วันนี้ผมตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย สิ่งแรกที่คิดขึ้นมาได้ คือ อยากนอนยาวๆ อีกสักวัน หลังจากไปตะลอนอย่างสนุกมาสองวัน ความล้าก็ปรากฏให้เห็นบ้าง แต่ก็ต้องออกไปทำงานอีกแล้ว เอาน่า สู้ๆ ละกัน
คราวนี้ บล็อกนี้จะเปลี่ยนจากเล่าเรื่องหนังๆ เพลงๆ มาเป็นเล่าเรื่องเที่ยวๆ กันบ้างล่ะนะ หลังจากห่างหายไปนาน คราวนี้ ผมไปใกล้ๆ แค่ “ชะอำ” กับ “หัวหิน” ครับ
26 ก.ย. 2552 เวลา 5.30 น.
มือถือปลุกให้ตื่นขึ้นมา จำต้องตื่นทั้งที่อยากนอน เพิ่งนอนไปเมื่อตีหนึ่งกว่าๆ เอง ในที่สุดก็จัดแจงเตรียมข้าวของ อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ก็ออกเดินทางขึ้น BTS ไปยังจุดนัดหมายตอน 7 โมงกว่าๆ ก่อนที่สมาชิกทั้งเจ็ดจะขึ้นรถ Fortuner คันเดียวไปกินโจ๊กอร่อยๆ ยามเช้ากัน
ทริปนี้ จริงๆ ก็ถือว่าเป็นทริปที่มาแบบกระทันหันพอสมควรเหมือนกัน เพราะผมเองก็เพิ่งจะรู้เรื่องที่เพื่อนจะนัดไปเที่ยวกันทางเมลเพียงไม่กี่วันก่อนหน้า ด้วยความที่ไม่ค่อยได้เที่ยวไหนมานาน ความอยากเที่ยวสะสมเพิ่มพูนจนผลักดันให้ต้องไปให้ได้…
ล้อหมุนพาพวกเราออกจากเมืองหลวงวิ่งสู่ด้านขวาน หลังจากขับเลยไปหลายไฟแดง จนต้องใช้วิธีถามคนใจดีแถวนั้น ในที่สุดก็วนรถกลับมาถึงจุดหมายแรกของเราจนได้
10.46 น. “พระราชวังบ้านปืน”
วันนั้น บรรยากาศดูจะเป็นใจสำหรับการเที่ยว เพราะเมฆครึ้มฟ้าหม่นทั้งวัน แดดไม่มี อากาศจึงไม่ร้อน แต่ลมก็ไม่พัด เพียงแต่อาจจะมีผลให้ถ่ายรูปออกมาสวยยากขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นเอง “พระรามราชนิเวศน์” หรือชื่อที่คนรู้จักกันอย่าง “พระราชวังบ้านปืน” อยู่ในเขตทหาร เข้าประตูมาก็เจอทหารรอต้อนรับอยู่แล้ว ก่อนจะปล่อยเราเข้าไปยังที่จอดรถ เดินลงมาไม่กี่ก้าวก็มาถึงพระราชสถานสไตล์เยอรมัน ที่เริ่มก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่มาเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6 แน่นอนว่า พื้นที่ภายในโดยส่วนใหญ่จะถูกห้ามถ่ายรูป แต่บางจุดก็ยังพอจะถ่ายออกมาได้บ้าง เอาเป็นว่า เลือกรูปข้างนอกมาให้ดูก็แล้วกันนะ
จุดที่สวยงามในอาคารแห่งนี้มีหลายจุดมาก ไม่ว่าจะเป็นบันไดเวียนที่วนเข้าหากัน, ได้เห็นห้องสรงของพระเจ้าอยู่หัวฯ ห้องทรงพระอักษรและห้องต่างๆ, บานหน้าต่างที่เจาะเป็นช่องใส่กระจกแผ่นยาวๆ มองลอดออกไปเห็นสนามหญ้าสีเขียว และสวนหย่อมภายในที่เดิมเคยเป็นสนามแบดมินตันแห่งแรกของประเทศไทย จุดที่เคยเป็นโลเกชั่นถ่ายละครมาแล้วด้วย
11.37 น.
