ซีรีส์ซีรีส์ฝรั่งรีวิว

รีวิวซีรีส์ All the Light We Cannot See ดั่งแสงสิ้นแรงฉาน | เจอกันท่ามกลางไฟสงคราม

เมื่อทหารนาซีถูกสั่งให้แกะรอยคลื่นวิทยุของสาวฝรั่งเศสตาบอดใน WWII งานดีในทุกด้าน และเราอยากให้คุณได้ดู

เน็ตฟลิกซ์เพิ่งเริ่มฉายลิมิเต็ดซีรีส์ ที่มีจำนวน 4 ตอนอย่างเรื่อง ‘All the Light We Cannot See’ ชื่อไทย ‘ดั่งแสงสิ้นแรงฉาน’ ไป แล้วนายแพทก็กระโจนเข้าใส่ในทันที สร้างจากหนังสือนิยายผลงานของ Anthony Doerr ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก แถมยังรางวัลพูลิตเชอร์อีกด้วย แล้วเราก็ได้พบว่า เวอร์ชันซีรีส์เองก็ทำออกมาดีและถูกใจอย่างมากเช่นเดียวกัน

ภาพจากซีรีส์เรื่อง ดั่งแสงสิ้นแรงฉาน
ภาพจากซีรีส์เรื่อง ‘ดั่งแสงสิ้นแรงฉาน’
source: Netflix

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

สิ่งแรกที่ทำให้มันน่าสนใจก็คือ มันเป็นซีรีส์ที่มีพากย์ไทยและพากย์เอาไว้ดีมาก อย่างต่อมาก็คือ การได้ชมตัวอย่างแล้วรู้สึกอยากดูอยากรู้เรื่องราวขึ้นมาในทันที อันดับต่อมา คือ งานสร้าง การร้อยเรียงเรื่องราว การตัดต่อ และการแสดง มันออกมาลงตัวจนไม่รู้สึกอยากจะติตรงไหนเลย มันซ่อนแง่มุมของความเกลียดชัง สะท้อนความเลวร้ายของสงคราม และจุดประกายความหวังให้กับผู้คน ผ่านเรื่องราวการค้นหาซึ่งกันและกันของตัวละครต่างดินแดนที่พบกันเพราะรายการวิทยุ

เป็นหนึ่งในซีรีส์ทาง Netflix ที่ผมชอบและไม่อยากให้ทุกคนพลาดชมจริงๆ ครับ


เรื่องย่อซีรีส์ ‘All the Light We Cannot See’

ก่อนนี้ มีรายการวิทยุคลื่นสั้น 13.10 ที่ออกอากาศวันละชั่วโมง ที่ดำเนินโดยชายคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า ‘ศาสตราจารย์’ เขามักบอกเล่าเรื่องของแสงสว่างและความรู้ต่างๆ เป็นประจำ ก่อนที่รายการของเขาจะหายไปช่วงหนึ่ง และต่อมาก็กลับเป็นเสียงของหญิงสาวอีกคน

มารี-ลอร์ เลอบลองก์ (Aria Mia Loberti) หญิงสาวตาบอดชาวฝรั่งเศส เธออยู่ในเมืองเล็กริมทะเลอย่างแซงต์มาโล ใช้การกระจายเสียงผ่านทางวิทยุ เพื่อจะสื่อสารกับปู่เอเตียนและพ่อของเธอ แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น เสียงของเธอถูกฝ่ายนาซีเยอรมันมองว่าเป็นภัยที่ต้องกำจัด

ตัวอย่างอย่างเป็นทางการของซีรีส์เรื่อง ‘ดั่งแสงสิ้นแรงฉาน’ ทาง Netflix

ขณะอีกด้านหนึ่ง แวร์เนอร์ ฟินนิช (Louis Hofmann จากซีรีส์เรื่อง ‘Dark’ และหนังเรื่อง ‘Red Sparrow’) อัจฉริยะเด็กกำพร้าที่กลายเป็นทหารเยอรมันหนุ่มผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการแกะรอยคลื่นวิทยุ เขาถูกนายทหารสั่งให้ติดตามและแกะรอยเสียงตามสายของมารี และเพราะสงครามครั้งนี้ ได้ชักพาของคนสองคนที่ต่างเชื้อชาติที่เป็นศัตรูกัน..ให้มาเจอกัน


รีวิวซีรีส์ ‘ดั่งแสงสิ้นแรงฉาน’

