
ช่วงหยุดยาวทั้งที แถมยังมีงานอีเวนต์ต่างๆ ให้เลือกไปมากมาย สุดท้าย ก็แทบจะไม่ได้ไปเลยสักงาน โดยเลือกเอางานๆ หนึ่งไว้ “งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 15” ซึ่งจริงๆ เราก็ไม่เคยมานั่งจำว่า มันงานไหนเป็นงานไหน เพราะไม่ว่าจะเป็นงานใด เราต่างก็เรียกมันว่า “งานสัปดาห์หนังสือ” เสียทุกครั้งไป
งานนี้ จัดขึ้นวันที่ 21-31 ตุลาคม 2553 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ส่วนผมเองก็ได้ไปงานมาเมื่อวาน (23 ต.ค.) วันนี้ เลยขอหยิบบรรยากาศมาเล่าสู่กันอ่านสักนิดนึง
ผมไปถึงงานในช่วงเย็นของวันหยุดยาว พบว่า ผู้คนที่มาเที่ยวงานวันนี้ มีจำนวนไม่มากนัก ทำให้เดินเที่ยวงานหนังสืออย่างสบายๆ เป็นครั้งแรกที่มาเดินแล้วเจอคนแบบหลวมๆ แน่นอน และก็เหมือนหลายๆ ครั้ง ที่ผมมักจะมาเดินโดยไม่มีหนังสือเล่มใดอยู่ในใจก่อนมา พูดง่ายๆ ก็คือ เจอเล่มไหนน่าสนใจก็ซื้อ เท่านั้นแหละ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เรียกได้ว่า ผมใช้เวลาเดิน เดิน และเดินอยู่พักใหญ่เหมือนกัน ว่าจะหาหนังสือที่อยากจะจ่ายเงินซื้อ การเลือกเดินหาหนังสือในงานมันก็ดีอยู่อย่าง ตรงที่เราสามารถเดินเข้าไปยืนดูปก จนพบชื่อหนังสือที่สะดุดใจแล้วก็ยืนเปิดดู อ่านบางหน้า ดูคำนำ ดูคำโปรยหลังเล่ม ดูหน้าตาปก กระดาษที่ใช้ การออกแบบภายในเล่ม ตัวหนังสือที่ใช้พิมพ์ เล่มไหนยังไม่ถูกใจเพียงพอ ก็จะถูกวางกลับไปที่เดิม
งานนี้ นอกจากเราจะไปหาหนังสือถูกใจและราคาถูกกว่าปกติแล้ว เราก็ยังมีโอกาสได้พบนักเขียนในดวงใจ เพื่อพูดคุยและขอลายเซ็นเป็นที่ระลึก ซึ่งเป็นหนึ่งในการสร้างยอดขายของหนังสือบางเล่ม ที่มีผู้เขียนเป็นนักเขียนชื่อดัง ที่ผมไปเจอในงานวันนี้ ผมได้พบกับ “นิ้วกลม” นักเขียนนักคิดชื่อดัง จากผลงาน “โตเกียวไม่มีขา”, “ณ”, “Soundtracks of My Love” และอีกหลายต่อหลายเล่ม ผลงานเขาเยอะจริงๆ และพบว่า แถวของแฟนหนังสือของเขาช่างยาวจริงๆ
เดินมาอีกหน่อย เจอแถวยาวอีกแถว คราวนี้เป็นของสองดีเจ แห่ง Club Friday ดีเจพี่ฉอด และดีเจอ้อย ที่ออกพ็อคเกตบุ๊คเล่มใหม่ในงานมหกรรมหนังสือครั้งนี้ด้วย แถมยังได้เจอพี่ป้าง และคุณ Chris Write ตัวเป็นๆ อีกด้วยเช่นกัน
แต่ขอสารภาพว่า ผมไม่ได้ไปเข้าแถวกับใครสักคน เนื่องจากผมชื่นชอบในการอ่านหนังสือ และสนใจมาหาหนังสืออ่าน ไม่ได้ต้องการลายเซ็นแต่อย่างใด
หลังจากเดินไปเดินมาอยู่สักพัก ก็พบกับหนังสือที่จะซื้อปรากฏตัวขึ้นเรื่อยๆ พวกมันทะยอยถูกผมหยิบและจับจองเป็นเจ้าของทีละเล่มๆ
ผมพบว่าหนังสือของบางสำนักพิมพ์ค่อนข้างทำรูปเล่ม หน้าปก กระดาษ การพิมพ์ที่น่าอ่านมากๆ น่าจะสร้างประสบการณ์ที่ดีในระหว่างอ่านได้ดี แต่เมื่อเปิดอ่านดู ก็พบว่า เรื่องราวในนั้นไม่ได้โดนใจอะไรมากนัก สุดท้ายก็ต้องวางหนังสือเหล่านั้นกลับไปที่เดิม การออกแบบรูปเล่มดี อาจชวนให้อยากได้เป็นเจ้าของ แต่ก็คงไม่ใช่ทั้งหมดที่จะทำให้เราควักเงินซื้อมาได้ โดยเฉพาะกับกระเป๋าของคนที่ไม่ได้มีเงินมากพอจะซื้อหนังสือมาเก็บ
ผมไม่ได้หมายถึงว่า หนังสือเล่มนั้นไม่มีคุณค่า ไม่มีเรื่องราวที่ดี เพียงแต่ความดีในนิยามของเรา มันไม่เท่ากับของคนอื่นเท่านั้นเอง
สุดท้าย ผมก็ได้หนังสือมาแค่ 5 เล่ม ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่ต่างกับครั้งที่ผ่านๆ มา หลายๆ คนคงประสบปัญหา ซื้อหนังสือจากงานมาแล้วพบว่า ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่ยังอ่านไม่จบ บางเล่มยังไม่ถูกเปิดอ่าน พอ “งานหนังสือ” ครั้งใหม่มา หนังสือกลุ่มใหม่ก็ถูกซื้อมาเพิ่มอีก
สุดท้าย ผมก็คิดว่า ผมซื้อแค่นี้ก็พอแล้วครับ ระหว่างที่ไม่มีงาน ผมก็ยังมีโอกาสที่จะซื้อหนังสือได้อยู่แล้วนี่นา แม้ว่ามันจะไม่ลดราคาก็ตามเหอะ!
ไปวันเดียวกันครับ แต่ผมไปช่วงเช้าตั้งแต่เปิดงาน บางบูทคนเยอะจนเดินผ่านไม่ได้ ส่วนบางบูทก็แทบไม่มีคนเฉียดไปเลย (เห็นแล้วแอบสงสารเหมือนกัน)
ผมได้มา 6 เล่ม ไม่รวมการ์ตูนแบบยกแพ็คอีกนิดหน่อย แต่รวมๆแล้วเสียไปไม่ถึง 1000
แถมนิด : ผมชอบบรรยากาศสัปดาห์หนังสือสมัยที่จัดแถวๆคุรุสภา มากกว่าครับ :)
เหมาเครือ Abook มาเยอะเลยนะพี่ อ่าน LOST and Found ของดีเจปาล์มแล้วชอบมาก ส่วนของคุณนิ้วกลมก็ยังเขียนได้ดีอยู่ แต่ชอบอ่านเล่มแรกๆของเขามากกว่า รู้สึกสนุกกว่ายังไงไม่รู้
ต้องรอเงินเดือนออกก่อนถึงไปงานนี้ได้นะ จะสิ้นเดือนแล้วตังค์ไม่เหลือ ฮืออ
@JSanya: งานสัปดาห์หนังสือสมัยที่จุดแถวคุรุสภา มันนานมากเลยนะนั่น จำไม่ได้ว่า เคยไปหรือเปล่า
@nant_go ได้หนังสือมา 5 เล่มยังไม่รู้ว่าจะอ่านจบหมดทุกเล่มหรือเปล่า เหอๆ เดี๋ยวจะรีบอ่าน Lost and Found เป็นเล่มแรกๆ เลย อิอิ
มองไม่เห็น 2 เล่มท้ายๆ ว่าชื่ออะไร
แต่ดอกไม้ใต้โลก นี่มีแล้ว อิอิ
เขาไปเก็บตกหนังสือที่เคยผ่านตา แล้ววันหนึ่งก็มารู้สึกว่า เออ อยากอ่าน เท่านั้นแหละ
ส่วนหนังสือ 2 เล่ม เป็นหนังสือ เที่ยวเสาร์อาทิตย์ เอามานั่งอ่านเล่นๆ อิอิ
กำลังไปวันนี้ว่าจะไปเดินชื้อกระดานโก๊ะ
ว่าจะไปๆ แต่ก็ไม่ได้ไปสักที มีครั้งหลังบอกผมด้วยนะครับคุณลุง
ถ้างานหนังสือใหญ่ๆ ประจำปีก็จะมี 2 หนอะ มีนากะตุลา นอกนั้นจะเป็นหนังสืองานเล็กงานน้อย ถ้ามีอีกก็จะมาบอกละกัน