมแคบ จำกัดการมองเห็นแค่ตัวพระเอกกับพื้นหลังอีกนิดหน่อย… เท่านั้น

เมื่อประกอบการดำเนินเรื่องที่ไร้ซึ่งเสียงดนตรีประกอบ มีแต่เสียงเรื่องราวรอบด้านที่อึงอลอยู่ และเราก็ไม่ได้รู้ข้อมูลมากไปกว่านั้น มุมมองการถ่ายเหมือนจะตั้งใจให้เราเป็นคนๆ หนึ่งที่เดินตามตัวเอก “ซอล” ไปตลอดเวลา ด้วยลักษณะของการถ่ายแบบแฮนด์เฮลด์และลองเทค ภาพสั่นไหวไปตามการกระทำของตัวเอก ยิ่งทำให้ทุกสิ่งดูเหมือนเป็นเหตุการณ์จริง หรือพูดง่ายๆ ว่า

“มันเรียลมาก”

แต่ด้วยการใช้ภาพและการเล่าเรื่องแบบนี้ก็มีข้อเสียอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะเมื่อเวลาผ่านไปๆ อาจทำให้คนดูบางส่วนเกิดอาการหาวได้บ้าง ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

โปสเตอร์ Son of Saul ซัน ออฟ ซอล เวอร์ชั่นเกาหลี
โปสเตอร์หนัง ‘ซัน ออฟ ซอล’

นำเสนอแง่มุมร้ายๆ ของสงคราม แต่บางคำถามยังค้างคา

ด้วยวิธีการเล่าของหนังนี่แหละ ที่ทำให้เราพบว่า บางคำถามจะยังคงไม่มีคำตอบเมื่อหนังจบลง เพราะหนังจะได้แต่เดินตามพระเอกต้อยๆ ไปเจอกับทุกสิ่งที่เขากระทำ แต่ไม่ได้อธิบายบอกเล่าอะไรเสียทุกอย่าง สิ่งที่คนดูจะทำได้คือ การเดินตามพระเอกไปทุกที่ เฝ้าดูว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันจะไปได้ไกลแค่ไหน มันจะสำเร็จหรือไม่ ประมาณนั้น

เป็นธรรมดาของหนังสงครามที่มักนำเสนอแง่มุมร้ายๆ ออกมา แต่หนังเรื่องนี้แสดงให้คนดูรู้สึกเหมือนได้ไปอยู่ในเหตุการณ์จริง ซึ่งมันจะเครียดและกดดันกว่าการเป็นแค่ผู้ดู น่าทึ่งยิ่งกว่าคือนี่มันเป็นการกำกับหนังยาวครั้งแรกของ László Nemes ผกก. ชาวฮังกาเรียน ซึ่งเขาทำมันออกมาได้ดีมาก

ตัวประกอบมากมาย ต้องแสดงด้วยการแก้ผ้าและนอนตายไร้ชีวิต ถูกกองถมทับกันอย่างไร้ค่าทั้งก็มีคุณค่าเท่ากับชีวิตหนึ่งของคนอื่นๆ แต่เพราะสงครามมันแบ่งแยกคนต่างเชื้อชาติให้กลายชีวิตที่ไม่เท่าเทียม ไม่ใครก็ใครก็คงจะหวังจะหนีออกไปสู่ที่ที่มีอิสรภาพกว่า

แต่สิ่งที่ซอลเป็นมันมีมากกว่านั้น…

Son of Saul ซัน ออฟ ซอล
ภาพจากหนัง ‘ซัน ออฟ ซอล’

เด็กคนนั้นที่เขาอ้างว่าเป็นลูก ทำให้เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะจัดการศพอย่างถูกต้อง เขาตั้งหน้าตั้งตาที่จะค้นหาแรบไบ และฝังศพลูกชายทั้งๆ ที่อยู่ในภาวะสงครามและอยู่ในค่ายกักกัน ซึ่งมันขัดขวางต่อภารกิจการแหกค่ายหนีตายอยู่พอสมควร ซึ่งเมื่อดูๆ ไป เหมือนหนังกำลังบอกเราถึง “สัญญะ” อะไรบางอย่างเกี่ยวกับสงครามและความรุนแรง

เมื่อดูไปถึงท้ายเรื่องยิ่งมั่นใจว่ามันใช่แน่


ชื่อภาพยนตร์: Saul fia / Son of Saul
ผู้กำกับภาพยนตร์: László Nemes/ลาสโล เนเมช
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: László Nemes, Clara Royer
นักแสดงนำ: Géza Röhrig, Levente Molnár, Urs Rechn, Todd Charmont, Sándor Zsótér
ความยาว: 107 นาที
แนว/ประเภท: Drama, History, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 1.37 : 1
เรท: ไทย/ท, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย:
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Laokoon Filmgroup, Hungarian National Film Fund

ซัน ออฟ ซอล

Son of Saul - 9

9

Son of Saul

ด้วยวิธีการเล่าของหนังนี่แหละ ที่ทำให้เราพบว่า บางคำถามจะยังคงไม่มีคำตอบเมื่อหนังจบลง เพราะหนังจะได้แต่เดินตามพระเอกต้อยๆ ไปเจอกับทุกสิ่งที่เขากระทำ แต่ไม่ได้อธิบายบอกเล่าอะไรเสียทุกอย่าง สิ่งที่คนดูจะทำได้คือ การเดินตามพระเอกไปทุกที่ เฝ้าดูว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันจะไปได้ไกลแค่ไหน มันจะสำเร็จหรือไม่ ประมาณนั้น

User Rating: Be the first one !

PatSonic

บล็อกเกอร์ผู้ชอบดูหนังหลากแนว ฟังเพลงหลายสไตล์ มีเวลาว่างก็จะออกไปท่องเที่ยว บางเวลาก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน หยิบซีรีส์ขึ้นมาดู แล้วก็จะหยิบมาเขียนให้ทุกคนได้อ่านกัน
Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save

Adblock Detected

เนื่องจากบล็อกนี้อยู่ได้ด้วยความเอื้อเฟื้อผู้เยี่ยมชม รบกวนไม่ใช้ Ad Blocker เพื่อการเยี่ยมชมที่สมูธครับ