ในซีรีส์เรื่องนี้ ยังมีนักแสดงและตัวละครอีกหลายตัวที่ไม่ได้พูดถึงไว้ในเรื่องย่อ แต่ก็สำคัญกับเนื้อเรื่องไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น ดาเนียล เลอบลองก์ (Mark Ruffalo จากหนังเรื่อง ‘Spotlight’ และ ‘Foxcatcher’) พ่อของมารี ชายผู้ทำงานที่พิพิธภัณ์ธรรมชาติในกรุงปารีสในฐานะผู้ถือกุญแจทุกดอกของที่นั่น ในวันที่เยอรมันบุกยึดเมือง สองพ่อลูกก็เดินทางย้ายถิ่นฐานมาอยู่เมืองชายทะเลอย่างแชงต์มาโล ชายผู้มีความลับเกี่ยวกับหินมีค่าก้อนหนึ่ง มันชื่อ ‘ทะเลเพลิง’ ที่ ไรน์โฮลด์ ฟอน รัมเบล (Lars Eidinger) ทหารเยอรมันอีกคนตามหาอยู่ เพราะเขาเชื่อว่ามันเป็นหินวิเศษที่รักษาโรคร้ายให้ตัวเองได้

นอกจากนี้ ก็ยังมี เอเตียน (Hugh Laurie จากหนังเรื่อง ‘Tomorrowland’)​ ปู่ของมารี หนึ่งในกลุ่มต่อต้าน เขาคือวีรบุรุษสงครามที่ผ่านศึกและมองเห็นความตายของเพื่อนทหารมามากมาย ปัจจุบัน เขากลายเป็นชายแก่ที่หวาดกลัวโลกภายนอก และยังคงมองเห็นภาพความโหดร้ายของสงครามที่ตัวเองเคยพบพาน แล้วก็ยังมีย่ามาเนค (Marion Bailey) ที่เคยอยู่ในบ้านที่เหลือเพียงหญิงตาบอดอย่างมารี

ภาพจากซีรีส์เรื่อง ดั่งแสงสิ้นแรงฉาน
ภาพจากซีรีส์เรื่อง ‘ดั่งแสงสิ้นแรงฉาน’
source: Netflix

เริ่มต้นเรื่อง มารีอยู่บ้านหลังนั้นคนเดียว เธอออกอากาศรายการผ่านคลื่นวิทยุความถี่เดิม ในตอนนั้น เรายังไม่เห็นวี่แววของปู่เอเตียน พ่อดาเนียล รวมทั้งย่ามาเนค ก่อนที่เรื่องราวต่างๆ ที่มาที่ไปจะถูกบอกเล่าให้เราได้รับรู้ในช่วงเวลาต่อมา ทำให้นายแพทได้รู้จักกับ แวร์เนอร์ เด็กเยอรมันคนที่โตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พร้อมกับแววอัจฉริยะด้านวิทยุสื่อสาร จนในที่สุด ก็ถูกคนของท่านผู้นำบังคับให้ต้องมาเป็นทหาร และรับใช้ในสงครามที่เขาไม่ได้อยากเป็น ได้รู้จักกลุ่มต่อต้านที่กลายเป็นส่วนสำคัญในการปลดแอกฝรั่งเศสจากภาวะสงคราม ได้รู้จักอีกมุมหนึ่งที่เราผู้อ่านน้อยอาจไม่ค่อยได้รับรู้

ด้วยการเล่าเรื่องที่สลับไปสลับมา ไม่เป็นเส้นตรง กระโดดไปเวลานั้นที เวลานี้ที แต่ก็ไม่ชวนงง ทั้งยังกลับช่วยกันต่อจิ๊กซอว์และเติมเต็มเรื่องราวทั้งหมดให้กลายเป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างดี

ภาพจากซีรีส์เรื่อง The Light We Cannot See
ภาพจากซีรีส์เรื่อง ‘The Light We Cannot See’
source: Netflix

ขณะที่ในด้านการแสดงนั้น Aria Mia Loberti คนที่เล่นเป็นมารี สวมบทบาทหญิงสาวตาบอดที่สานต่อรายการวิทยุคลื่นสั้น 13.10 ไว้ได้ดี แต่ก็มีบางครั้งที่รู้สึกว่า เธอเล่นเหมือนหญิงสาวที่มองเห็นมากกว่าตาบอด นอกนั้นก็ไม่มีที่ติเลย แต่อาจจะดูประหลาดไปบ้าง เมื่อเห็นว่า แวร์เนอร์ เป็นทหารเยอรมันที่พูดไม่เป็นสำเนียงเยอรมัน หรือดาเนียลที่เป็นชาวฝรั่งเศสแต่พูดอังกฤษตลอด ปัญหานี้จะหายไปเมื่อคุณดูพากย์ไทยแบบผม

โปสเตอร์ซีรีส์เรื่อง The Light We Cannot See
โปสเตอร์ซีรีส์เรื่อง ‘The Light We Cannot See’
source: Netflix

งานภาพ การจัดแสง (ซึ่งสวยมาก) งานโปรดักชัน เทคนิคพิเศษ สร้างฉากของเมืองเล็กๆ อย่างแซงต์มาโลที่ถูกถล่มด้วยอาวุธสงครามอย่างการทิ้งระเบิดและปืนใหญ่ของอเมริกา สมจริงและเนียนตา ขณะที่ดนตรีประกอบก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับการดำเนินเรื่อง ที่เริ่มจากความสงบนิ่ง เล่าปูเรื่องที่อาจไม่น่าตื่นเต้นนักในช่วงแรก แต่ก็ค่อยๆ เพิ่มความสนุกขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึงตอนสุดท้าย

มันทำให้เราทั้งตื่นเต้นและเสียน้ำตาให้กับมิตรภาพเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในสงครามครั้งใหญ่ของมนุษยชาติ มิตรภาพอันงดงามที่งอกเงยท่ามกลางเถ้าถ่านควันไฟที่ลอยฟุ้งในซากปรักหักพังโดยไม่ต้องแบ่งแยกชาติและภาษา

อ่อ…ตอนเครดิตปิดท้ายตอน 4 ยังมีภาพของเมืองที่ถูกสงครามถล่มจนยับเยินให้ดูกันด้วยนะ


รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์

ชื่อซีรีส์All the Light We Cannot See / ดั่งแสงสิ้นแรงฉาน
ผู้สร้างSteven Knight, Shawn Levy
ผู้กำกับShawn Levy
ผู้เขียนAnthony Doerr
ผู้เขียนบทSteven Knight, Shawn Levy
นักแสดงAria Mia Loberti, Louis Hofmann, Lars Eidinger, Hugh Laurie, Mark Ruffalo
แนว/ประเภทดราม่า, ประวัติศาสตร์, สงคราม
จำนวนตอน1 ซีซัน: 4 ตอน
ช่องทางรับชมNetflix
เริ่มออกอากาศ2 พฤศจิกายน 2023
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์21 Laps Entertainment, Pioneer Stilking Films, Netflix

คะแนนซีรีส์ ดั่งแสงสิ้นแรงฉาน

พล็อตและบท - 8
การดำเนินเรื่อง - 9
การแสดง - 8
เพลงและดนตรีประกอบ - 8
งานถ่ายภาพ โปรดักชั่นและเทคนิคพิเศษ - 8.5

8.3

All the Light We Cannot See

สิ่งแรกที่ทำให้มันน่าสนใจก็คือ มันเป็นซีรีส์ที่มีพากย์ไทยและพากย์เอาไว้ดีมาก อย่างต่อมาก็คือ การได้ชมตัวอย่างแล้วรู้สึกอยากดูอยากรู้เรื่องราวขึ้นมาในทันที อันดับต่อมา คือ งานสร้าง การร้อยเรียงเรื่องราว การตัดต่อ และการแสดง มันออกมาลงตัวจนไม่รู้สึกอยากจะติตรงไหนเลย มันซ่อนแง่มุมของความเกลียดชัง สะท้อนความเลวร้ายของสงคราม และจุดประกายความหวังให้กับผู้คน ผ่านเรื่องราวการค้นหาซึ่งกันและกันของตัวละครต่างดินแดนที่พบกันเพราะรายการวิทยุ เป็นหนึ่งในซีรีส์ทาง Netflix ที่ผมชอบและไม่อยากให้ทุกคนพลาดชมจริงๆ ครับ

User Rating: Be the first one !

PatSonic

บล็อกเกอร์ผู้ชอบดูหนังหลากแนว ฟังเพลงหลายสไตล์ มีเวลาว่างก็จะออกไปท่องเที่ยว บางเวลาก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน หยิบซีรีส์ขึ้นมาดู แล้วก็จะหยิบมาเขียนให้ทุกคนได้อ่านกัน
Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save

Adblock Detected

เนื่องจากบล็อกนี้อยู่ได้ด้วยความเอื้อเฟื้อผู้เยี่ยมชม รบกวนไม่ใช้ Ad Blocker เพื่อการเยี่ยมชมที่สมูธครับ