รีวิวหนัง Bridget Jones: Mad About the Boy | บริดเจ็ทหลงหนุ่มหนักมาก ฮีลใจสุดๆ
เมื่อพูดถึง บริดเจ็ท โจนส์ ขึ้นมา หน้าของเรเน่ก็ลอยขึ้นมาในทันที สำหรับนายแพทแล้ว ได้รู้จักกับตัวละครนี้มาตั้งแต่ปี 2001 ถึงปีนี้ มันก็ผ่านมา 24 เข้าให้แล้ว แทบจะเรียกได้ว่าเติบโตมาด้วยกันเลยก็ว่าได้ จึงไม่ต้องแปลกใจ ถ้านายแพทจะเลือกเข้าโรงเพื่อไปดูหนังภาคนี้ ‘Bridget Jones: Mad About the Boy’ หรือชื่อไทย ‘บริดเจ็ท โจนส์: หลงหนุ่มหนักมาก’ ที่ตัวอย่างของมันบอกว่าเป็นบทสุดท้ายของเธอแล้ว
คิดเห็นเช่นไรกับหนังเรื่องนี้?
แม้ว่ามันจะเป็นหนังรอมคอมที่เล่าถึงตัวละครเก่าที่อยู่กับคนดูมานานกว่า 20 ปี แต่คนดูก็ยังไม่จำเป็นต้องดูภาคก่อนก็สามารถจะเข้าใจและซึมซับได้ ในภาคนี้ เรื่องราวมันล่วงเลยมาถึงช่วงเวลาที่ บริดเจ็ท โจนส์ ต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ไม่เหลือเวลาให้ตัวเอง และเธอต้องหาทางออกให้กับความยุ่งเหยิงนี้ให้ได้ ภาคนี้ก็เช่นเคย ที่มีผู้ชายทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ให้เธอได้เลือกอีกแล้วล่ะ ความเปิ่นฮาน่ารักของเรเน่นั้นยังคงทำได้ดี ขณะที่บทหนังก็พาผู้ชมไปเสียน้ำตาได้อย่างอยู่หมัดเช่นกัน
หนังมันไม่มุ่งเน้นจะขายขำแต่เพียงถ่ายเดียวนะ แต่มันยังมีมุมจริงจัง ดูแล้วเหมือนเสริมสร้างพลังใจให้ตัวเราเหมือนกันนะเนี่ย
เรื่องย่อหนัง ‘Bridget Jones: Mad About the Boy’
หลังกาลเวลาพ้นผ่าน บริดเจ็ท โจนส์ (Renée Zellweger จากหนังเรื่อง ‘Bridget Jones’s Baby’ และ ‘Monsters vs. Aliens’) เธอกลายเป็นแม่ม่ายและแม่เลี้ยงเดี่ยวของลูกสองคน มีชีวิตที่วุ่นวายอยู่กับลูกชายและลูกสาวจนรู้สึกว่า เธอไม่เหลือเวลาว่างให้กับตัวเอง ในวันที่ยังทำใจกับชีวิตที่ขาดหายไปเพราะการสูญเสียมาร์ค คนที่เป็นสามีสุดที่รักของตนเองและเป็นพ่อของลูกๆ เธอก็ได้บังเอิญพบกับ รอกซ์เตอร์ (Leo Woodall จากซีรีส์ ‘Citadel’ และ ‘The White Lotus’) หนุ่มหน้าใสที่แสนดี เทพบุตรต้นไม้และทำให้เธอ “หลงหนุ่มหนักมาก”
ชีวิตที่ยุ่งเหยิงของบริดเจ็ท โจนส์ หลังได้เจอหนุ่มคนใหม่ ทุกอย่างก็เหมือนจะดีขึ้นทันที เธอได้กลับไปเป็นโปรดิวเซอร์รายการทีวีโชว์อีกครั้ง แต่เธอก็ได้พบกับคุณครูของใหม่ของเด็กๆ ด้วย เขาคือ วอลเลเกอร์ (Chiwetel Ejiofor จากหนังเรื่อง ’12 Years a Slave’ และ ‘Venom: The Last Dance’) คนที่คิดเห็นทุกอย่างตรงข้ามกับเธอไปซะหมดเลย แล้วจากนี้ ชีวิตของเธอจะลงเอยยังไงนะ
รีวิวหนัง ‘บริดเจ็ท โจนส์: หลงหนุ่มหนักมาก’
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เรามีบริดเจ็ท โจนส์มาอยู่ในชีวิตได้ราว 24 ปีแล้ว แม้ระยะหลัง เธอจะมาไม่บ่อย แต่เราก็ไม่เคยลืมเลือนเธอไป เธอเติบโตไปพร้อมๆ กับเรา จากสาวหน้าใส ตอนนี้ เธอกลายเป็นสาวใหญ่ แถมยังเป็นแม่ม่ายลูกสอง จากหนังรอมคอมฮาๆ เราอาจคิดว่า เมื่อผ่านมาถึงวัยนี้ ชีวิตมันคงไม่มีอะไรให้ฮาแล้ว แต่ที่ไหนได้ ยังไงเธอก็ยังเสียงหัวเราะจากเราได้เสมอมา
หนังคอมเมดี้ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ผัวจากไปอย่างกะทันหัน เธอยังคงมองเห็นเขาในทุกที่ ราวกับเธอไม่มีวันสลัดเขาหลุดออกไปจากใจได้ แม้คนเก่าจะยังวนเวียนมาไม่ขาด แต่ก็ดูเหมือนโชคชะตาจะนำพาชายหนุ่มคนใหม่มาทำแบบทดสอบอีกเช่นเคย แต่คราวนี้ กลับกลายเป็นคนหนุ่มที่อายุต่างกับเธอพอสมควรนี่ดิ
หนังที่นำพาตัวละครและนักแสดงเก่าๆ มาให้เราได้หวนคิดถึงกันอีกครั้ง ฝั่งผู้ชายก็มีทั้ง Colin Flirt (จากหนัง ‘The King’s Speech’) ที่เล่นเป็นมาร์ค สามีที่ตายไป, Hugh Grant (จากหนัง ‘Wonka’) เพื่อนหนุ่มจอมกะล่อนที่ยังเทียวไล้เทียวขื่อไม่เปลี่ยน ในขณะที่ฝ่ายเพื่อนหญิงก็มีทั้ง Isla Fisher ในบทรีเบคกา และ Emma Thompson ในบท ดร.รอว์ลิงส์
นอกจากนี้ เรายังได้เจอคนใหม่หน้าใหม่อย่าง Nico Parker (จากซีรีส์ ‘The Last of Us’) ในบทโคลอี้ พี่เลี้ยงเด็กคนใหม่, Leo Woodall และที่จะลืมไปไม่ได้ Chiwetel Ejiofor ในบทคุณครูสก็อต ครูคนใหม่ที่ใช้นกหวีดควบคุมฝูงนักเรียน
แรกเริ่มก็เหมือนจะเป็นหนังดราม่าของหญิงวัยกลางคนที่ผจญกับชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวหลังผัวตายมาสี่ปี แต่แล้วหนังก็เลี้ยวเข้าทางคอมเมดี้ที่ฮาจี้ไม่หยุด ด้วยลีลาความน่ารักผสมเปิ่นของ Renée Zellweger ลีลาป่วนๆ ของเธอยังเรียกเสียงหัวเราะได้อยู่เช่นเคย ถือว่า ยังคงเป็นหนังรอมคอมยุคเก่าที่ยังหลงเหลืออยู่เลยก็ว่าได้ จะมุกใต้สะดือหรือเหนือสะดือ เธอจับมาเล่นให้ฮาได้ทั้งหมด แถมยังใส่บางช็อตที่ชวนนึกถึงภาคเก่าเข้ามาได้อีก ถือว่าเอาใจคนรักบริดเจ็ท โจนส์ได้ถูกจุดเลยล่ะ
สำหรับผมแล้ว มุกตลกสองแง่สองง่ามที่ทำให้หนังได้เรท R คือสิ่งที่ทำให้คนดูผู้คาดหวังความตลกได้หัวเราะสมใจ หากสิ่งที่จับต้องได้จากหนังจริงๆ คือแมสเสจที่จริงจังกว่า เราได้เห็นการเติบโตของผู้หญิงคนหนึ่งที่เปลี่ยนจากวัยรุ่นวุ่นหาผัว กลายมาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และพยายามจะหาทางออกให้กับชีวิตที่ติดหล่มของตนเอง และให้กับครอบครัวที่เว้าแหว่งไป จนต้องเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงจนทำให้เลือกได้ว่าอย่างไหนคือสิ่งที่เหมาะและควรจะเป็นสำหรับตนเอง
Taglines: New Decade. New Diary.
มันจึงไม่ใช่หนังที่ตั้งใจเพียงทำให้เรารู้สึกตลกโปกฮา ทว่า มันคือหนังดราม่าที่ทำให้เรามองเห็นตัวเอง การพบเจอกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ก่อเกิดความเครียดที่เราต้องรับ และหาหนทางที่ใช่เพื่อให้ชีวิตได้ไปต่อ จากความเห็นที่แตกต่างของคนรอบข้างผู้หวังดี
หนังเรื่องนี้ทำให้เราฮาได้ และมันก็ทำให้เราเสียน้ำตาได้เช่นกัน แถมยังมาแบบถูกที่ถูกเวลาอีกต่างหาก ส่วนตัวมองว่ามันเป็นหนังที่จัดการกับทุกมุมได้อย่างบาลานซ์ มีทั้งมุมดราม่า จริงจัง หวานแวว และเปิ่นฮา โดยที่ไม่มีส่วนไหนขาดเกิน
ก่อนจะปิดท้ายหนังด้วยภาพวันเก่าๆ ที่ทำคนดูผู้คุ้นเคยมายาวนานรู้สึกเหมือนได้ย้อนวันวาน
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
| ชื่อภาพยนตร์ | Bridget Jones: Mad About the Boy / บริดเจ็ท โจนส์: หลงหนุ่มหนักมาก |
| กำกับ | Michael Morris |
| เขียนบท | Helen Fielding, Dan Mazer, Abi Morgan |
| แสดงนำ | Leo Woodall, Isla Fisher, Renée Zellweger, Hugh Grant, Colin Firth, Emma Thompson |
| แนว/ประเภท | คอเมดี้, ดราม่า, โรแมนติก |
| เรท | R |
| ความยาว | 124 นาที |
| ปี | 2025 |
| สัญชาติ | สหราชอาณาจักร |
| เข้าฉายในไทย | 12 กุมภาพันธ์ 2025 |
| ผลิต/จัดจำหน่าย | Universal Pictures, StudioCanal, Miramax |
คะแนนรีวิวหนัง บริดเจ็ท โจนส์: หลงหนุ่มหนักมาก
พล็อตและบท - 8.3
การดำเนินเรื่อง - 8.5
การแสดง - 8.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชั่น - 7.7
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.7
8.1
Bridget Jones: Mad About the Boy
แม้ว่ามันจะเป็นหนังรอมคอมที่เล่าถึงตัวละครเก่าที่อยู่กับคนดูมานานกว่า 20 ปี แต่คนดูก็ยังไม่จำเป็นต้องดูภาคก่อนก็สามารถจะเข้าใจและซึมซับได้ ในภาคนี้ เรื่องราวมันล่วงเลยมาถึงช่วงเวลาที่ บริดเจ็ท โจนส์ ต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ไม่เหลือเวลาให้ตัวเอง และเธอต้องหาทางออกให้กับความยุ่งเหยิงนี้ให้ได้ ภาคนี้ก็เช่นเคย ที่มีผู้ชายทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ให้เธอได้เลือกอีกแล้วล่ะ ความเปิ่นฮาน่ารักของเรเน่นั้นยังคงทำได้ดี ขณะที่บทหนังก็พาผู้ชมไปเสียน้ำตาได้อย่างอยู่หมัดเช่นกัน หนังมันไม่มุ่งเน้นจะขายขำแต่เพียงถ่ายเดียวนะ แต่มันยังมีมุมจริงจัง ดูแล้วเหมือนเสริมสร้างพลังใจให้ตัวเราเหมือนกันนะเนี่ย