ได้เวลาลาจากวังแรกกันแล้ว เพื่อเดินทางกันต่อไป แต่ครั้งนี้ เราเปลี่ยนเป็นการเดินทัพด้วยท้องกันก่อน เราแวะกันที่ร้าน “แซบอีหลี” ร้านอาหารอีสานบนถนนเพชรเกษม ตรงข้ามกับค่ายนเรศวร สั่งมากินกันจนอิ่มแปล้ อาหารมื้อนี้อร่อยไม่น้อยสมชื่อร้านจริงๆ ได้เวลาเดินทางกันไปยังที่หมายถัดไปแล้วล่ะ
13.30 น. “พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน”
สถานที่ที่ไม่ไกลกันมากนักกับที่กิน ที่นี่ดูจะเป็นที่ย่อยอย่างดีสำหรับเรา ผมเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนั้นผมไม่ได้เช่ารถจักรยานมาขี่เล่นรอบๆ เช่าเพียง 20 บาท ก็ขี่ได้ทั้งวัน หรือจะเช่าแบบซ้อนก็ 30 บาท เอาเป็นว่า ได้ฟื้นวิชาการทรงตัวอีกครั้งแล้วสิเรา
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน อยู่ในตัวอำเภอชะอำแล้วล่ะ ที่นี่นอกจากจะมีวังที่สำคัญซึ่งถูกฟื้นฟูจนมีสภาพสวยงามในปัจจุบันแล้ว ยังมีจุดขี่จักรยานชมทัศนียภาพพร้อมความรู้ของป่าโกงกางอีกด้วย
แต่ก่อนหน้านั้น เราแวะกันที่ “บ้านเจ้าพระยารามราฆพ” กันก่อน บ้านพักของสมุหราชองครักษ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว บ้านมีสีสันเดียวกับวัง คือสีฟ้า, เหลืองและชมพู บ้านไม้ที่มีบานประตูหน้าต่างเปิดโล่งรับลมทะเล บรรยากาศเย็นสบายน่าอยู่จริงๆ เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นมาเยี่ยมบ้านนี้
หลังจากนั้น เราก็ถีบสองล้อไปถึงบริเวณของป่าโกงกาง ที่ที่เราได้ทัศนาธรรมชาติของระบบนิเวศน์สำคัญของชายทะเล ในจุดนี้ เราขี้จักรยานไปบนสะพานไม้ที่ทอดยาวแทรกตัวเข้าไปในป่า บางจุดก็ต้องจอดรถไว้ แล้วเดินไป มีสะพานโยงให้เราเดินข้ามไปอีกฝั่ง จึงได้ไปพบกับเจ้าปูก้ามแดงเข้า นอกเหนือไปจากปลาตีนตัวโตที่ว่ายข้ามลำห้วยไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากมาจากป่าก็มาถ่ายรูปกันอีกเล็กน้อย ก่อนจะกลับทางเดิม เพื่อไปชมพระราชนิเวศน์แบบเต็มๆ กัน ครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ค่อนข้างจะเข้มงวดกับผู้เที่ยวชมมากขึ้น ผู้ที่พกกล้องใหญ่ ต้องลงทะเบียนกล้องพร้อมกับรับป้ายมาติดไว้ในจุดที่เห็นได้ง่าย เดินเข้าไปก็พบว่าจุดขึ้นอาคารเปลี่ยนที่ไปตรงกลางของบริเวณอาคาร ถุงใส่รองเท้าเป็นถุงผ้าดิบ ซึ่งเราสามารถซื้อกลับบ้านได้? ขึ้นบนอาคารกล้องใหญ่ห้ามถ่าย เอาเป็นว่าความเข้มงวดครั้งนี้ แม้จะถือว่าดีต่อการดูแลรักษาสภาพของอาคาร ความเป็นเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของอาคาร แต่ก็ลดทอนความสุขในการเที่ยวชมลงไปไม่น้อย
ผมจึงได้แต่เลือกหยิบแต่ทัศนียภาพด้านนอกๆ มาฝากกัน
ด้วยความเพลินของการเที่ยวชมด้วยจักรยาน ทำให้ “เพลินวาน” ถูกเลื่อนให้เป็นกำหนดการในวันถัดไป
[ ตอนถัดไป: เที่ยวชะอำ-หัวหิน ตอนที่ 2 กินซีฟู้ด เดินตลาดหัวหิน ]
น่าเที่ยวจังครับ พี่แพทเก็บตัวอยู่นาน เปิดสมองบ้างก็ดี รออ่านตอนต่อไปครับ เอารูปลงเยอะๆนะครับ ชอบดู
“พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน” อยากไปอีกจัง ^^
เป็นอีกที่ ที่ผมอยากไปมากๆครับ แหม ดูบรรยากาศแล้ว มีความสุขจัง คุณลุงของเรา อิอิ
สิ้นปีนี้โบนัสออกแล้วเจอกันนะ
สวนในพระราชวังบ้านปืนสวยดีจริง