ทั้งหมดที่คุณจะรู้ เกี่ยวกับหนัง Pacific Rim เรื่องนี้

ภาพยนตร์ที่สร้างจากความคิดฝันของ กิลเลอร์โม เดล โตโร ผู้วาดภาพแผนผังของมันไว้ตั้งแต่เด็ก

ปฏิเสธอะไรก็อาจปฏิเสธได้ แต่จะปฏิเสธใจตัวเองคงไม่ไหว จึงต้องบอกกันไปตามตรงว่า อยากดูเหลือเกินนะ กับ ‘Pacific Rim’ ภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟมันระเบิดของสงครามแห่งมวลมนุษยชาติที่ต้องทำกับเหล่าเอเลี่ยนขนาดยักษ์ที่มาแฝงตัวบนใต้ผืนน้ำของโลกเรานานมาแล้ว ไม่รู้หรอกว่า มันมาเอาตอนไหน และมีจุดมุ่งหมายอย่างไร แต่เห็นคลิปต่างๆ ที่ออกมาเป็นโหลๆ ก็ยิ่งทำให้อยากดูไวๆ ก่อนจะได้ไปดู อ่านบทความด้านล่างนี้ไปก่อน ยาวมาก จนไม่คิดว่าจะมีใครอ่านจบ …จริงๆ นะ

Pacific Rim - แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก
ภาพจากหนัง ‘แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก’

เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก กิลเลอร์โม เดล โตโร วาดรูปสัตว์ประหลาดและหุ่นยนต์ไว้ในสมุดโน้ต ภายในเครื่องจักรขนาดยักษ์ เขาวาดแผนผังภาพตัดแสดงให้เห็นว่าคนขับหุ่นยนต์นอนตรงไหน ทำอาหารตรงไหน ติดต่อสื่อสาร และควบคุมหุ่นยนต์ตรงไหน ระบบลำเลียงและกลไกการทำงานของสิ่งมีชีวิตและเครื่องจักรที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้นี้ จะสอบผ่านในสายตาเขาก็ต่อเมื่อมันตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงที่น่าเชื่อถือ เมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาก็ยังคงวาดรูปหุ่นยนต์และสัตว์ประหลาดในสมุดโน้ตอยู่ เพียงแต่ว่าผู้ชมที่ร่วมรับรู้ความเป็นจริงที่เขาสร้างขึ้นนั้นกลับขยายวงกว้างกว่าเดิม

หลังมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์สยองขวัญกอธิกที่ให้สัมผัสลึกซึ้งละเมียดละไมอย่าง ‘The Devil’s Backbone’ ภาพยนตร์รางวัลออสการ์ ‘Pan’s Labyrinth’ และภาพยนตร์ในซีรี่ส์ ‘Hellboy’ เดล โตโร ได้ก้าวเข้าสู่โลกใหม่แห่งการสร้างสรรค์กับ ‘Pacific Rim’ โดย Warner Bros. Pictures และ Legendary Pictures ภาพยนตร์ผจญภัยไซไฟเรื่องนี้เผยเรื่องราวในอนาคตอีกไม่นานนัก

เมื่อมนุษยชาติต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดจากโลกอื่นซึ่งปรากฏตัวจากรอยแยกใต้ก้นมหาสมุทร (ที่เรียกว่า “the breach”) เพื่อโจมตีชายฝั่งทั่วโลกจากอลาสก้าจนถึงเม็กซิโกและจากญี่ปุ่นไล่มาจนถึงออสเตรเลีย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการดับสูญที่ใกล้เข้ามา มนุษยชาติจึงรวมตัวกันเพื่อสร้าง เยเกอร์ หุ่นยนต์ยักษ์ซึ่งสั่งงานโดยนักขับที่มีประสาทเชื่อมถึงกัน หุ่นยนต์เหล่านี้เข้าต่อสู้ตัวต่อตัวกับสัตว์ประหลาด หรือ ไคจู ในสงครามหฤโหดที่ทำลายล้างบ้านเมืองและนำเสนอความตระการตาทางภาพยนตร์ตามแบบฉบับหนังช่วงซัมเมอร์ สัตว์ประหลาดจากฝันร้ายจะไม่หลบอยู่ตามหัวมุมหรือใต้เตียงนอนอีกต่อไป คราวนี้พวกมันยืนสูงตระหง่านอยู่เหนือเรานับหลายร้อยฟุตและเห็นได้จากที่ห่างไกลออกไปหลายๆ ไมล์

คำโปรยของภาพยนตร์เรื่องนี้สรุปรวบยอดแนวคิดทั้งหมด “เพื่อต่อสู้ปีศาจร้าย เราสร้างปีศาจขึ้นมา”

‘Oversized Robot Sets’ Featurette

ที่สตูดิโอไพน์วู้ดในโตรอนโตใกล้ชายฝั่งแคนาดา แม้อากาศจะหนาวจับขั้วหัวใจ แต่ความอบอุ่นก็แผ่ออกมาจากกองถ่าย ‘Pacific Rim’ ผู้กำกับซึ่งโดดเด่นด้านการเสนอความน่าอัศจรรย์ แสดงความกระตือรือร้นเต็มที่ขณะร่ายถึงของเล่นสุดเจ๋งเท่าที่ผู้กำกับคนหนึ่งจะนึกฝันได้ ไม่ว่าในฐานะเด็กที่ขีดเขียนรูปอยู่ในสมุด หรือในฐานะผู้กำกับระดับโลกที่สร้างสรรค์ภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ก็ตาม

“ผมอยากนำเสนอสิ่งที่ผมรักตอนเป็นเด็กผ่านมุมมองของผู้ใหญ่” เดล โตโรอธิบายในช่วงพักระหว่างฉาก “ผมต้องการนำสัตว์ประหลาดพวกนี้มาทำให้เป็นสิ่งซึ่งคุณไม่อาจต่อรองได้ ไม่อาจเจรจาได้ หรือไม่อาจทำลายได้ นอกเสียจากคุณเข้าไปในหุ่นยนต์และเผชิญหน้ากับมัน”

ภาพจากหนัง ‘แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก’

เพื่อนำวิสัยทัศน์ของเดล โตโร มาสร้างให้ยิ่งใหญ่สมจริง ทีมงานต้องใช้โรงถ่ายทั้งแปดโรงของไพน์วู้ด ในโรงถ่ายที่มีชื่อว่าโรงถ่ายจัมโบ้นี้ เดล โตโร รวมถึงนักแสดงและทีมงานกำลังถ่ายทำซีน C276 ในฉากที่ใช้เทคโนโลยีซับซ้อนซึ่งมีชื่อว่าล็อคเซนต์ หรือฐานปฏิบัติการของกองกำลังเยเกอร์ในฮ่องกง พร้อมด้วยแผงคอมพิวเตอร์ซึ่งด้านบนเป็นหน้าจอขนาดใหญ่แสดงแผนที่ จอเรดาร์ และข้อมูลทางเทคนิค เหนือขึ้นไปเป็นนาฬิกาดิจิตัลนับถอยหลังเวลาที่ไคจูจะโจมตีครั้งต่อไป

