รีวิวหนัง Five Nights At Freddy’s 5 คืนสยอง ที่ร้านเฟรดดี้ | สยองสไตล์แฟมิลี่

พูดถึงหนังจากเกม ที่เคยดูก็มีหลายเรื่องอยู่นะ แต่ก็เป็นธรรมดาของคนที่ไม่เล่นเกม เลยไม่อาจจะไปเปรียบเทียบอะไรกับตอนที่เป็นเกมได้ รีวิวด้วยความรู้สึกจากดูเวอร์ชันที่เป็นหนังไปแล้วล้วนๆ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ‘Five Nights At Freddy’s’ หรือชื่อไทย ‘5 คืนสยอง ที่ร้านเฟรดดี้’ เป็นหนังที่สร้างมาจากวิดีโอเกม กับเรื่องราวที่เขาว่ามันลอกมาจากเกมเด๊ะๆ

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

ด้วยความที่ไม่เล่นเกม ก็เลยมารู้จักมันทีหลัง และด้วยความที่มันเป็นหนังเรท PG-13 ก็เลยไม่ได้เห็นอะไรที่โหดๆ มากเท่ากับการเล่าแบบครึ่งหนึ่งเป็นบาดแผลในใจของตัวละครพระเอก ที่ต้องสูญเสียน้องชายที่ถูกลักพาไป เขาจึงพยายามจะดูแลน้องสาวให้ดีที่สุด แต่ต้องมาสะดุดเพราะพฤติกรรมตัวเอง หนังนำเสนอปมการสูญเสียของตัวละคร ที่ทำให้หนังมันมีแง่มุม เล่าสลับกับเรื่องสยองของหุ่นผีในร้านพิซซ่าเก่า ที่เราว่าเมื่อมันเล่าปมพระเอกมากไป มันก็เลยฉุดรั้งความสยองของหนัง

ก็ดูสนุกกันได้แบบครอบครัวดีแหละ มีช็อตฮาและสะดุ้งได้อยู่บ้าง แต่ถ้าคาดหวังว่าจะสยองโหดก็บอกได้เลยว่าไม่ไปถึงขั้นนั้น

เรื่องย่อหนัง ‘5 คืนสยอง ที่ร้านเฟรดดี้’

ไมก์ (Josh Hutcherson จากหนังเรื่อง ‘Zathura’ และ ‘The Hunger Games’) ชายหนุ่มที่กำลังตกที่นั่งลำบาก หลังทำงานที่ไหนไม่ได้นาน เปลี่ยนงานบ่อยจนมีปัญหาในการหางานใหม่ ตอนนี้เขามีภาระดูแลแอบบี้ (Piper Rubio จากหนังเรื่อง ‘Holly & Ivy’ และซีรีส์เรื่อง ‘Unstable’) น้องสาววัยสิบขวบที่ค่อนข้างเงียบและเอาแต่วาดรูป แถมเขายังมีปมในใจเรื่องความสูญเสียการ์เร็ตน้องชายไปเมื่อสิบปีก่อนด้วย

ในที่สุด เมื่อไมก์มีปัญหาเพิ่มมาอีกอย่าง เขาต้องการจะรักษาสิทธิในการเลี้ยงดูแอบบี้ หลังป้าของเขามองว่า ไมก์ไร้ความสามารถ ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง จึงอยากจะพาแอบบี้ไปเลี้ยงเอง งานนี้ ทำให้ไมก์ต้องตัดสินใจรับงานพนักงานรักษาความปลอดภัยกะกลางคืนที่ร้าน เฟรดดี้ ฟาซแบร์ พิซเซอเรีย แต่มันเป็นร้านอาหารเก่าที่ตกแต่งสไตล์สวนสนุกที่ปิดไปนานแล้ว แต่เจ้าของยังเก็บไว้อยู่

แต่แล้ว ไมก์ก็พบว่าร้านเฟรดดี้แห่งนี้ไม่ใช่อย่างที่ได้รับบรีฟมา มันมีอะไรมากกว่านั้น หุ่นยนต์ที่นั่นมันขยับเองได้ แถมยังมีข่าวลือที่น่ากลัวเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้อีก เขาได้รับความช่วยเหลือจากสาวสวย วาเนสซา เชลลี่ (Elizabeth Lail จากซีรีส์เรื่อง ‘You’ และ ‘Once Upon a Time’) ที่เป็นตำรวจท้องถิ่น ในการรับมือกับสิ่งเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นในร้านเฟรดดี้แห่งนี้

รีวิวหนัง ‘Five Nights At Freddy’s’

มันเป็นหนังแนวสยองขวัญบวกระทึกขวัญที่สร้างจากวิดีโอเกม ที่สร้างปรากฏการณ์ทำรายได้ในสัปดาห์แรกของบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกาที่ 78 ล้านเหรียญ ซึ่งเมื่อรวมทั่วทั้งโลกก็รวมได้ถึง 130 ล้านเหรียญเลยทีเดียว ด้านเสียงวิจารณ์บน Rotten Tomatoes นั้น ได้ไปเพียง 25% จากนักวิจารณ์ ขณะที่ได้ใจจากผู้ชมได้เยอะถึง 89% ทำให้น่าคิดน่าสนใจเหมือนว่า เมื่อเข้าไปดูเองแล้วจะรู้สึกเช่นไร

หนังค่อยๆ เริ่มด้วยการเล่าเรื่องของไมก์ ที่เผชิญกับชีวิตที่ยากลำบากเพราะนิสัยของตัวเขาเอง กลายเป็นคนที่เปลี่ยนงานบ่อยจนหางานยากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุด ก็ต้องยอมทำงานที่รายได้น้อยและเป็นกะกลางคืน ต้นเหตุหลักๆ ก็คือ เขาต้องการรักษาสิทธิการเป็นผู้เลี้ยงดูแอบบี้น้องสาวผู้น่ารักของเขานั่นเอง

แม้แอบบี้จะไม่ค่อยพูดค่อยจากับเขา แต่เขาก็ยังเป็นโลกทั้งใบของเธอ เช่นนั้น เขาจึงต้องสู้หน่อยกับงาน รปภ. ในร้านอาหารเก่าที่ไม่รู้เจ้าของจะเก็บไว้ทำซากอะไร แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ในร้านพิซซา เฟรดดี้ ฟาซแบร์ แห่งนี้มีบางสิ่งน่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ หนังเล่าสลับเรื่องแต่ละคืนในร้านเฟรดดี้ ด้วยความฝันของไมก์ที่ยังคงเจ็บปวดกับการสูญเสียน้องชายวันไปเที่ยวป่าสนในอดีต แต่ก็เชื่อมโยงกับโลกปัจจุบัน เพราะอาการบาดเจ็บในฝันเชื่อมโยงกันกับเหตุในโลกจริง

แต่ก็อาจเพราะด้วยความที่มันต้องการอยู่ในเรท PG-13 ความโหดเลือดสาดแบบจัดเต็มมันเลยไม่เกิดขึ้น ผู้ชมจะได้พบกับความสยองขวัญแบบยั้งมือ เหมือนจะมาแบบน่ากลัว เตรียมจิกเบาะไว้รอ แต่แล้วก็ไม่มีโอกาสได้จิก หนังสร้างช็อตระทึกชวนลุ้นได้อยู่เรื่อยๆ แหละ ถ้าไม่ได้คาดหวังกับหนังมาก ก็ถือว่ามันก็เดินเรื่องได้ดีพอประมาณ ขณะที่การดึงคนดูเข้าสู่ฝันของตัวเอก กลับช่วยฉุดรั้งให้หนังไม่น่าสะพรึงอย่างที่ควรจะเป็นนัก หากมันกลับสร้างพาร์ทลึกลับเข้ามาเพิ่มจนกลายเป็นหนังที่มีสามขาและแย่งกันว่าฉันต้องเด่น

สุดท้าย เหมือนหนังจะปูมาว่าเป็นหนังผีที่ควบคุมหุ่นทั้งห้าที่ออกมาอาละวาด แต่เมื่อผ่านไปถึงองก์สุดท้าย กลับเฉลยอะไรออกมาในอีกทางหนึ่ง มันจึงผิดไปจากความคาดหวังของผู้คน คนทำอาจมองว่าเป็นเซอร์ไพรส์แต่คนดูอาจไม่คิดเช่นนั้น แล้วหนังก็จบลงอย่างปัจจุบันทันด่วน ลงเอยอย่างห้วนๆ ให้คนอ้าปากค้างเล่นๆ ซะอย่างนั้น

Taglines: Can you survive?

แต่ในบางจุด หนังเรื่องนี้ก็ทำได้ดีนะ อย่างเช่น ความกวนตีนของมัน หรืออย่างช็อตฮาที่เล่าถูกชายหนุ่มแฟนคุณป้า แล้วก็ช็อตสะดุ้งที่หนังเล่นแล้วเล่นอีก แล้วก็ทำให้คนฮาตามจังหวะ รวมทั้งหนังมีฉากแถมอยู่กลางเครดิต ที่ได้ทั้งสะดุดงทั้งฮาอีกหนึ่งกรุบ รวมๆ เลยเป็นหนังที่สามารถเอามาดูได้เพลินๆ แบบไม่ถึงกับเสียเวลาเท่าไหร่

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง