รีวิวหนัง The Great Flood | เล่าเรื่องวันน้ำท่วมโลก ในอีกมุมมอง
บทความนี้จะพูดถึงหนังเกาหลีใต้เรื่องใหม่ที่เข้าฉายในเน็ตฟลิกซ์ มันคือ ‘The Great Flood’ ครับ หนังไม่มีชื่อไทย และตัวอย่างก็พาเราคิดว่าไป นี่ต้องเป็นหนังภัยพิบัติน้ำท่วมโลกแน่ๆ เลย จริงๆ ก็ใช่ครับ แต่ใช่แค่ครึ่งเดียว เพราะหนังผิดจากหนังแนวภัยพิบัติ – เอาตัวรอด – วันสิ้นโลก อะไรพวกนี้ไปเยอะพอสมควร บวกก็การบอกเล่าก็พาคนดูงุนงงไม่เข้าใจได้ง่ายอยู่เหมือนกัน วันนี้ เลยจะหยิบมันมาเขียนถึงครับทุกคน
คิดเห็นเช่นไรกับหนังเกาหลีแนวภัยพิบัติวันสิ้นโลกเรื่องนี้?
หน้าหนังมันบอกว่า เป็นแนวภัยพิบัติน้ำท่วมโลก แต่ความจริง มันเล่าอะไรที่ล้ำไปกว่านั้น หนังที่อาจทำคนดูมึนงงได้ในครั้งแรกที่เจอ แต่พอลองลำดับความเข้าใจสักหน่อย กลับมาดูอีกครั้ง จะเข้าใจเรื่องราวได้อย่างทะลุปรุโปร่ง การเล่นท่ายากของหนังที่มาพร้อมกับโปรดักชั่นระดับคุยได้ ทีมงานเสกให้อพาร์ตเมนต์ของตัวเอกถูกน้ำปริมาณมหึมาท่วมจนเกือบมิดตึก และคิมดามีก็ต้องทุ่มตัวสุดๆ เพื่อเข้าฉากใต้น้ำแทบทั้งเรื่อง
ดูหนังเรื่องนี้ ต้องดูสองรอบ จบรอบแรกไปหาข้อมูลเพิ่ม พอเข้าใจมากขึ้นแล้วมาดูรอบสองครับผม
เรื่องย่อหนัง ‘The Great Flood’
เหตุการณ์ในหนังเกิดขึ้นที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เกิดฝนตกหนักจนทำให้ กูอันนา (Kim Da Mi จากซีรีส์ ‘Our Beloved Summer’) หัวหน้าทีมวิจัยผู้เป็นแม่ของชินจาอิน (Kwon Eun Seong จากหนังเรื่อง ‘Omniscient Reader’) ต้องลางาน แต่เธอก็กลับพบว่าน้ำขึ้นมาเร็วมากจนท่วมมาถึงชั้นสามที่เธออาศัยอยู่ ก่อนจะรู้ตัวว่า ซนฮีโจ (Park Hae Soo จากซีรีส์ ‘Prison Playbook’) จากทีมรักษาความปลอดภัยมารับเธอ แถมก็จะมีเฮลิคอปเตอร์ที่จะมาพาไปศูนย์พักพิง
ก่อนที่เรื่องราวเบื้องหลังต่างๆ จะถูกเปิดเผยให้มนุษย์ที่ยังไม่เจอกับวิกฤติน้ำท่วมโลกได้ตื่นตกตะลึง
รีวิวหนัง ‘The Great Flood’
มันเป็นหนังจากเกาหลีใต้ที่สร้างเพื่อให้มาอยู่ในเน็ตฟลิกซ์ ด้วยเหตุนี้ละมั้ง มันเลยเรียกร้องคนดูให้ดูมันอีกรอบ เพราะหลายคนคงดูรอบเดียวไม่เข้าใจ เอาจริงๆ รอบสองก็ใช่จะแน่ใจว่าเข้าใจถูกหรอกนะ
หนังมันเริ่มต้นเล่าเรื่องราวของแม่ลูกที่อยู่อพาร์ตเมนต์ชั้นสาม แม่ที่ลางานเพราะฝนตกหนัก แต่เธอกลับไม่ทันตั้งตัวว่าน้ำกำลังเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้นเหตุเพราะเหล่าดาวเคราะห์น้อยที่พุ่งชนโลก จนส่งผลให้น้ำแข็งของแอนตาร์กติกาละลายพร้อมกันอย่างรวดเร็ว ปริมาณน้าอันมหาศาลจึงไหลบ่าท่วม จุดจบของมนุษยชาติกำลังมา
บทของชินจาอิน ลูกชายของอันนาจะค่อนข้างน่ารำคาญพอสมควร ก่อนที่บทหนังมันจะเฉลยความเป็นมาเป็นไปของเด็กชายคนนี้
แล้วจากนั้น หนังก็จะบอกเราว่า อันนาเป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติที่ได้รับเลือกให้รอดและหนีออกไปพร้อมกับยานอวกาศ เพราะเธอเป็นหัวหน้าทีมวิจัยในศูนย์วิจัยเพื่อปกป้องไม่ให้มนุษยชาติต้องสูญพันธุ์ พวกเขากำลังพัฒนามนุษย์สายพันธุ์ใหม่ และเธอคือคนที่พัฒนา “อีโมชั่นเอ็นจิ้น” มันคือ “ความรู้สึกสังเคราะห์” พูดง่ายๆ ก็คือปัญญาประดิษฐ์ที่จะใส่เข้าไปในเด็กนั่นแหละ เพียงแค่อารมณ์ส่วนใหญ่ที่เราได้เห็นในหนังจะออกไปในทางน่ารำคาญหน่อย ๆ เท่านั้นเอง
แต่สุดท้าย เธอก็ได้คิดว่าต้องสร้างความรู้สึกสังเคราะห์ของผู้ใหญ่ที่เป็นแม่ของเด็กด้วย นั่นเลยเป็นที่มาของการเล่าถึงการตามหาลูกชายแบบซ้ำๆ เพราะมันเป็น Simulator ที่เทรน AI ให้เรียบรู้เพื่อสร้างประสบการณ์จากสถานการณ์จริงไรงิ
ผลจึงปรากฏออกมาว่า นางเอกในรูปแบบ AI จะต้องเรียนรู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยสวมเสื้อที่บอกจำนวนครั้ง (สังเกตได้ว่าครั้งแรก เธอสวมเสื้อขาวที่ไม่ได้สกรีนอะไรเลย บ่งบอกว่านั่นคือเหตุการณ์จริง) และแต่ละครั้งก็จะตัดสินใจแตกต่างกันออกไป มีอุปสรรคที่ทำให้ไขว้เขวอยู่ตลอด อันนาจึงต้องเรียนรู้ไปพร้อมกับมัน แต่เธอดันเอะใจเพราะจำข้อมูลของรอบก่อนหน้าได้นี่สิ
แม้มันเป็นหนังเกาหลีที่พาคนดูมึนงงในรอบแรกที่ได้ดู (ส่วนใครที่เก็ทตั้งแต่รอบแรกเลยก็อีกเรื่องนะ) แต่ก็ต้องบอกว่า เขาทำเอฟเฟกต์น้ำท่วมได้ใกล้เคียงของจริงและดูน่ากลัวดี อีกสิ่งที่ต้องขอชื่นชมคือ การแสดงและความทุ่มเทของคิมดามี เธอต้องทั้งแสดงความรู้สึกของความสูญเสีย ความเป็นแม่ ทั้งยังต้องถ่ายทำใต้น้ำในหลายจุดของเรื่อง
อีกมุมหนึ่ง มันอาจเป็นหนังที่ผิดคาด ผิดไปจากความหวังของคนดูประมาณหนึ่ง คนดูอาจคาดหวัง (จากการดูตัวอย่าง) ว่ามันจะเป็นหนังภัยพิบัติและการเอาตัวรอด แต่ทว่ามันกลับกลายเป็นหนังวนลูปไปแทน
ด้วยความที่นางเอกเป็นหัวหน้าทีมวิจัยเกี่ยวกับมนุษย์พันธุ์ใหม่ นั่นทำให้เธอกลายเป็นพวกมีพริวิลเลจ มีสิทธิพิเศษที่จะได้อยู่ต่อ แต่ก็อย่างที่รู้ แม้เธอจะรอดออกไปกับยานอวกาศ แต่ก็กลับไม่รอดเมื่อเจอเหตุที่หนักหนากว่า ขณะที่จาอินเป็นเพลงสิ่งทดลอง ทุกสิ่งถือเป็นทรัพย์สินของศูนย์ดาร์วิน จึงเลือกจะแยกอารมณ์สังเคราะห์ออกแล้วทิ้งร่างเด็กเอาไว้
สิ่งที่ยังทิ้งความสงสัยในใจเราคงเป็นความคิดที่ว่า เขาคิดจะสร้างเด็กจากอุปกรณ์คล้ายเครื่องปรินต์ 3 มิติ เด็กมันจะโตเองได้มั้ยนะ
สำหรับผม มันไม่ใช่หนังที่ย่ำแย่ขนาดนั้น มันแค่หนังที่ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นวันสิ้นโลกในแนวทางเดียวกับหนังเรื่องอื่น ๆ อีกส่วนหนึ่ง มันอาจชวนงงเมื่อนั่งดูในหนแรก แต่เมื่อฟังจากคนดูเข้าใจมัน แล้วกลับไปเปิดดูอีกครั้ง เราก็จะเข้าใจเรื่องได้อย่างทะลุปรุโปร่งครับผม
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
| ชื่อภาพยนตร์ | The Great Flood / 대홍수 |
| กำกับ | Kim Byung Woo |
| เขียนบท | Kim Byung Woo |
| แสดงนำ | Park Hae Soo, Kim Da Mi, Kwon Eun Seong |
| แนว/ประเภท | ไซไฟ, แอ็คชัน, ผจญภัย, ดราม่า, ภัยพิบัติ |
| เรท | TV-MA |
| ความยาว | 106 นาที |
| ปี | 2025 |
| สัญชาติ | เกาหลีใต้ |
| เข้าฉายในไทย | 19 ธันวาคม 2025 ทาง Netflix |
| ผลิต/จัดจำหน่าย | Hwansang Studio |
คะแนนรีวิวหนัง เดอะ เกรท ฟลัด
พล็อตและบท - 7.5
การแสดง - 7.7
การดำเนินเรื่อง - 7.5
งานถ่ายภาพ โปรดักชันและเทคนิคพิเศษ - 8
เพลงและดนตรีประกอบ - 7
7.5
The Great Flood
หน้าหนังมันบอกว่า เป็นหนังภัยพิบัติน้ำท่วมโลก แต่ความจริง มันเล่าอะไรที่ล้ำไปกว่านั้น หนังที่อาจคนดูมึนงงได้ในครั้งแรกที่เจอ แต่พอลองลำดับทำความเข้าใจสักหน่อย กลับมาดูอีกครั้ง เข้าใจเรื่องราวได้อย่างทะลุปรุโปร่ง การเล่นท่ายากของหนังที่มาพร้อมกับโปรดักชั่นระดับคุยได้ เมื่อทีมงานเสกให้อพาร์ตเมนต์ของตัวเอกถูกท่วมปริมาณมหึมาท่วมจนเกือบมิดตึก และคิมดามีก็ต้องทุ่มตัวสุด เข้าฉากใต้น้ำแทบทั้งเรื่อง ดูหนังเรื่อง ต้องดูสองรอบ จบรอบแรกไปหาข้อมูลเพิ่ม พอเข้าใจมากขึ้นแล้วมาดูรอบสองครับผม













