รีวิวหนัง Scream VI | ล้อขนบหนังไล่ฆ่า หวีดสุดขีด มาถึงภาคที่ 6

หลังเตรียมเนื้อเตรียมตัวก่อนจะพาตัวเองไปพบกับหนังสยองขวัญปั่นประสาทอย่าง ‘Scream VI’ ด้วยการเปิดดูภาคก่อนหน้าไปสองรอบ ก็ได้เวลาเดินเข้าโรงหนังเพื่อพบกับภาคใหม่ หนังที่จะพาทุกคนมา หวีดสุดขีด เป็นภาคที่ 6 เพื่อไปพิสูจน์กันว่า หนนี้ ผู้กำกับทั้งสองจะมีอะไรมาเล่าในแบบที่เราคาดไม่ถึงกันอีก

เหมือนว่าจักรวาลหวีดจะไม่ยอมสิ้นสุดลงโดยง่าย Matt Bettinelli-Olpin และ Tyler Gillett คือสองผู้กำกับที่ยังคงสานต่อหนังแนวไล่เชือดที่เริ่มกันมาตั้งแต่ 1996 ที่สร้างต่อกันมา 4 ภาค หายหน้าไป 11 ปีก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งในภาคที่ห้าแต่ตั้งชื่อเดียวกับภาคแรก โดยรวมเอาทั้งการ reboot และ sequal มาอยู่ในเรื่องเดียวกัน และได้ผลตอบรับที่ดี เพียง 1 ปีผ่านไป สองผู้กำกับก็สร้างต่อภาคใหม่มาให้เราได้สนุกสนานกับการไล่เชือดกันอีกหน หลังพากลับไปเยือน Woodsboro แคลิฟอร์เนีย

ครั้งนี้ หน้ากากปีศาจจะออกอากาศกลางกรุงนิวยอร์กครับผม

เรื่องย่อหนัง ‘Scream VI’

หลังผ่านเหตุการณ์ฝันร้ายที่นักฆ่าในชุดคลุมและสวมหน้ากากปีศาจ หรือที่เรียกว่า Ghostface ออกอาละวาดตามรอยเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในเมืองวู้ดสโบโร่ ตอนนี้ เหล่าผู้เหลือรอดทั้งสี่ย้ายมาเรียนระดับมหาวิทยาลัยกันในนิวยอร์ก เหมือนทุกอย่างจะคลี่คลาย ทาร่า คาร์เพนเตอร์ (Jenna Ortega จากซีรีส์ ‘Wednesday’ และหนัง ‘The Fallout’) สนุกสนามเต็มที่กับชีวิตราวลืมเรื่องร้ายของวันเก่าไปสิ้นแล้ว แต่แซม (Melissa Barrera จากหนังเรื่อง ‘In the Heights’ และซีรีส์เรื่อง ‘Vida’) พี่สาวของเธอยังคงวนเวียนอยู่กับมัน เธอยังคงทำหน้าที่ปกป้องทาร่าอย่างแข็งขัน เช่นกันกับอีกสองคน มินดี้ (Jasmin Savoy Brown) ที่กำลังมีความสุขกับอนิก้า (Devyn Nekoda จากซีรีส์เรื่อง ‘Ginny & Georgia’) และ แชด (Mason Gooding จากหนังเรื่อง ‘Fall’ และซีรีส์เรื่อง ‘Love, Victor’) ที่เริ่มต้นความสัมพันธ์กับทาร่า

แต่แล้วเหตุสยองขวัญก็กลับเกิดขึ้นอีกครั้งจนได้ และครั้งนี้ดูเหมือนจะ Ghostface หลายคน การค้นหาความจริงว่าใครกันที่เป็นเจ้าของหน้ากากจึงยุ่งยากขึ้น

ครั้งนี้ เคอร์บี้ รี้ด (Hayden Panettiere จากหนังเรื่อง ‘Scream 4’) กลับมามาดนักสืบเอฟบีไอผู้มีความสนใจเป็นพิเศษเรื่องคดี Ghostface พร้อมด้วยนักข่าว เกล เวเธอร์ส (Courteney Cox จากหนังเรื่อง ‘Scream 5’ และหวีดสุดขีดทุกภาค) จะขออาสามาร่วมสืบค้นและปราบคนร้ายในชุดคลุมและหน้ากาก

