รีวิวหนัง Tales From Earthsea ศึกเทพมังกรพิภพสมุทร | ผจญภัยไม่ลุ่มลึก

จากซีรี่ส์ของ Ursula K. Le Guin กลายมาเป็นอะนิเมะ ภายใต้การกำกับครั้งแรกของทายาทมือกำกับอะนิเมะระดับปรมาจารย์ Hayao Miyazaki นาม Goro Miyazaki ครับ วันนี้ ผมได้ดูแล้วอะนิเมะของ Studio Ghibli เรื่อง ‘Tales From Earthsea’ หรือชื่อภาษาญี่ปุ่น เขาว่า ‘Gedo Senki’ ชื่อไทย ‘ศึกเทพมังกรพิภพสมุทร’ (เพิ่งรู้นะเนี่ย)

ข่าวว่า เจ้าของบทประพันธ์ดั้งเดิมค่อนข้างผิดหวังในอะนิเมะเรื่องนี้ด้วยเนื้อหาที่บิดเบือนบิดเบี้ยวไปพอสมควร แต่ดูจะชื่นชมในด้านงานภาพอยู่นะ ผมเองก็ไม่เคยอ่านบทประพันธ์ดั้งเดิม เลยไม่สามารถจะแยกแยะตรงนี้ได้มากนัก

ผลงานของลูกชาย Hayao Miyazaki ด้านงานกำกับภาพ ถือไม่เลว ลายเส้นของเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากเรื่องก่อนๆ สวยเวอร์เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ค่อนข้างต่างออกไป คือ อารมณ์และการเล่าเรื่อง ซึ่งบางทีมันก็ไม่อาจจะอธิบายออกมาเป็นตัวอักษรกันได้ง่ายๆ เหมือนกันนะเนี่ย

เรื่องย่อ ‘Tale From Earthsea’

ตำนานที่เล่าว่า โลกนี้เป็นของ มนุษย์และมังกร ที่มีฐานะ ศักดิ์และสิทธิ์เท่าเทียมกัน แต่มนุษย์เลือกพื้นดินและพื้นน้ำ ขณะที่มังกรกลับเลือกอิสระและท้องฟ้า มนุษย์และมังกรจึงห่างไกลกัน จนไม่มีใครได้เห็นมังกรอีก แต่แล้วก็เกิดวิปริตบางอย่างกับโลก พืซผลเสียหาย โรคระบาดแพร่กระจาย มีผู้คนพบเห็นมังกรฆ่ากันเอง แล้วตัวเอกของเรื่อง ก็ฆ่าพ่อของตัวเอง (ซึ่งไม่รู้ว่าตายหรือเปล่า เพราะเรื่องไม่พูดถึงอีกเลย) ก่อนจะหนีมาจนเจอพ่อมด (ซึ่งในเวอร์ชั่นพากย์ไทยเรียก “พ่อมดเหยี่ยว”) ผู้ระบุว่า สมดุลของโลกเปลี่ยนไป

จำต้องเดินทางตามหาที่มา และจัดการให้กลับเข้าสู่สมดุลอีกครั้ง

แล้ว อาร์เรน เด็กตัวเอกของเรื่อง จากเคยเป็นเจ้าชายแห่ง Enlad ก็กลายเป็นผู้เร่ร่อน ไปกับเพื่อนร่วมทางอย่างพ่อมดเหยี่ยว พบเจอทั้งมิตร (เทนาร์ คนที่ดูเหมือนจะเป็นคนรักของพ่อมดเหยี่ยว และ เทรึ เด็กสาวที่เกือบกลายเป็นทาส) และศัตรู (พ่อมดค็อบและลูกน้อง) อาร์เรนต้องต่อสู้กับด้านมืดในตัวเองที่ยังดิ้นไม่หลุด และ…และ…และยังไงต่อ คงต้องขอนั่งดูอีกรอบ

รีวิวแอนิเมชัน ‘ศึกเทพมังกรพิภพสมุทร’

ดูเหมือนจะมีปรัชญาที่แทรกแฝงอยู่ไม่น้อย และซีนอารมณ์แบบสงบๆ นั่น หาไม่ค่อยเจอในอะนิเมะเรื่องนี้ คงมีซีนเดียวละมั้ง ที่เทรึร้องเพลงธีมของเรื่องคนเดียวในทุ่งหญ้าหลังบ้านของเทนาร์ ซีนนี้ยาวทั้งเพลงเลยทีเดียว

โดยรวม ก็ถือว่า เป็นอะนิเมะที่ดี อาจจะไม่ได้สื่ออะไรที่ลุ่มลึกเท่าอะนิเมะของผู้เป็นพ่อนัก แต่ก็เป็นก้าวและจุดเริ่มต้นที่น่าจะพัฒนากันต่อไปได้ เพราะวันหนึ่ง ผู้เป็นพ่อคงต้องจากลาวงการไปนั่งนอนพักอยู่กับบ้านเสียที ฝากความหวังของ Studio Ghibli เอาไว้ในมือลูกๆ และผู้สืบต่อนี่แหละที่มาช่วยดูแล

อะนิเมะจาก Studio Ghibli อาจจะมีเอกลักษณ์หรือรูปแบบที่แตกต่างไปบ้างจากวันนี้ นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องดูกันไป

ที่เหลือ คงต้องหา ‘Ponyo’ มาดูสินะ อิอิ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง