รีวิว Raya and the Last Dragon รายากับมังกรตัวสุดท้าย | แอนิเจ้าหญิงอาเซียน

กระแสดีและได้ยินคนพูดถึงกันมาอยู่เรื่อยๆ แม้จะฉายมาสองสามสัปดาห์แล้วก็ตาม จนในที่สุด ก็ออกจากบ้านเดินเข้าโรงหนังเพื่อไปดูแอนิเมชันเรื่องใหม่จากดิสนีย์บ้าง เจ้าหญิงของเขาคราวนี้เป็นชาวเอเซียนที่ชวนให้รู้สึกใกล้ตัวอย่างยิ่ง ‘Raya and the Last Dragon’ ชื่อไทย ‘รายากับมังกรตัวสุดท้าย’ ที่มีคนไทยเข้าไปมีส่วนร่วมสำคัญด้วย

เรื่องราวของผู้คนในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำมังกรที่เคยสุขสงบมาช้านาน แต่เพราะความขัดแย้งทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ และเจ้าหญิงของเรื่องจะกลายเป็นผู้กอบกู้อาณาจักรให้กลับมาปรองดองและรุ่งเรืองดังเช่นที่เคยเป็นหรือไม่เรื่องนี้ เข้าฉายไปหลายวันแล้ว แต่ผมเพิ่งจะได้เข้าไปดูในโรง แถมยังไม่มีเวลาจะมานั่งเขียนรีวิวอีก

ขออภัยจริงๆ ที่อาจจะเขียนถึงแอนิเมชั่นเรื่องนี้ล่าช้าไปสักหน่อย

---

เรื่องย่อแอนิเมชัน ‘Raya and the Last Dragon’

อาณาจักรคุมันตรา เคยกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวเมื่อ 500 ปีก่อน ก่อนจะเกิดเหตุแห่งความแตกแยกขึ้น

มนุษย์เคยอยู่อาศัยกับมังกรที่นำพาความชุ่มชื้นและความสงบสุขมาให้ จนวันหนึ่ง อสูรดรูนรุกคืบบ้านเมือง ที่ใดที่มันเยื้องกรายเข้าไป จะบังเกิดความแห้งแล้งและผู้คนที่สัมผัสถูกมันก็จะกลับกลายเป็นหิน จนหลงเหลือผู้คนอยู่น้อยมาก มังกรที่คอยต่อสู้แทนมนุษย์ก็กลับต่อสู้ไม่ไหวกลายเป็นหินไปด้วย

จนเหลือเพียง ซิซู มังกรตัวสุดท้ายที่ถ่ายทอดพลังสุดท้ายไว้ในมณีมังกรสังหารดรูนทั้งหมดได้ นำชีวิตผู้คนกลับมาทั้งหมด หากมังกรมิได้กลับมา

หลัง 500 ปีผ่านพ้นและคุมันตรายังคงแตกแยกเป็นห้าผ่า หัวใจ เขี้ยว สันหลัง กรงเล็บ และหาง แต่ละเผ่าต่างมีชัยภูมิ ภูมิประเทศและภูมิอากาศที่แตกต่างกันไป เฉกเช่นเดียวกับชีวิตความเป็นอยู่และนิสัยใจคอ

รายา (Kelly Marie Tran จากหนังเรื่อง ‘The Croods: A New Age’ และ ‘Star Wars: Episode IX – The Rise of Skywalker’) คือเจ้าหญิงของเผ่าหัวใจที่เป็นเหมือนผู้พิทักษ์มณีมังกรเอาไว้ เธอต้องรับสืบทอดหน้าที่นี้จากผู้เป็นพ่อผู้ต้องการรวมห้าแผ่นดินเป็นหนึ่ง การเชิญชวนทุกเผ่ามาร่วมพูดคุยดูจะไม่เป็นผล เมื่อต่างเผ่าต่างมาเพื่อแย่งชิงมณีมังกรจนมันแตกและแต่ละเผ่าฉกฉวยไปครอบครอง และส่งผลให้ดรูนออกมาอาละวาดอีกครั้ง