รีวิวหนัง ‘หวีดสุดขีด 6’

หลังผ่าน ‘หวีดสุดขีด ภาค 5’ ที่เล่าเรื่องรุ่นลูกที่เผชิญกับเหตุร้ายหน้ากากผีที่กลับมาอีกคำรบพร้อมร่วมกับรุ่นเก่าที่เคยมีประสบการณ์มาช่วยสืบหาและจัดการฆาตกรลงได้ มาภาคใหม่ ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ความล้อเลียนขนบของหนังแนวสืบหาฆาตกร ที่ครั้งนี้ยังคงมีตัวละครที่ตั้งตนเป็นกูรูผู้รู้ดีว่า หนังแนวนี้มันจะต้องเล่าภาคต่อภาคกันยังไง เหมือนคนเขียนบทและคนกำกับก็คงรู้ตัวดีว่านี่พวกตนกำลังทำหนังแฟรนไชส์ และสูตรของการทำหนังพวกนี้ต้องมีอะไรบ้าง ก็เลยจัดเอามาแซะตัวเองกันเสียหมดเปลือก กลายเป็นความฮากันไป

และในเมื่อแซงตัวเองขนาดนี้ เลยจัดมาอย่างที่แซะไว้ ทั้งจัดตัวละครใหม่เข้ามา ทั้งเพิ่มตัวร้ายให้มากกว่าเก่า Ghostface ที่มีหลายตัวจนคนดูเริ่มจะจับทางกันไม่ถูก ทั้งการเล่าที่ฉีกกฎเดิมๆ อะไรที่คนดูคุ้นเคยมาจะถูกเล่าไปอีกทาง แถมลีลาการเสียบก็ดูจะรุนแรงยิ่งกว่าเก่า อำมหิตเลือดสาดกว่าเก่า พาคนดูลุ้นเกร็งไปหมด ขณะที่เรื่องราวก็เดินไปเดินมาตลอด ไม่ปล่อยให้พักหัวใจกันเลย

หลังภาคห้าเล่าเรื่องของพวกที่ทำตัวเป็นแฟนพันธุ์แท้หนังสยองขวัญ มาภาคนี้ก็ยังเล่าเรื่องนั้นอยู่ แต่ดูเหมือนจะเพิ่มอีกมุมหนึ่งเข้ามา ซึ่งก็คงไม่อาจเขียนถึง ไปดูเอาเองแล้วกันเนอะ

ยังไม่รวมที่ภาคนี้ พาผู้คนออกจากเมืองวู้ดสโบโร่ที่เกิดเหตุมาหลายๆ ภาค ก้าวเข้าสู่มหานครเมืองใหญ่ ทำให้หลายฉากไล่ล่าชวนระทึกขยายไปอยู่สถานที่ที่มีผู้คนมากมาย กลายเป็นสถานการณ์ที่แปลกใหม่ไปจากที่ผ่านมา กลายเป็นหนังสยองขวัญที่ยาว 2 ชั่วโมง 3 นาที ที่ไม่จำเจและไม่มีช่วงไหนชวนรู้สึกว่าน่าเบื่อ

ผู้ชมที่ไปดูภาคนี้จะยังคงได้ลุ้น ได้ขำ ได้หวาดเสียว ไปพร้อมๆ กับการคาดเดาตัวฆาตกรว่าจะเป็นใคร ซึ่งเมื่อผ่านครึ่งเรื่องไปแล้ว อาจมีบางคนที่เริ่มจะคาดเดาได้ถูกว่าเป็นใครเพราะเหมือนจะมีทริคนี้ แต่ก็นะ เมื่อถึงเวลาหนังเฉลยก็เซอร์ไพรส์ไปเหมือนกัน

เมื่อตัวหนังสือลอยขึ้น ผู้ชมอาจคิดว่าหนังจบแล้ว แต่ปรากฏว่าหนังกลับมีฉากแถมขำๆ อีกต่อน สำหรับคนที่เดินออกเพราะคิดว่าหนังจบแล้วก็แน่นอนว่า อดดู!

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง