หลายๆ หน ผมมักจะลองเปลี่ยนแนวไปหาอะนิเมะในแนวที่แตกต่างออกไปบ้าง เพื่อความหลากหลายของสไตล์ของเรื่องราวที่จะมานำเสนอในบล็อกแห่งนี้ ผมไปเจออะนิเมะเรื่องหนึ่งที่ออกมาในช่วงหน้าร้อนของปี 2009 เห็นว่าน่าสนใจดี เลยหยิบมาเล่าสู่กันอ่านครับ
‘Umi Monogatari – Anata ga Ite Kureta Koto’ แปลเป็นชื่อไทย ก็คงได้ว่า ‘นิทานแห่งมหาสมุทร – เธอคนที่คอยอยู่เคียงข้างกัน’ เป็นอะนิเมะสไตล์โรแมนติกแฟนตาซีที่มีที่มาค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับผมครับ คือ แทนที่มันจะสร้างขึ้นมาจากมังงะ หรือจากหนังสือนวนิยาย แต่ไม่ใช่ครับ มันกลับถูกสร้างขึ้นมาจากตู้ปาจิโกะชื่อดังของบริษัท Sanyo Bussan กำกับโดย Junichi Sato ผู้ที่เคยกำกับ ARIA นั่นเอง
ณ ท้องสมุทรที่แสนสงบเงียบ ทุกสิ่งเคลื่อนไหวอย่างพริ้วไหว รอบตัวมีแต่สีฟ้าและฟองอากาศ เป็นบรรยากาศที่แสนเพลิดเพลินและน่าอยู่ แต่จู่ๆ ก็มีแหวนน่ารักๆ วงหนึ่งร่วงหล่นลงมา และเปลี่ยนแปลงความสงบสุขของมหาสมุทรไปเป็นอีกด้านอย่างสิ้นเชิง
มารินและอูริน พี่สาวและน้องสาวที่รักกันมาก พวกเธออาศัยอยู่ในทะเลมาตลอด เติบโตมาด้วยกัน ร่างกายของพวกเธอก็เหมือนกับมนุษย์อย่างเราๆ นี่แหละ พวกเธอทั้งสองพบแหวนนั้นเข้าขณะมันกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นสมุทร ด้วยความดีและความไร้เดียงสาของมาริน เธอต้องการนำแหวนไปคืนเจ้าของ แม้จะได้รับคำทัดทานจากอูรินที่เตือนพี่สาวว่า ชาวท้องฟ้านั้นใจร้าย โดยยกตัวอย่างผู้เฒ่าเต่าที่ขึ้นไปยังท้องฟ้าตั้งนานแล้ว แต่จนป่านนี้ ก็ไม่ได้กลับลงมาอีกเลย
รีวิวอะนิเมะซีรีส์ ‘Umi Monogatari ~Anata ga Ite Kureta Koto’
สำหรับชาวมหาสมุทร มนุษย์อย่างเราๆ ถูกเรียกว่า ชาวท้องฟ้า แต่การที่พวกเธอจะหายใจเมื่ออยู่บนท้องฟ้าได้นั้น ต้องสวมกำไลเวทย์มนตร์ ด้วยการแต่งตัวที่ค่อนข้างล่อแหลม จึงค่อนข้างเป็นจุดสนใจของชาวท้องฟ้ามากอยู่สักหน่อย
บนท้องฟ้าของชาวมหาสมุทร เป็นที่ตั้งของเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งที่ค่อนข้างผูกพันกับท้องทะเลมาอย่างยาวนาน ขนาดมีเพลงลำนำของเกาะที่กู่ก้องถึงท้องทะเลด้วยซ้ำ ขณะที่ตัวละครสำคัญของฝั่งนี้ ก็คือ มิยาโมริ คาน่อน สาวน้อยผู้มีออร่ามืดมนปรากฏเป็นประจำ เธอไม่ค่อยจะมีเพื่อน มีอาชีพเป็นหมอดูที่เธอเองก็ไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่ แต่เธอกำลังประสบปัญหาหัวใจเมื่อเธอคิดว่า เธอกำลังโดนโคจิมะผู้เป็นแฟนทิ้งไปคบกับคนอื่น ความมืดเข้าครอบงำจนเธอตัดสินใจถอดแหวนวงนั้น และโยนมันทิ้งลงไปในทะเล
…แล้วเรื่องราวก็ดูจะเลวร้ายยิ่งขึ้น เมื่อคาน่อนโยนแหวนวงนั้นไปไกลลิบด้วยความโมโหอีกครั้ง สองพี่น้องต้องออกตามหามันอีกหน จนเกิดเหตุร้ายแรง ระหว่างการแยกกันตามหาแหวน อูริน น้องสาวเกิดไปเปิดผนึกและปลดปล่อยปีศาจร้ายเซโดน่าออกมาอาละวาดด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นอกจากนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของมารินและอูรินต้องสั่นคลอนลงไปด้วย
แต่โชคยังดี ที่ผลของเหตุดังกล่าวก็ทำให้ผู้เฒ่าเต่ามัตสึโมโตะก็กลายร่างจากหินกลับมามีชีวิต เพื่อเป็นผู้ช่วยในการปิดผนึกปิศาจร้ายให้ได้อีกครั้ง หากแต่การที่จะทำเช่นนั้นได้ ต้องผสานพลังจากมิโกะแห่งมหาสมุทร และมิโกะแห่งท้องฟ้า ซึ่งฝ่ายแรกนั้นแน่นอนว่า ต้องเป็นมารินอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะที่ฝ่ายหลังจำต้องค้นหา ซึ่งก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้หรอก ช่ายมะ?
ผู้เฒ่าเต่าบอกว่า เซโดน่าคือปิศาจผู้ขึ้นมาจากท้องทะเลสู่ท้องฟ้า และทำให้ท้องฟ้าและมหาสมุทรแปรเปลี่ยนจากแสงสว่างให้กลายเป็นความมืดมิด หากแต่ความสว่างและความมืดมิดที่เฒ่าเข้าใจนั้น แท้จริงคือสิ่งใดกันเล่า
การดำเนินเรื่องอาจจะถูกแทรกบ้างด้วยมุกขำๆ ฮาๆ แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงวนเวียนไปที่มุกออร่ามืดมนของคาน่อน
ทั้งเรื่องพูดถึงความมืดและความสว่างอย่างไม่ว่างเว้น ความมืดและความสว่าง นอกจากจะปรากฏให้เห็นกับตา ด้วยภาพเมฆหมอกที่ปกคลุมท้องฟ้า แสงอาทิตย์ที่ถูกบดบัง และความคล้ำดำของน้ำทะเล มันยังถูกกล่าวถึงในลักษณะของนามธรรม
จุดเด่นของอะนิเมะเรื่องนี้ คงอยู่ที่งานภาพที่เต็มไปด้วยสีสัน โดยเฉพาะฉากในท้องทะเล บางส่วนของเรื่องอาจจะออกแนวใสๆ แต่บางส่วนก็เต็มไปด้วยความมืดทึม บางครั้งก็ล่องลอย บางฉากอาจจะเน้นฉากตลกๆ บ้าง แต่หลายครั้งก็เน้นไปที่ฉากต่อสู้และฉากแปลงร่างสวยๆ หลายคนที่ได้ดูน่าจะมีความสุขและหลงรักมันได้ไม่ยาก
นอกจากงานด้านภาพแล้ว อีกจุดที่โดดเด่นไม่แพ้กัน ก็คือ เสียงเพลงประกอบที่เพราะและซึ้งจับใจ ไม่ว่าจะเพลงเปิดปิด หรือเพลงบรรเลงที่ประกอบเรื่องราว
สุดท้ายแล้ว ความมืดมนและความสว่างที่แท้จริงนั้นคืออะไร ปิศาจร้ายตนนั้นมาจากไหน แต่ไม่ว่าผลสรุปจะเป็นอย่างไร ความสว่างก็ตรงข้ามกับความมืดเสมอ เมื่อมีความมืดก็ย่อมมีความสว่างอยู่เสมอเช่นกัน
มันเป็นกฎของธรรมชาติ อยู่ที่เราจะยอมรับการมีอยู่มันหรือไม่เท่านั้น…