รายาจึงออกเดินทางตามหาซิซู (Awkwafina จากหนังเรื่อง ‘Jumanji: The Next Level’ และ ‘The Farewell’) มังกรตัวสุดท้ายในตำนาน เพื่อปราบอสูรร้ายดรูนให้สิ้นซาก และนำพาคุมันตราอันแสดงถึงความปรองดองเป็นหนึ่งเดียวกลับคืนมาอีกครั้ง

---

รีวิวแอนิเมชัน ‘รายากับมังกรตัวสุดท้าย’

คงเป็นแอนิเมชันสไตล์เจ้าหญิงจากดิสนีย์เรื่องแรกๆ เลยก็ว่าได้ ที่หยิบจับเอากลิ่นอายของหลายสิ่งหลายอย่างที่อบอวลอยู่ในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ามารวมไว้ในหนังเรื่องเดียวกัน

ห้าเผ่า ขมวดรวมกลิ่นไออาเซียน ในนาม คุมันตรา

เผ่าทั้งห้าในดินแดนที่เคยเป็นคุมันตรา นั้นก็ถูกตั้งชื่อตามตำแหน่งอวัยวะต่างๆ ของลุ่มแม่น้ำที่คดเคี้ยวดังมังกร แต่ละเผ่าก็มิได้มีลักษณะที่แยกได้ว่ามาจากความเป็นชาติใดชาติหนึ่งในอาเซียน หากแต่เคล้าคนรวมอยู่ด้วยกัน ประหนึ่งต้องการจะบอกเล่าถึงความเกาะเกี่ยวของคนในภูมิภาคที่ไปมาหาสู่กันและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันอยู่เสมอ ราอาจจะรู้สึก เอ๊ะ กับบางสิ่งในเผ่านี้ว่ามันคุ้นเคยกับบ้านเรา

ขณะเดียวกัน เราก็อาจรู้สึกว่าสิ่งที่เป็นเรามันอยู่ในเผ่าอื่นๆ ด้วย อะไรประมาณนี้

เดินเรื่องฉับไว ใช้ฉากแอคชันสร้างอารมณ์สนุก ใช้ความเป็นอาเซียนดึงอารมณ์ร่วม

หนังแอนิเมชันเรื่องนี้ มีฉากแอคชันมากมายผสมกับฉากผจญภัย เพราะตัวเองรายาต้องทั้งปกป้องมังกร เดินทางตามหาชิ้นส่วนของมณีมังกรที่กระจายอยู่ตามเผ่าต่างๆ ทั้งยังรวบรวมสมัครพรรคพวกที่มีทั้งคนและสัตว์ ทั้งผู้ใหญ่ วัยรุ่น และเด็กตัวกระเปี๊ยก เรื่องราวจึงไม่เพียงขยับไว หากยังมีความสนุกตื่นเต้นจากการเดินทางและการต่อสู้เข้ามาสลับอีกด้วย

อีกทั้ง หนังยังใส่ภาพของแผนที่ กราฟิกบอกชื่อเผ่า ตัวละครบอกเล่าลักษณะของแต่ละท้องที่ เป็นความพยายามที่จะช่วยให้ผู้ชมจดจำรายละเอียดของแต่ละเผ่าให้ได้มากที่สุด หนังจึงดำเนินไปข้างหน้าอย่างไม่มีหยุดหย่อน น้อยครั้งจะได้พักหายใจหายคอ

ไม่แปลกที่ผู้คนจะชื่นชอบและบอกว่ามันเป็นหนังที่สนุก

นอกจากนี้ หนังยังหยิบเรเฟอเรนซ์ของหนังแอคชันแฟนตาซีที่ผู้คนคุ้นเคยมาใช้ให้เป็นประโยชน์ด้วย

อย่างบางฉาก ก็ชวนให้นึกไปถึงหนังสงครามถล่มจักรวาลอย่าง ‘สตาร์วอร์ส’ ในฉากที่รายาขี่ตุ๊กตากลิ้งหมุนไปในพื้นที่อันแห้งแล้งของเผ่าหาง หรือบางฉากก็ชวนให้นึกไปถึงเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ ‘อะเวนเจอร์ส’ รวมพลังจากตัวแทนแต่ละเผ่าที่ฝ่าฟันเพื่อสิ่งเดียวกัน และต่อกรกับเหล่าอสูรร้าย ฉากที่หมุนวนกับตัวละครหลายๆ ตัวในวงล้อมของเหล่าอสูร

มังกรตัวสุดท้าย กับเพื่อน(ที่คิดว่า)สนิทแต่คิดหักหลัง

พล็อตเรื่องอาจจะดูไม่ฉีกแนวออกไปสักเท่าไหร่ ภารกิจตามหามังกรตัวสุดท้าย ใช้วิธีเดินทางไล่เก็บไอเท็มจนครบ และสร้างเป็นมังกรที่มีพลังสมบูรณ์ ก็เป็นอะไรที่เรียบง่ายและไม่จำเป็นต้องคาดเดาอะไรมากนัก เมื่อผสมกับกลิ่นไอความเป็นอาเซียนที่อบอวลอยู่ตลอดเรื่อง มันก็มีแรงชักจูงมากพอให้ผู้คนมีอารมณ์ร่วมในการเอาใจช่วยตัวละครอย่างรายา

รายามีทั้งแรงจูงใจที่ได้รับจากพ่อ ผู้ต้องการสร้างคุมันตราให้กลับมาเกิดใหม่ แต่อีกส่วนหนึ่งในใจของเธอ ก็คือการพาพ่อที่กลายเป็นหินให้กลับมาอีกครั้ง ผู้คนจึงพร้อมจะหลั่งรินน้ำตาให้กับเธอได้ไม่ยากเย็น

ขณะที่ตัวละครร้ายของเรื่อง ก็กลับเป็น นามารี (Gemma Chan จากหนังเรื่อง ‘Captain Marvel’, ‘Crazy Rich Asians’ และกำลังได้เล่นเรื่อง ‘Eternals’) เจ้าหญิงแห่งเผ่าเขี้ยว ที่เป็นทั้งเพื่อนที่รายาไว้ใจ แต่ก็เป็นคนที่ทำลายความไว้ใจไม่ให้หลงเหลือ มังกรซิซูเสียอีกที่ใช้การกระทำ ทำให้เธอได้สติ

โดยรวมมันคือการหลอมรวมใจของผู้คนที่แตกแยกรวมกันเป็นหนึ่งเดียว หมายจะบ่งบอกผู้คนที่คิดต่างกัน ผู้คนที่อยู่กันคนละชาติคนละภาษา ให้กลับมาสมัครสมานสามัคคีกันอีกครั้ง แม้ความจริงจะมีเหตุปัจจัยอื่นมากมาย หากแต่นี่มันเป็นแอนิเมชัน จึงไม่จำเป็นต้องเล่าไปไกลถึงขั้นนั้น ประเด็นของหนังที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง จึงเป็น ความเชื่อมั่น/ความไว้ใจ ที่ถูกหยิบมาใช้เล่าอยู่สองสามครั้ง

เป็นแอนิเมชันที่ดูสนุกก็ได้ ได้แง่มุมความคิดก็มี แถมยังมีกลิ่นไอที่ชวนภาคภูมิใจอีกด้วย

---

ชื่อภาพยนตร์: Raya and the Last Dragon / รายากับมังกรตัวสุดท้าย
ผู้กำกับภาพยนตร์:  Don Hall, Carlos López Estrada, Paul Briggs, John Ripa
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Qui Nguyen, Adele Lim
นักแสดง: Kelly Marie Tran, Awkwafina, Gemma Chan, Izaac Wang, Daniel Dae Kim, Benedict Wong, Sandra Oh
ดนตรีประกอบ:
แนว/ประเภท: Animation, Action, Adventure, Comedy, Family, Fantasy
ความยาว: 107 นาที
ปี: 2021
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
เรท: ไทย/ , USA/
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 4 มีนาคม 2021
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Walt Disney Animation Studios, Walt Disney Pictures