นักขับเยเกอร์ซึ่งสวมชุดเต็มยศและทีมงานสนับสนุนทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่หน้าสแต็กเคอร์ เพนเทคอสต์ ซึ่งรับบทโดย ไอดริส เอลบ้า ซึ่งสวมชุดสีเทาเข้มเรียบกริบ ฉากที่ถ่ายทำกันวันนี้เป็นปฏิบัติการขั้นวิกฤติแบบเต็มกำลัง เนื่องจากมีการพบไคจู “หมวดสี่” สองตัวอยู่นอกชายฝั่งฮ่องกง และเพนเทคอสต์ต้องตัดสินใจว่าจะเสี่ยงใช้เยเกอร์ที่เหลืออยู่ในการปะทะกับสัตวร้ายขนาดมหึมาโดยแทบไม่มีโอกาสชนะเลย หรือจะยอมเสียเมืองนี้ไป เดล โตโร เดินแทรกผ่านผู้คน ให้แนวทางแก่นักแสดงในนาทีสุดท้าย ก่อนส่งสัญญาณให้ทีมงานว่าเขาพร้อมถ่ายทำแล้ว
“แอ็คชั่น!”

“ออกคำสั่งอพยพ” เพนเทคอสต์พูด “ปิดท่าเรือและสะพานทุกแห่ง ให้พลเมืองทุกคนออกจากพื้นที่ เดี๋ยวนี้เลย”

ชาร์ลี ฮันแนม และ ริงโกะ คิคูชิ ในบท เรลีห์ เบคเก็ต และ มาโกะ โมริ ทีมเยเกอร์ผู้เสนอตัวเข้ารับหน้าที่ เดินแหวกผ่านฝูงชนมายังเบื้องหน้าพร้อมกล้องสเตดีแคมเคลื่อนตามหลัง ขณะยืนชนไหล่กับนักขับหุ่นยนต์ผู้ช่ำชอง ไม่ว่าจะเป็นทีมรัสเซียผู้น่าเกรงขามประจำหุ่น เชอร์โน อัลฟา ทีมเว่ยตันแคลน ซึ่งเป็นทีมสามคนจากจีนที่ควบคุมหุ่น คริมซัน ไทฟูน และทีมออสเตรเลียผู้เก่งกาจดุดันที่ขับหุ่น สไตรเกอร์ ยูเรก้า เรลีห์เชื่อว่าเขาและมาโกะพร้อมแล้วที่จะสวมชุดสูทและควบคุมเยเกอร์ที่ชื่อ ยิปซี แดนเจอร์ ซึ่งผ่านการปรับปรุงใหม่ โดยก่อนหน้านั้นเรลีห์ได้เห็นพี่ชายของตัวเองซึ่งเป็นผู้ขับหุ่นนี้ร่วมกันเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ กระนั้นเพนเทคอสต์และนักขับเยเกอร์คนอื่นๆ ก็ยังคงไม่ค่อยวางใจ

“คัต…”

‘Jaeger: Mech Warriors’ Featurette

‘Pacific Rim’ ถือกำเนิดขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนบท ทราวิส บีแชม (‘Clash of the Titans’) เขาเสนอแนวคิดนี้ให้ โธมัส ทัลล์ และ จอน แจชนี จาก Legendary Pictures ซึ่งกำลังอำนวยการสร้างหนังร่วมกับเดล โตโร และผู้อำนวยการสร้างมากประสบการณ์ แมรี่ แพเร็นต์ ไม่ต้องใช้เวลานานเลยพวกเขาก็สรุปได้ว่าใครคือผู้กำกับเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถวางใจให้นำเรื่องราวนี้มาสานต่อ

“ในแง่ขอบเขตงาน ทั้งขนาดของหนัง รวมถึงโลกที่จะสร้างสรรค์และวาดภาพลงไป ผมมองว่า Pacific Rim เป็นหนังเรื่องใหญ่ที่สุดเท่าที่กิลเลอร์โมเคยทำมา”

โธมัส ทัลล์ กล่าวจากห้องทำงานในไพน์วู้ด

“แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นอีกอย่างหนึ่งตัวละครชั้นเยี่ยมในหนังเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องราวที่มีหัวจิตหัวใจ เป็นการรวมตัวกันของมนุษยชาติจากหลากหลายวัฒนธรรมเพื่อต่อสู้กับศัตรูตัวเดียวกัน แต่มันได้กลั่นออกมาเป็นคนกลุ่มเล็กๆ ที่ประจำการอยู่ในฮ่องกง และการเสียสละของพวกเขาเพื่อกู้โลกใบนี้เอาไว้ สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นไม่ใช่แค่ความตระการตาของหนัง แต่เป็นตัวละครที่มีเรื่องราวน่าสนใจและมีหัวจิตหัวใจจริงๆ”

ภาพจากหนัง ‘แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก’

“การนำทุกสิ่งมากลั่นให้กลายเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกและตัวละครเป็นพรสวรรค์ของกิลเลอร์โม”

จอน แจชนี เสริม

“เพราะฉะนั้นแนวคิดคือคุณมีหุ่นยนต์ยักษ์ที่จำเป็นต้องควบคุมโดยมนุษย์อย่างเราๆ และคนที่ควบคุมนั้นก็ต้องเชื่อมโยงกันทางอารมณ์โดยไม่มีอะไรมากั้นกลาง จากจุดนี้เองทำให้ตัวละครซึ่งโดยปกติไม่ได้อยู่ในหนังประเภทนี้กลับเข้ามามีส่วนร่วมได้ และอาจต้องประหลาดใจกับยานพาหนะที่ตนได้ควบคุม ความเร็วของมัน และจุดหมายปลายทางที่มันพาไป”

ตัวละคร เรลีห์ เบคเก็ต ที่ฮันแนมเล่น และตัวละคร มาโกะ โมริ ที่คิคูชิเล่น คือตัวละครสองตัวที่มีลักษณะดังกล่าว ฮันแนม ดาราจากละครทีวีเรื่องดัง ‘Sons of Anarchy’ กล่าวว่า

“เรลีห์เป็นคนหนุ่มไฟแรงที่มีความกล้าหาญ เขาทำผลงานได้ดีมากในการควบคุมเยเกอร์ร่วมกับพี่ชาย และพวกเขาก็ต้องการปกป้องมนุษยชาติให้ดีที่สุด แต่การฝ่าฝืนคำสั่งส่งผลให้พี่ชายของเขาต้องเสียชีวิต เพราะฉะนั้นการเดินทางของเรลีห์จึงเป็นกระบวนการชดใช้ความผิดพลาดร้ายแรงที่ตนได้ก่อขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป”

แจชนีเสริมว่า “เรลีห์หมกมุ่นอยู่กับความตายของพี่ชายเมื่อทั้งสองควบคุมหุ่นยิปซี แดนเจอร์รุ่นก่อนหน้า เขามีพรสวรรค์ในด้านนี้และเขาพบจุดมุ่งหมายในชีวิตแล้ว เพราะฉะนั้นคุณจึงอยากลุ้นให้เขากลับขึ้นไปบนหลังม้าได้อีกครั้ง และเพื่อที่จะทำอย่างนั้นได้ เขาจะต้องจับคู่กับหญิงสาวชื่อมาโกะซึ่งพบโศกนาฏกรรมที่เปลี่ยนแปลงชีวิตมาเช่นกัน แต่ ‘ดริฟต์’ หรือการเชื่อมโยงทางประสาทระหว่างความคิดจิตใจของนักขับ ช่วยให้ทั้งสองสร้างความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกันให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งสองต่างมีหลายสิ่งที่ต้องก้าวข้ามไปให้ได้ และหลายสิ่งที่หวังจะไขว่คว้ามาให้ได้เมื่อเรื่องราวดำเนินไป แม้ดูเหมือนว่าจุดจบของโลกใกล้จะมาถึงในไม่ช้าก็ตาม”

ภาพจากหนัง ‘แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก’

เดล โตโร มองว่าการเชื่อมโยงทางประสาทสร้างพลังขับเคลื่อนตามธรรมชาติให้แก่ความสัมพันธ์ในภาพยนตร์

“สิ่งที่น่าสนใจใน Pacific Rim คือในการขับหุ่นยนต์ คุณต้องใกล้ชิดกับคนอีกคนหนึ่งมากๆ ในทันที” เขาอธิบาย

“แทบจะเป็นความใกล้ชิดที่ถูกบังคับให้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเพื่อให้ขับหุ่นยนต์ได้ เพราะฉะนั้นนักขับต้องเป็นคนที่พิเศษมาก ต้องเป็นคนที่พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ นอกจากเป็นนักสู้ที่เก่งแล้ว เขาต้องยอมให้คนอื่นมองทะลุเห็นทั้งข้อดีและข้อด้อยได้ทันทีโดยไม่รู้สึกกระดากใจ จึงจะสามารถทำงานได้”

Pacific Rim เป็นผลงานอันน่าจับตาเมื่ออยู่ในมือผู้กำกับซึ่งเก่งในการนำแนวคิดใหญ่ๆ มาทำให้กลายเป็นเรื่องความสัมพันธ์ใกล้ตัว และโครงการนี้เกือบไม่ได้เกิดขึ้นแล้ว เช่นเดียวกับหลายกรณีในฮอลลีวู้ด ความโชคร้ายกลับนำมาซึ่งโอกาสอันดีเมื่องานเขียนของ เอช. พี. เลิฟคราฟต์ ที่เดล โตโร ฟูมฟักมานานอย่าง At the Mountains of Madness หยุดชะงักลง พอดีกับที่บทเรื่อง Pacific Rim ของบีแชมมาวางบนโต๊ะทำงานเขาพอดี ทันใดนั้นเส้นทางระหว่างผู้กำกับและงานชิ้นนี้ก็เปิดโล่ง

“ผมเข้าไปประชุมแล้วใช้เวลาแค่ห้านาที… ผมก็เห็นภาพเลย” เดล โตโรนึกย้อนกลับไป

บีแชมยินดีที่ได้โอกาสร่วมงานกับเดล โตโร

“ผมเข้ามาร่วมงานนี้พร้อมแนวคิดว่าโลกใบนี้ทำงานอย่างไร แต่นอกเหนือจากนั้นรายละเอียดทั้งหมดมาจากคำถามและการพูดคุยกัน” เขาเล่า

“กิลเลอร์โมมีไอเดียต่างๆ มากมาย เขามีความคิดเจ๋งๆ อยู่ในหัวแล้ว และเขาก็ตรงไปหามันด้วยความรักในตัวงานอย่างแท้จริง ไม่ได้มีอะไรอื่นเลยนอกจากสิ่งที่เขาอยากทำจริงๆ และเมื่อคุณเข้าไปร่วมงานกับเขาแล้วก็เหมือนคุณเล่นอยู่ในกระบะทราย เขาชอบหนังสัตว์ประหลาดเหมือนกับผม จำได้ว่าครั้งแรกที่ผมไปบ้านเขา ที่เก็บข้าวของทุกอย่างไว้ มันน่าทึ่งมาก มันเต็มไปด้วยอุปกรณ์ตกแต่งและชิ้นงานศิลปะดีๆ ของสะสมเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดทุกรูปแบบเท่าที่คุณจะจินตนาการได้เลย”

สองนักแสดงนำ จากหนัง ‘แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก’

เดล โตโรปรับปรุงบ้านของเขาซึ่งมีชื่อว่า “Bleak House” ให้ใกล้เคียงกับห้องสมุดแบบบารอคเพื่อใช้แสดงงานศิลปะ ประติมากรรม และหุ่นจำลองที่เขาสะสมมาตลอดชีวิต นอกจากนี้มันยังเป็นฐานปฏิบัติการที่ตัวเขาและทีมงานศิลปินเปลี่ยนแนวคิดในจินตนาการให้กลายเป็นวัตถุสิ่งของที่เหมือนออกมาจากฝันร้าย ก่อนเริ่มถ่ายทำ มันกลายเป็นจุดตั้งต้นของ Pacific Rim และเมื่อต้องการสร้างภาพสัตว์ประหลาดและหุ่นยนต์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด คงไม่มีที่ไหนเหมาะแก่การหว่านเมล็ดพันธุ์ยิ่งไปกว่า Bleak House โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในมือของผู้ดูแลซึ่งยกระดับความรักในสิ่งเหล่านี้ขึ้นไปอีกขั้น

การอยู่ท่ามกลางนักสร้างสรรค์ที่ชอบอะไรเหมือนๆ กัน ช่วยให้เดล โตโรได้ขัดเกลาชิ้นงานตามแบบฉบับของตนเอง

“เรื่องแรกๆ ที่ผมตัดสินใจคือผมจะไม่ทำหนังสงคราม” เขาเล่า “ผมอยากทำหนังที่เป็นหนังผจญภัย ตอนผมเป็นเด็ก ผมหลงใหลงานของ อเล็กซานเดอร์ คอร์ดา งานผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ สวยงาม เต็มอิ่ม และมีสีสันตระการตา ผมเคยฝันว่าอยากเป็นคาวบอย โจรสลัด และรัฐบุรุษ ผมอยากได้หนังแบบที่ถ้าผมดูตอนเป็นเด็ก ผมก็ต้องอยากเป็นนักขับเยเกอร์”

ด้วยการสนับสนุนเต็มที่จาก Legendary และ Warner Bros. เดล โตโร จึงสามารถหานักแสดงผู้มีความสามารถอย่างที่เขาต้องการ แทนที่จะเป็นดารายอดนิยมในช่วงเวลานั้นๆ ในส่วนเบื้องหลังนั้นก็เป็นการรวบรวมทีมงานในฝันจากผู้ร่วมงานที่เขาชื่นชอบ ซึ่งรวมถึงผู้กำกับภาพ กิลเลอร์โม นาวาร์โร ผู้ชนะรางวัลออสการ์จาก ‘Pan’s Labyrinth’ ของเดล โตโร (‘Pacific Rim’ เป็นการร่วมงานกันครั้งที่หกของทั้งสอง) ความรู้ใจกันระหว่างกิลเลอร์โมสองคนนี้เทียบได้กับความสัมพันธ์ระหว่างนักขับเยเกอร์ และการได้เห็นทั้งสองทำงานในกองถ่ายก็ชวนให้เรานึกสงสัยว่าสองคนนี้มีเครื่องเชื่อมโยงกันอยู่โดยที่เราไม่เห็นหรือเปล่า

โปสเตอร์หนัง ‘แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก’
‘Drift Space’ Featurette ซับไทย

ขณะผู้กำกับเดินแหวกผ่านฉากล็อคเซนต์ เห็นได้ชัดว่าเขามีความสุขเต็มที่และความกระตือรือร้นนั้นก็ส่งผ่านไปยังคนอื่นๆ ด้วย ความมีชีวิตชีวาเหมือนเด็กๆ แผ่ไปทั่วทีมนักแสดงและทีมงานเบื้องหลังจากพลังอันโดดเด่นของเดล โตโร ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า ‘Pacific Rim’ เป็นแนวคิดที่สร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดซึ่งนับเป็นเรื่องหายาก มันไม่ได้เป็นภาคต่อหรือการดัดแปลงมาจากสื่อประเภทอื่น ทุกคนจึงกระตือรือร้นที่จะได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา

“ผมว่าเราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ในหนังมาก่อนด้วยรายละเอียดและการนำเสนอในรูปแบบนี้” ไอดริส เอลบ้า ผู้รับบทสแต็กเคอร์ เพนเทคอสต์กล่าว เขาพูดประโยคดังจากหนังเรื่องนี้ที่บอกว่ามนุษยชาติจะ ‘ลบตำนานวันสิ้นโลก’

“เรารู้สึกได้ว่ามีการใส่ใจในรายละเอียดทุกส่วนจริงๆ”

คลิฟตัน คอลลินส์ จูเนียร์ ผู้รับบทเป็น เทนโด ชอย วิศวกรหุ่นยนต์ ก็รู้สึกเช่นเดียวกับเอลบ้า

“มันเป็นงานที่คุณไม่อยากให้จบเลย” เขายอมรับ “ผมว่านักแสดงหลายคนได้กลับไปหาจินตนาการตอนเป็นเด็ก ได้แสดงและสวมบทตัวละครที่เราถ่ายทอดและกลายเป็นคนอีกคนหนึ่ง กิลเลอร์โมก็มีทัศนคติแบบเดียวกัน มันเหมือนฝันที่เป็นจริง เขาละเอียดอ่อนในการกำกับและเข้าถึงฉากต่างๆ เขารู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไรและพิถีพิถันในการกำกับมาก แล้วเขาก็สนุกไปกับมันด้วย ผมทำงานกับผู้กำกับมามากมายในการแสดงตลอด 23 ปีที่ผ่านมา ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามากทั้งในแง่การสร้างสรรค์ แง่ส่วนตัว และแง่อื่นๆ”

Pacific Rim – ‘Within’ Spot HD

ฮันแนมกล่าวเสริมขึ้นไปอีกขั้น โดยเขาเชื่อว่าผู้กำกับรายนี้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้หุ่นยักษ์ที่อยู่บนจอ

“ผมไม่ได้สนใจหนังหุ่นยนต์กับสัตว์ประหลาดสักเท่าไหร่หรอก แต่ผมอยากทำงานในหนังของกิลเลอร์โม เดล โตโรต่างหาก”

เขาเล่าถึงบรรยากาศความสนุกและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่นักแสดง “ความงดงามในการทำหนังเรื่องนี้กับกิลเลอร์โมคือมันไม่มีการประนีประนอม มันไม่ใช่หนังเพื่อการขาย แต่เป็นกระบวนการทางศิลปะที่ซ่อนอยู่ในรูปของภาพยนตร์ทำเงินฟอร์มยักษ์ มันออกมาจากใจของเดล โตโรจริงๆ”

ฮันแนมไม่ใช่คนเดียวที่คิดอย่างนี้และไม่ใช่คนเดียวที่ปรากฏบนจอ แจชนีกล่าวว่าตัวละครสแต็กเกอร์ เพนเทคอสต์ของเอลบ้า “เป็นตัวละครตามแบบแผนของผู้นำทางทหารที่เคร่งครัดและไม่สะทกสะท้าน จะว่าไปแล้วเขาเองก็เหมือนเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ในตอนเริ่มเรื่องเขาถูกตัดความช่วยเหลือและไม่สามารถหาเงินมาสนับสนุนโครงการนี้ แต่เขาต่อสู้แบบกัดไม่ปล่อยเช่นเดียวกับเหล่านักขับเยเกอร์ แล้วพวกเขาก็มารวมตัวกันได้ที่ฮ่องกง ประกอบเยเกอร์แต่ละตัวขึ้นมาด้วยหวังว่าจะได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลังและป้องกันไม่ให้โลกถึงกาลอวสาน”

ภาพจากหนัง ‘แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก’

เมื่อสัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นและโครงการเยเกอร์เริ่มปฏิบัติการ เพนเทคอสต์ได้รับความร่วมมือจากนักสู้และทีมงานจากทั่วโลกขณะที่มนุษยชาติเตรียมการตอบโต้ รวมถึง ชาร์ลี เดย์ (Horrible Bosses) และนักแสดงชาวอังกฤษ เบิร์น กอร์แมน (‘The Dark Knight Rises’) ซึ่งมารับบทนักวิทยาศาสตร์ผู้รู้ลึกเกี่ยวกับไคจูและช่วยให้เหล่านักขับเตรียมพร้อมรับมือกับคู่ต่อสู้

นักแสดงขาประจำของเดล โตโรอย่าง รอน เพิร์ลแมน (ซึ่งเล่นร่วมกับฮันแนมใน ‘Sons of Anarchy’) รับบทเป็นแฮนนิบาล เชา ผู้เปลี่ยนการนองเลือดให้กลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ด้วยการเป็นพ่อค้าชิ้นส่วนไคจูในตลาดมืด ตัวละครที่ใช้ชีวิตอยู่บนความเสี่ยงและรู้ว่าควรกดปุ่มไหนนับเป็นบทประจำตัวของนักแสดงรายนี้ และมันต้องไม่ใช่ภาพยนตร์ภาษาอังกฤษของกิลเลอร์โม เดล โตโรแน่ๆ ถ้าขาดเพิร์ลแมนมาเล่นบทตัวโกงสักตัวหนึ่ง

“เขาโหดเหี้ยม แต่ก็ติดความหรูหราสะดวกสบาย” เพิร์ลแมนยืนยัน “เขาชอบแวดล้อมด้วยของสะสมหายากที่ลึกลับน่าค้นหา เขาเก็บของไว้ขายให้นักสะสมที่ชอบอะไรแปลกๆ เพราะตัวเขาเองก็เป็นอย่างนั้น คล้ายกับโจรสลัด เขาไม่ได้ยึดมั่นกับอะไรนอกจากความกระหายอยากของตัวเอง เขาสนใจแค่การหาความสุขใส่ตัว”

เมื่อเหล่าตัวละครที่มีสีสันทั้งหมดนี้เดินขบวนเข้าฉากในวันพุธที่แจ่มใสกลางเดือนกุมภาพันธ์ ก็อาจเหลือแต่นักแสดงผู้มีชื่อเสียงด้านการเล่นบทคนแกร่งที่จะทำให้สิ่งต่างๆ นุ่มนวลลงได้ แม็กซ์ มาร์ตินี รับบทเป็น เฮิร์ค แฮนเซน หนึ่งในนักขับเยเกอร์สุดแกร่ง (คนขับอีกคนคือลูกชายของเขาเอง ชัค เล่นโดย โรเบิร์ต คาซินสกี้) “ตัวละครของผมเจ้าอารมณ์มาก” มาร์ตินีกล่าว

“เฮิร์คมีลูกชายวัยยี่สิบต้นๆ แล้วเราก็เป็นครอบครัวที่มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป เราก็สามารถแก้ไขปัญหาและเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่ง มันเป็นเนื้อเรื่องอีกส่วนที่น่าสนใจ”

สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้คือความสมดุลระหว่างแอ็คชันที่ปรากฏบนจอกับการรับมือกับวิกฤติบนภาคพื้นดิน ตัวภาพยนตร์เจาะลึกไปยังผลกระทบที่ตามมาหลังการบุกของสัตว์ประหลาดยักษ์และเสนอภาพการทำลายล้างครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยบ่อยครั้งเกิดขึ้นในสภาพฝนตกหนัก ดังนั้นนักออกแบบงานสร้าง แครอล สไปเออร์ และแอนดรูว์ เนสโครอมนี จึงต้องรับภารกิจหนัก ฉากใหญ่โตมโหฬารอย่างท้องถนนในฮ่องกงที่ถูกทำลายราบเป็นหน้ากลองในโรงถ่าย 4 ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับฉากคอนน์-พ็อดที่มีความละเอียดลออและเป็นห้องที่นักขับควบคุมเยเกอร์ผ่าน “การเชื่อมโยงทางระบบประสาท”

โปสเตอร์หนัง ‘แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก’

ทัลล์ระบุว่า “สิ่งหนึ่งที่กิลเลอร์โมพูดไว้แต่แรกคือคอนน์-พ็อดจะต้องใช้งานได้จริง นักแสดงต้องรู้สึกได้ว่าการอยู่ในเยเกอร์และตอบสนองซึ่งกันและกันนั้นเป็นอย่างไร พูดแค่นี้ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลยเมื่อคุณเดินเข้าไปในโรงถ่ายที่โตรอนโตแล้วเห็นแท่นหมุนขนาดยักษ์ที่ทีมงานสร้างขึ้นมา นักแสดงต้องปีนขึ้นไปบนนั้นจริงๆ แล้วมันก็เคลื่อนไหวและขยับไปมาได้ ผมคิดว่ามันสร้างความสมจริงขึ้นอีกระดับหนึ่งเลยในแง่การแสดง”

การได้เห็นนักแสดงสองคนเชื่อมโยงเข้าด้วยกันโดยยืนสวมชุดสูทที่มีกลไกขนาดใหญ่และซับซ้อนบนแท่นหมุน แล้วนึกถึงความพยายามและเทคนิคที่ต้องใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เช่นนี้ออกมา ช่วยให้เราได้เข้าถึงสมดุลอันละเอียดอ่อนในการเชื่อมโยงวิสัยทัศน์กับผลลัพธ์ที่ปรากฏ มีความใส่ใจในรายละเอียดอย่างน่าทึ่งแม้กระทั่งส่วนเล็กที่สุดในกระบวนการทำงานของเยเกอร์

Under Attack Featurette HD

แม้ซีจีไอเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องอยู่มากในการสร้างฉากภายในเยเกอร์ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา แต่ความพยายามเต็มที่ในแง่กลไกและวิศวกรรมในตัวฉากจริงก็นำไปสู่ท่วงท่าอันเข้มแข็งสง่างาม ขณะที่นักแสดงสองคนเคลื่อนไหวในการต่อสู้ผ่านเครื่องจักรขนาดใหญ่โดยแขวนตัวอยู่กับเครื่องรั้ง เวทมนตร์ของภาพยนตร์นี้เป็นผลจากการใช้กำลังกายอย่างหนักหน่วง มันไม่ใช่งานง่ายแม้กับนักแสดงที่มีชื่อเสียงจากฉากแอ็คชั่นบนมอเตอร์ไซค์และฉากต่อสู้

“เมื่อวานเราอยู่ในคอนน์-พ็อดและมันเป็นวันที่สาหัสมาก” ฮันแนมเล่า “เราถูกเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวาตลอดเวลา”

ภาพจากหนัง ‘แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก’

ฮันแนมจับคู่กับดาราญี่ปุ่น ริงโกะ คิคูชิในคอนน์-พ็อดของยิปซีแดนเจอร์ หนึ่งในสี่เยเกอร์หลักจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ตลอดซีเควนซ์นั้น ทั้งคู่ต้องรับผลจากการอยู่ในชุดสูทหนักๆ เป็นเวลานาน แต่เสียงจากหูฟังก็ช่วยให้พวกเขาสนุกอยู่ตลอดเวลา

“กิลเลอร์โมกับผมคุยกัน บอกเล่าสิ่งต่างๆ ผ่านไมโครโฟนกันตลอดเวลา และเราอยู่ในหมวกนั้นด้วยกันตลอดทั้งวัน” ฮันแนมเล่า “แล้วเราก็หลุดโลกกันสุดๆ ทีมงานยืนอยู่รอบๆ รอให้เราเรียกสติกลับมาเหมือนเดิมหลังจากหัวเราะกันเป็นบ้าเป็นหลัง”

นักแสดงเพียงคนเดียวที่ผ่านการทดสอบในคอนน์-พ็อดด้วยความสำเร็จดีเยี่ยมก็คือคิคูชิ ผู้กลายเป็นที่สนใจในวงการภาพยนตร์อเมริกัน เมื่อบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง Babel ของ อเลคานโดร กอนซาเลช อินาร์ริตู ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์

“ฉันฝึกฝนนานหลายเดือน เหมือนฝึกในค่ายทหารเลย ทั้งยกน้ำหนัก ว่ายน้ำ และวิ่ง” เธอกล่าว “มันหนักมาก ฉันไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อน แต่ว่ากันตามตรงแล้วฉันรู้สึกได้เลยว่าตัวเองมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ แล้วมันก็สนุกด้วย ฉันชอบความท้าทายอยู่แล้ว”

‘Destroy All Kaiju’ Featurette HD

ฮันแนมกล่าวชื่นชมว่า “เธอเยี่ยมมาก เธอมีจิตใจที่แข็งแกร่งจริงๆ ผมรู้สึกโชคดีมากที่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับเธอ เธอกล้าหาญ ผมแทบนึกไม่ออกเลยว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง ทั้งเรียนภาษาอังกฤษและพุ่งสมาธิไปยังความรับผิดชอบทั้งหมดที่เราต้องแบกรับในหนังเรื่องนี้”

อุปสรรคทางภาษาและเชื้อชาติมลายหายไปเมื่อต้องเผชิญกับศัตรูร่วมกันอย่างไคจู มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่โตมโหฬาร ดุร้าย และไม่ปราณีใครทั้งสิ้น เยเกอร์ทั้งสี่ตัวเป็นตัวแทนของประเทศต่างๆ ที่มารวมตัวกันต่อสู้กับภัยคุกคามจากอสูรร้ายตัวนี้ ยิปซี แดนเจอร์เป็นตัวแทนของสหรัฐอเมริกา คริมซัน ไทฟูนเป็นของจีน แล้วก็มีหุ่นสไตรเกอร์ ยูเรก้าของออสเตรเลีย และเชอร์โน อัลฟาของรัสเซีย

โปสเตอร์หนัง ‘แปซิฟิค ริม’

ผู้อำนวยการสร้างแมรี่ แพเร็นต์ ให้ความเห็นว่า ‘แปซิฟิค ริม’ แตกต่างในแง่การมองปมขัดแย้งระดับโลก

“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันคิดว่ากิลเลอร์โมทำได้ดีมาก เรื่องของการนำโลกทั้งโลกมาร่วมมือกัน” เธอกล่าว “ไม่ใช่ว่า ‘อเมริกามาแล้ว’ เหมือนแต่ก่อน แต่เป็นทุกๆ คนมารวมตัวกัน นี่คือสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นเมื่อเราต้องเผชิญกับภัยคุกคามแบบนี้ มันสมเหตุสมผล คุณลองนึกว่ามีตัวเหล่านี้บุกเข้ามาจริงๆ อาวุธธรรมดาที่เรามีก็คงใช้การอะไรไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลแท้จริงที่ทำให้ต้องมีหุ่นยนต์พวกนี้”

“มันไม่ใช่ว่ามีประเทศอยู่ประเทศเดียวที่คอยปกป้องโลก และถ้าคุณไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศนั้น คุณก็ไม่ต้องมาอยู่ที่นี่” ผู้กำกับอธิบาย

“ผมต้องการหนังที่แสดงให้เห็นว่าเราทุกคนช่วยกันปกป้องโลกเอาไว้ เรื่องราวการผจญภัยที่แท้จริงซึ่งมีไอดริส เอลบ้า รินโกะ นักขับชาวออสเตรเลียสองคน นักขับชาวรัสเซียสองคน ทุกคนลงมือเพื่อช่วยกันปกป้องโลกเอาไว้ ความเป็นวีรบุรุษไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น และผมอยากให้ตัวละครทั้งหมดมีข้อบกพร่อง ไม่ได้เป็นตัวละครที่ดีงามสมบูรณ์แบบ การที่ตัวละครไม่สมบูรณ์แบบเพราะผมเชื่ออย่างนั้น ผมเชื่อว่าความไม่สมบูรณ์แบบที่มารวมกันคือสิ่งสวยงามที่เราควรปรารถนา”

“กิลเลอร์โมมีเอกลักษณ์มาก เพราะเขาไม่เพียงแต่เป็นคนทำหนังที่สร้างสรรค์ภาพได้อย่างน่าทึ่ง และเข้าใจวิธีการสร้างโลกในหนังขึ้นมา แต่เขายังมีจิตวิญญาณอยู่ในตัวด้วย” แพเร็นต์ยืนยัน

“เวลาคุณดูหนังของเขาไม่ว่าเรื่องไหน มันไม่ใช่แค่เรื่องภาพ แต่มันเน้นไปที่ตัวละครและแก่นเรื่อง และที่จุดศูนย์กลางของหนังเรื่องนี้ก็คือเรื่องราวที่มีความเป็นมนุษย์สูงมาก มันพูดถึงกลุ่มคนที่ไม่น่าจะมารวมกันได้กลับมารวมตัวกันเพื่อปกป้องโลก แล้วในระหว่างนั้น พวกเขาก็ได้เข้าใจว่าจะทำงานร่วมกันอย่างไร มีแก่นแท้ที่เรียบง่ายอยู่ในหนังเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันเพื่อเผชิญหน้าสัตว์ร้ายหน้าประตูบ้านของเรา ซึ่งในกรณีของหนังเรื่องนี้ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ”

หากเราลืมไปว่านี่เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับเครื่องจักรและอสูรกายตัวใหญ่ยักษ์ การเดินลุยหิมะในโตรอนโตไปยังอาคารที่ทำงานของฝ่ายศิลป์ก็จะช่วยคลายความสงสัยทั้งหมด เมื่อพิจารณาจากเหล่าอสูรจากฝันร้ายที่ตกแต่งอยู่บนผนัง เยเกอร์คงต้องรับงานหนักอย่างแน่นอน ไคจูเป็นเหล่าสัตว์ประหลาดอันน่าตื่นตะลึง และเดล โตโรก็ได้รวบรวมทีมงานในฝันเพื่อออกแบบและทำให้มันเป็นจริง ในแง่ของฝ่ายสร้างสรรค์นั้น ทีมที่เดล โตโรรวบรวมมาล้วนเป็นยอดฝีมือ บริษัทสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ยักษ์ใหญ่อย่าง Industrial Light and Magic – ILM จับมือกับสุดยอดของวงการศิลปะที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี

ฝาผนังประดับด้วยภาพของไคจู สัตว์เลื้อยคลานยักษ์ที่มีองค์ประกอบแตกต่างกันมากมาย ตั้งแต่แขนและปีกไปจนถึงระยางที่เป็นใบมีด ด้วยแรงบันดาลใจจากอิทธิพลที่แตกต่างหลากหลาย ทีมงานไม่ยอมปล่อยให้มีองค์ประกอบส่วนใดที่ตกสำรวจ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้รับการออกแบบโดยมุ่งความสนใจไปยังการทำงานทั้งภายในและภายนอก ภาพตัดขวางทำให้มันดูเหมือนสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติจริงๆ ซึ่งทำให้ขนาดและความอันตรายของมันยิ่งทวีความน่ากลัวมากขึ้น

โปสเตอร์หนัง ‘แปซิฟิค ริม’ จากงาน คอมิกคอน 2012

แม้ว่า ‘แปซิฟิค ริม’ เน้นไปยังช่วงเวลาหลังจากมนุษยชาติสร้างเยเกอร์ขึ้นมาต่อสู้กับไคจู แต่ก็มีฉากชิมลางที่แสดงถึงการทำลายล้างให้ผู้ชมได้เห็นในช่วงเปิดของภาพยนตร์ นอกจากนี้หายนะที่เกิดขึ้นโดยเครื่องจักรและอสูรร้ายที่ต่อสู้กันตามสถานที่ต่างๆ ก็น่าเกรงขามอย่างยิ่ง แม้จะมองจากภาพวาดเชิงคอนเซ็ปต์ที่แขวนอยู่รวมกันตามผนังของที่ทำงานฝ่ายศิลป์

ถ้ามันสมองของโครงการนี้คือคอนน์-พ็อดที่ซับซ้อนและละเอียดประณีต ซึ่งเป็นฉากที่นักแสดงหลักใช้เวลาอยู่นานหลายชั่วโมง ที่ทำงานฝ่ายศิลป์ซึ่งเต็มไปด้วยภาพวาดและแบบจำลองต่างๆ มากมายก็คงเป็นหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ เมื่อยี่สิบปีก่อน ภาพเหล่านี้คงเป็นภาพสองมิติ และจะมีชีวิตขึ้นมาได้ผ่านนักแสดงสวมชุดยางที่ทำลายล้างเมืองจำลองแบบย่อส่วน

คำว่าไคจูเองก็มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับหกสิบปีหลังจากญี่ปุ่นได้สร้างมันขึ้นมาในหนังปี 1954 เรื่อง ‘Godzilla’ คนที่ร่วมกันแสดงในชุดสัตว์ประหลาดนี้ได้หล่อเลี้ยงจินตนาการของผู้กำกับเฉพาะทางชั้นนำหลายรายในทุกวันนี้ ไคจูวนเวียนอยู่ริมขอบของกระแสหลักมาตลอด และในตอนนี้เองที่เทคโนโลยีและความสนใจของผู้ชมวงกว้างเพิ่งไล่ตามทัน

เดล โตโรก็รู้จักไคจูของเขาเป็นอย่างดี

“ปกติแล้วในภาษาไคจู จะมีการแบ่งเป็นประเภทต่างๆ”

เขานำเสนอขณะที่โหมดแฟนพันธุ์แท้เริ่มทำงาน

“คุณมีไคจูที่เป็นสัตว์เลื้อยคลาน ไคจูที่เป็นแมลง ไคจูที่เป็นสัตว์เปลือกแข็ง บางครั้งอาจจะมีไคจูที่เป็นสัตว์จำพวกหมึกโผล่มาบ้าง อาจเป็นหมึกกล้วยหรือหมึกยักษ์ แต่ก็ไม่บ่อยนัก แล้วก็จะมีไคจูที่ ‘หลุดกรอบ’ ไปโดยสิ้นเชิง ผมต้องการนำเสนอไคจูเหล่านี้บางประเภท ผมต้องการให้การต่อสู้แต่ละครั้งเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นการต่อสู้ครั้งแรกจึงไม่เหมือนการต่อสู้ครั้งที่สอง และการต่อสู้ครั้งที่สามก็แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากครั้งที่สี่ คุณจะได้รับอะไรใหม่ๆ เสมอ”

ภาพจากหนัง แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก’

“สัตว์ประหลาดเหล่านั้นน่าทึ่งมาก” แพเร็นต์กล่าว

“พวกมันมีชีวิตขึ้นมาแบบที่คุณไม่มีทางจินตนาการได้ มันฉลาดและเจ้าเล่ห์ด้วย ถ้าคุณพูดถึงความฝันของแฟนๆ อะไรก็ตามที่คุณจินตนาการหรือคาดหวังไว้จากสัตว์ประหลาด มันจะมาปรากฏในตัวสัตว์ประหลาดพวกนี้”

‘Kaiju Remedies’ Featurette

การนำเสนอสัตว์ประหลาดและเยเกอร์กลายเป็นลมหายใจเข้าออกของผู้ควบคุมวิชวลเอฟเฟ็กต์ เจมี่ ไพรซ์ และ จอห์น โนลล์ จาก ILM ในฐานะผู้มีประสบการณ์จากหนังเน้นเอฟเฟ็กต์มากมายหลายเรื่อง ทีมวิชวลเอฟเฟ็กต์ต้องแน่ใจว่าเดล โตโร ผู้สร้างสรรค์และพิถีพิถันได้ตัวละครยักษ์ใหญ่เหล่านี้ตรงตามที่เขาต้องการ ทีมงานเริ่มต้นจากภาพวาดแบบราบก่อน จากนั้นจึงสร้างแบบจำลองสามมิติทั้งในรูปแบบดิจิตัลและหุ่นจำลอง ไปจนถึงหุ่นดินปั้นขนาดใหญ่

“เพื่อเราจะได้เดินดูไปรอบๆ และปรับปรุงแก้ไขได้” ไพรซ์ระบุ “มันเป็นวิธีการทำงานที่สัมผัสจับต้องได้มากกว่า ซึ่งผมว่ามันสำคัญมากเพราะเราเริ่มต้นจากการกำหนดอัตราส่วนของสัตว์พวกนี้ การได้ยืนอยู่ต่อหน้าและมองดูมันช่วยให้เราได้สัมผัสความเป็นจริงมากขึ้น”

เมื่อสร้างไคจูรูปแบบต่างๆ ขึ้นมาแล้ว ทีมงานก็จะจัดงานที่เดล โตโรเรียกว่า “อเมริกันไอดอลของไคจู” ซึ่งแต่ละตัวจะได้ออกแสดงตัว จากนั้นก็รับคำวิจารณ์ติชม ไพรซ์อมยิ้มเมื่อนึกถึงกระบวนการออกเสียงโหวต “มันสนุกมากเลย” เขาบอก

เมื่อออกแบบเยเกอร์และคัดเลือกไคจูที่ดีที่สุดมาแล้ว งานหนักก็เริ่มต้นขึ้นเพื่อพัฒนาหุ่นยนต์และสัตว์ประหลาดเหล่านี้ให้ไปปรากฏบนจอ ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว มีทางเลือกทางเทคนิคมากมายให้นักทำหนัง รวมถึงศักยภาพใหม่ๆ ในการสร้างหุ่นยนต์และสัตว์ประหลาดต่างๆ ให้มีความน่าเชื่อถือบนจอภาพยนตร์ แต่ดูเหมือนว่าเอฟเฟ็กต์ที่สร้างจากคอมพิวเตอร์เป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นและสมเหตุสมผลมากที่สุดในการสร้างสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ให้มีชีวิตขึ้นมา และเดล โตโรก็ไม่ต้องการให้เกิดรอยแยกระหว่างการแสดงโดยนักแสดงกับการแสดงของสัตว์ประหลาดราคาแพงเหล่านี้

‘Second Chances’ Featurette HD

คงไม่มีบริษัทวิชวลเอฟเฟ็กต์แห่งไหนในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ที่จะเป็นผู้นำกระแสและได้รับการยกย่องมากไปกว่า Industrial Light & Magic และการได้จอห์น โนลล์จาก ILM มาดูแลไคจูและเยเกอร์ก็ช่วยปกป้องวิสัยทัศน์ของเดล โตโร

“เรานึกถึงชื่อเสียงที่ผ่านมาของ ILM และสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาได้สร้างให้มีชีวิตขึ้นมาตั้งแต่ ‘Star Wars’ ไปจนถึง ‘Pirates of the Caribbean’ และสิ่งหนึ่งที่ผมว่าเราประทับใจมากที่สุดก็คือความกระตือรือร้นของพวกเขา” โธมัส ทัลล์กล่าว

“จอห์น โนลล์และทีมงาน ILM ทั้งหมดอยากทำงานนี้จริงๆ ครั้งแรกที่ผมไปซานฟรานซิสโกและได้เห็นช็อตที่เสร็จออกมาแล้วบางส่วน มันน่าตื่นตะลึงมากๆ เพราะฉะนั้นเราถือได้ว่าโชคดีมากที่ได้กิลเลอร์โม เดล โตโร และนำเอาจินตนาการของเขามาจับคู่กับพ่อมดแห่งวงการจาก ILM ผมคิดว่าผลที่ออกมานั้นบ่งบอกอยู่ในตัวเอง”

ภาพจากหนัง ‘แปซิฟิค ริม สงครามอสูรเหล็ก’

คงไม่มีใครเป็นนักวิจารณ์คนสำคัญต่อการแสดงของตัวละครเหล่านี้ยิ่งไปกว่าเดล โตโร

“ผมไม่ไว้ใจเทคโนโลยี แต่ผมก็หลงใหลในหุ่นยนต์กลไก เครื่องจักร วงจรนาฬิกา และอะไรพวกนั้น” เดล โตโรยอมรับ

“แต่ในกรณีของหุ่นยนต์ ผมต้องการสร้างความสง่างามในตัวเครื่องจักร เพราะฉะนั้น งานออกแบบหุ่นยนต์จึงต้องมีความสง่างามสูงส่งอย่างที่เราพบได้ในเครื่องจักรบางชนิดเมื่อรูปแบบและการใช้งานมาผสานเข้าด้วยกัน”

สำหรับตัวผู้กำกับเองนั้น เดล โตโร อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเครื่องจักรว่าเป็นแบบ “มนุษย์ยุคโบราณ”

“ผมไม่ได้มีรถยนต์คันใหม่โฉบเฉี่ยวอะไรหรอกนะ” เขาหัวเราะ

“ผมยังมีรถคันเก่าที่ซื้อเมื่อสิบปีที่แล้วตอนผมมีเงินซื้อรถคันใหญ่ได้เป็นครั้งแรก ผมรักมันนะ ที่บ้านเราเรียกมันว่า เอล กาโต้ หรือรถสุดหล่อ แล้วผมก็จะไม่มีทางขายมันเพราะผมรักมัน เราอยู่ในวัฒนธรรมที่สิ่งของถูกผลิตขึ้นเพื่อให้กลายเป็นของตกยุคในปีถัดมา แล้วผมก็ไม่ได้ชอบเครื่องจักรประเภทนั้น ผมชอบเครื่องจักรที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำ รถที่คุณขับไปออกเดทเป็นครั้งแรก มอเตอร์ไซค์ที่คุณขี่ตอนอายุสิบห้า เวลาคุณตั้งชื่อให้สิ่งของ มันจะได้รับการจัดลำดับความสำคัญที่ต่างออกไป สำหรับผม หุ่นยนต์ในหนังเรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้น พวกมันเป็นสิ่งสวยงามซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลาที่มนุษยชาติได้รับรู้ร่วมกัน”

คงไม่ต้องบอกแล้วมั้ง ว่าใครๆ ต่างก็เฝ้ารอที่จะได้ชม ‘Pacific Rim’ ในโรงหนัง มันจะเข้าไทย 11 กรกฎาคม 2556 นี้แล้วนะ!

Exit mobile version